“นิสัยการใช้เงินหรือนิสัยการออมเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องได้รับการปลูกฝังและได้รับการสอนตั้งแต่เด็กๆ”
หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “มีลูกมาก จะยากจน” ซึ่งจริงหรือไม่นั้น ต้องบอกว่า ไม่จริงเสมอไป แน่นอนว่าการมีลูกหลายคน ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกย่อมมากกว่าการมีลูกเพียงหนึ่งหรือสองคน แต่สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับลูกกลายเป็นภาระด้านการเงินให้พ่อแม่นั้น อยู่ที่วิธีการเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่ โดยครอบครัวที่มีลูกมาก หากเลี้ยงลูกถูกวิธี อาจไม่ประสบปัญหาด้านการเงินเลยก็เป็นได้ ซึ่ง K-Expert ธนาคารกสิกรไทย มีคำแนะนำที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้อย่างสบายๆ มาฝาก
สอนลูกใช้เงิน
คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกให้ลูกรู้จักบริหารเงินด้วยตัวเอง อาจกำหนดเงินค่าขนมเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน เพื่อฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบในการใช้จ่ายเงิน รู้จักประเมินการใช้เงินที่ได้รับให้เพียงพอตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้
เช่น ให้เงินลูกเป็นรายสัปดาห์ สัปดาห์ละ 200 บาท นั่นหมายความว่า ลูกไม่ควรใช้จ่ายเกินวันละ 40 บาท แล้วหากวันใดใช้เกิน ก็จะทำให้วันที่เหลือใช้เงินได้น้อยลง และควรมีข้อตกลงกับลูกว่า จะไม่มีการให้เงินเพิ่มหากลูกใช้เงินหมดก่อนครบสัปดาห์ หรือครบเดือนตามที่ตกลงกันไว้ เพราะหากให้เงินแก่ลูกเพิ่มทุกครั้งที่ลูกขอเงิน การปลูกฝังเรื่องการใช้จ่ายเงินให้กับลูกจะไม่เป็นผลสำเร็จ
นอกจากนี้ ยังควรปลูกฝังลูกเรื่องของการซื้อของว่าไม่ใช่ดูที่ความสวย หรือเป็นของแบรนด์หรู แต่ควรดูที่คุณภาพและประโยชน์ใช้สอยเป็นอันดับแรก
สอนลูกออมเงิน
เวลาที่ลูกอยากได้สิ่งของใดๆ พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะตามใจลูก ซื้อของให้ลูกตามที่ลูกต้องการ ซึ่งการตามใจลูกเช่นนี้เท่ากับเป็นการปลูกฝังนิสัยช่างขอและเรียกร้องไม่รู้จบ เมื่ออยากได้อะไร ก็จัดหามาให้ เป็นการทำร้ายลูกในระยะยาว
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ตามใจลูกมากเกินไป เมื่อลูกอยากได้สิ่งของใดๆ เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กราคา 20,000 บาท คุณพ่อคุณแม่อาจใช้หลักจ่ายคนละครึ่งกับลูก เพื่อฝึกให้ลูกเก็บออมเงิน และเรียนรู้ว่าหากต้องการได้สิ่งของใดๆ มิใช่ร้องขอจากพ่อแม่ทั้งหมด รวมถึงเมื่อทำแบบนี้แล้ว ลูกจะมีความภาคภูมิใจและยิ่งเห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้มาจากเงินออมของตนเอง
สอนลูกหาเงิน
เมื่อลูกเริ่มเข้าเรียนระดับมัธยมปลาย หรือมหาวิทยาลัย ซึ่งลูกเริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจสนับสนุนให้ลูกทำงานพิเศษช่วงปิดเทอม เช่น เป็นพนักงานในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด หรือรับจ้างสอนพิเศษ หากลูกเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบทำของน่ารักกระจุกกระจิก อาจแนะนำให้ลูกทำของออกมาขายเป็นสินค้า Hand-made เช่น กิ๊บติดผมน่ารักๆ ซองใส่มือถือเก๋ๆ รวมถึงสามารถใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางในการขายของได้
ทั้งนี้ ไม่ควรบังคับให้ลูกไปทำงานพิเศษ เพราะอาจทำให้ลูกรู้สึกต่อต้าน หรือไม่มีความสุขในการทำงาน แต่ควรแนะนำข้อดีของการทำงานว่าลูกจะได้อะไร ซึ่งการทำงานพิเศษถือเป็นบทเรียนสำคัญในการสอนลูกให้มีความรับผิดชอบ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ รวมถึงเป็นการสร้างรายได้เสริมให้ตัวเอง
หากคุณพ่อคุณแม่มีการปลูกฝังให้ลูกรู้จักบริหารเงินด้วยตนเอง จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า เราได้สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูกของเรา เพราะสิ่งเหล่านี้จะติดตัวลูกไปจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต
นอกจากนี้คุณยังสามารถสอนลูกให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการวางแผนการใช้เงินของลูกน้อยได้อีกด้วย
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย นิชฌานี ฉันทศาสตร์ CFP® K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com
