เจแอลแอลชี้คอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ขายอืด หลังผู้ซื้อทั้งไทยและเทศใช้เวลาตัดสินใจซื้อนานขึ้น เพราะมีตัวเลือกมาก คาดสิ้นสต็อกคอนโดฯ สร้างเสร็จในกรุงเทพฯ ทะลุ 446,000 ยูนิต โครงการทำเลใจกลางย่านธุรกิจยังคงได้รับความนิยมสูงสุด แนะผู้ประกอบการงัดข้อเสนอพิเศษดึงดูดใจผู้ซื้อ หากต้องการขายได้เร็วขึ้น
ตามการรายงานจากบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์) ระบุถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ว่าในช่วงที่ผ่านมามีขายได้ช้าลงเนื่องจากมีซัพพลายอยู่ในตลาดค่อนข้างมาก ทำให้ผู้ซื้อใช้เวลานานขึ้นในการหาและเปรียบเทียบตัวเลือก
นายบัณฑูร ดำรงรักษ์ หัวหน้าฝ่ายบริการธุรกิจที่พักอาศัย เจแอลแอล กล่าวว่า โดยทั่วไป ดีมานด์หรือความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ยังคงมีอยู่สูง โดยเห็นได้จากการที่เจแอลแอลยังคงได้รับการติดต่อสอบถามจากผู้สนใจซื้อเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพฯ แต่เนื่องจากปริมาณคอนโดฯ ที่มีเสนอขายอยู่มากในตลาด ทำให้ผู้ซื้อไม่แน่ใจว่ายูนิตที่กำลังสนใจนั้น เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วหรือไม่ จึงลังเลและใช้เวลาในการตัดสินใจนานขึ้น
รายงานจากศูนย์บริการข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยเจแอลแอล ระบุว่า ณ กลางปีนี้ กรุงเทพฯ มีคอนโดฯ สร้างเสร็จแล้วรวมกว่า 406,500 ยูนิต โดยในจำนวนนี้เป็นคอนโดฯ ที่สร้างเสร็จในช่วงครึ่งแรกของปีนี้รวม 29,200 ยูนิต และจะมีอีก 135,900 ยูนิตที่กำลังทยอยสร้าง โดยในจำนวนนี้ จะสร้างเสร็จในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ประมาณ 40,000 ยูนิต ซึ่งจะทำให้กรุงเทพฯ ณ สิ้นปี 2559 มีคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วรวมทั้งสิ้นมากกว่า 446,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปี 2555 เกือบเท่าตัว
นายบัณฑูร กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ที่สนใจซื้อคอนโดฯ และสอบถามผ่านมายังเจแอลแอลส่วนใหญ่ให้ความสนใจซื้อคอนโดฯ ระดับ ไฮเอนด์ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ แต่สนนราคาที่ผู้ซื้อกลุ่มดังกล่าวสนใจนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่คอนโดฯ ที่เสนอขายในทำเลดังกล่าว ราคาขายส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 200,000-300,000 บาทต่อตารางเมตร
“ผู้สนใจซื้อหลายรายรับรู้ว่าตลาดคอนโดในกรุงเทพฯ มีซัพพลายเพิ่มขึ้นมากและโครงการต่างๆ ขายได้ช้าลง จึงคาดหวังว่าเจ้าของจะปรับลดราคา แต่ในความเป็นจริง แม้การขายจะช้าลง ราคาคอนโดฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโครงการที่เปิดตัวใหม่ นอกจากนี้ โครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ยังคงมีราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 10-20% จากราคาเสนอขายช่วงเริ่มเปิดตัวโครงการก่อนเริ่มการก่อสร้าง” นายบัณฑูรกล่าว
นอกจากกลุ่มผู้ซื้อชาวไทยแล้ว เจแอลแอลยังพบอีกว่า มีชาวต่างชาติให้ความสนใจซื้อคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะจากฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน โดยจากการซื้อขายที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ และการติดต่อสอบถามที่เจแอลแอลได้รับ แสดงให้เห็นว่า ชาวต่างชาติที่สนใจซื้อส่วนใหญ่ เน้นโครงการไฮเอนด์เนื่องจากสามารถมั่นใจในคุณภาพการออกแบบ การก่อสร้าง และการบริหารจัดการอาคาร รวมถึงศักยภาพการลงทุน
“แม้ในขณะนี้ การซื้อคอนโดฯ เพื่อปล่อยเช่าในกรุงเทพฯ จะให้ผลตอบแทนไม่สูงมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3% แต่ชาวต่างชาติยังคงสนใจลงทุนซื้อ” นายบัณฑูรกล่าว พร้อมอธิบายว่า คอนโดฯ ในกรุงเทพฯ นับว่ายังมีราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับคุณภาพและทำเลที่เทียบเคียงกันกับคอนโดฯ ในฮ่องกง สิงคโปร์ หรือหัวเมืองใหญ่ๆ ของจีน ทำให้นักลงทุนจากประเทศเหล่านี้สามารถซื้อคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ได้ด้วยงบประมาณที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ แม้การซื้อคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ เพื่อปล่อยเช่าจะให้ผลตอบแทนการลงทุนไม่สูง แต่นักลงทุนหลายรายคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวมากกว่า จากมูลค่าที่คาดว่าจะปรับเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ การที่นักลงทุนต่างชาติสนใจซื้อคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการให้ความสนใจนำโครงการไปทำโรดโชว์ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี แม้นักลงทุนต่างชาติจะสนใจซื้อ แต่ก็ใช้ความระมัดระวังในการซื้อไม่น้อยกว่าผู้ซื้อชาวไทย ดังนั้น ในการนำโครงการไปเสนอขายในต่างแดน เจ้าของโครงการอาจไม่สามารถคาดหวังได้ว่าจะสามารถปิดการขายได้ในทันที เว้นเสียแต่ว่า จะมีการเสนอแรงจูงใจพิเศษมากพอที่จะกระตุ้นให้ผู้สนใจตัดสินใจซื้อในระหว่างจัดกิจกรรม
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com