เอพี คงเป้ารายได้ 2.37 ล้านบาท จ่อเปิดโครงการร่วมทุนเพิ่ม 3 โครงการ รวมมูลค่า 1.6 หมื่นล้านคาดว่าเปิดปุ๊บ sold out ทั้งหมด 3 โครงการภายในสิ้นปีนี้
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) เปิดเผยว่า ปีนี้ยังคงเป้ารายได้อยู่ที่ 2.37 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 8.75 พันล้านบาท และในครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยจะอยู่ไนไตรมาส 3/59 – 4/59 เป็นหลัก ซึ่งมูลค่าที่จะโอนทั้งหมด 7.7 พันล้านบาท จากเป้ายอดโอนคอนโดมิเนียมในปีนี้อยู่ที่ 9.9 พันล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกโอนไปแล้ว 2.2 พันล้านบาท ทั้งนี้ การโอนโครงการคอนโดมิเนียมในครึ่งปีหลังจะมีโครงการที่บริษัทพัฒนาเองจำนวน 5 โครงการ และโครงการร่วมทุนกับญี่ปุ่น 3 โครงการ
ขณะที่โครงการแนวราบจะรอโอนรวมมูลค่า 3.2 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ของโครงการแนวราบที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ 3.2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรอโอนที่มีอยู่ทั้งหมด 1.28 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดขายรอโอนของโครงการคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 9.6 พันล้านบาท
ส่วนยอดขายยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท แม้ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้จะทำได้เพียง 1.18 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 4.6 พันล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท และยอดขายจากโครงการแนวราบ 7.2 พันล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากแผนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MEC) ในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้ จะเปิดอีก 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าทั้ง 3 โครงการจะสามารถปิดการขายได้หมด (Sold out) ทุกโครงการภายในปีนี้
โดยล่าสุด เตรียมเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ RHYTHM เอกมัย มูลค่าโครงการ 2.68 พันล้านบาท เป็นโครงการที่ 8 ที่ได้ร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัยสูง 32 ชั้น จำนวน 326 ยูนิต ราคาขาย 5.49-16 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยอยู่ที่ ตารางเมตรละ 1.9 แสนบาทจะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน AP SPACE VISION SIAM PARAGON ในวันที่ 8-11 ก.ย.นี้ ส่วนอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Life one Wireless มูลค่าโครงการ 6.4 พันล้านบาท และอีก 1 โครงการอยู่ติดแนวรถไฟฟ้าใจกลางเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนงาน ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของงบที่ใช้ในการซื้อที่ดินของบริษัทนั้น วางไว้ที่ 8 พันล้านบาท ส่วนของคอนโดมิเนียมใช้ไปแล้ว 4 พันล้านบาท ของงบที่ตั้งไว้ โดยบริษัทยอมรับว่าการซื้อที่ดินของบริษัทนั้นหาทำเลในการซื้อค่อนข้างยาก เนื่องจากทำเลที่บริษัทต้องการส่วนใหญ่เป็นทำเลที่ต้องอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าและห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไม่เกิน 500 เมตร ซึ่งเป็นทำเลที่บริษัทต้องการ
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง คาดว่ามีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโซนกรุงเทพฯ เนื่องจากมีความชัดเจนของการเร่งลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com