“วางแผนการเงินของครอบครัวร่วมกัน ทั้งการจัดการหนี้สิน กำหนดค่าใช้จ่าย และเก็บออมเงินตามเป้าหมาย เพื่อใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างมั่นคงและมีความสุข”
ในวันที่คนสองคน ตัดสินใจจับมือกันเข้าประตูวิวาห์ “ความรัก” อาจเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ แต่สำหรับการสร้างฐานะครอบครัวให้มีความสุขแล้ว หลีกไม่พ้นเรื่องการจัดการเงินของทั้งสองคน วันนี้ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย จึงอยากนำเรื่องการเงินที่คู่แต่งงานใหม่มักจะต้องเจอ ให้ทุกคู่สามารถสร้างครอบครัวที่อบอวลไปด้วยความรัก มีความสุขสมหวังจากการเงินที่งอกเงยได้ตามหน้าที่การงานและความต้องการที่มากขึ้นในครอบครัวกัน ดังนี้
“คิดให้ครบกับหนี้สินก้อนโต : บ้านให้ซื้อเผื่อ รถให้ซื้อแค่พอจำเป็น”
คิดก่อนซื้อบ้าน
สำหรับปัจจุบันแล้ว เรื่องการซื้อบ้านหรือคอนโดฯ เพื่อแยกอยู่อาศัยจากครอบครัว ดูจะเป็นเรื่องปกติที่คู่แต่งงานต่างก็เลือกทำกัน และด้วยค่าบ้านที่สูงมาก การขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านจึงอาจเป็นหนี้ก้อนโตก้อนแรกในชีวิต
ก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านควรศึกษา 5 ข้อต้องรู้ก่อน
ข้อชวนคิด ปกติเรามักจะเลือกซื้อบ้านแค่ตามวงเงินกู้ที่ได้รับ คำถามที่ว่า “เงินเดือนเท่านี้จะกู้ซื้อบ้านได้ที่เท่าไร” จึงเป็นคำตอบในเรื่องนี้ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ถ้าเรามั่นใจว่างานที่ทำจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีอย่างแน่นอน อย่างการเป็นพนักงานประจำ นั่นก็แสดงว่าเราจะสามารถผ่อนชำระได้มากขึ้นในทุกๆ ปีเช่นกัน การคิดเผื่อและเลือกซื้อบ้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกนิด เพื่อรองรับคนในครอบครัวในอนาคตไว้ล่วงหน้า เช่น ลูกหรือคุณพ่อคุณแม่ รวมทั้งเลือกทำเลบ้านที่สามารถตอบโจทย์ในอนาคต เช่น ใกล้ที่ทำงาน ใกล้บ้านคุณพ่อคุณแม่ หรือใกล้โรงเรียนที่ตั้งใจให้ลูกเรียน ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ควรนำมาตัดสินใจ
คำแนะนำ เก็บเงินดาวน์ให้มากขึ้นก่อนซื้อบ้าน หรือการขอกู้ร่วม 2 คน (อ่านบทความ: กู้ร่วมซื้อบ้าน ภาระผูกพันที่ต้องแบกรับไปตลอดชีวิต) โดยให้ภาระผ่อนต่อเดือนของทั้งคู่ไม่เกิน 30% ของเงินเดือน จะช่วยให้การซื้อบ้านขนาดใหญ่ขึ้น โดยไม่ต้องขอสินเชื่อก้อนใหญ่จนเกินความสามารถผ่อนชำระ เพราะในชีวิตคนเรา ไม่ได้ซื้อบ้านได้บ่อยนัก ดังนั้น การวางแผนที่จะเป็นหนี้ก้อนโตระยะยาวแบบนี้ ให้เป็นภาระหนี้ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิต จึงมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ได้แก่ การผ่อนชำระหนี้ก้อนโตในวันที่เรามีภาระไม่มาก (ยังไม่มีลูก) ผ่อนชำระได้นานอีก 30-35 ปี และราคาบ้านที่ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับราคาที่จะซื้อใหม่ในอนาคต และที่สำคัญต้องอย่าลืมคุ้มครองภาระหนี้ด้วยทำประกันคุ้มครองภาระหนี้ MRTA เพราะกว่าจะผ่อนหมด ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝัน บ้านในฝันอาจเป็นภาระในครอบครัวแทน ไม่ดีแน่ๆ
ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับประกันคุ้มครองภาระหนี้ MRTA
ไขข้อข้องใจประกันคุ้มครองเงินกู้ ข้อเสนอที่มาพร้อมการกู้ซื้อบ้าน
กู้บ้าน จำเป็นต้องทำประกัน MRTA หรือไม่
ถ้าเวนคืนกรมธรรม์ MRTA ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน จะได้เงินสดคืนเท่าไหร่?
คิดก่อนซื้อรถยนต์
เพราะรถซื้อแล้วราคามีแต่ “ลด”
ข้อชวนคิด จึงเน้นเลือกซื้อตามความจำเป็นต้องใช้งานเป็นหลัก เช่น ถ้าทั้งสองคนทำงานในเมืองเหมือนกัน ละแวกใกล้ๆ กัน การใช้รถยนต์แค่คันเดียว แบบอีโคคาร์ ทั้งประหยัดน้ำมัน ไม่ต้องไปจ่ายค่าจอดรถแสนแพงในเมือง และค่าใช้จ่ายดูแลรักษาที่จะตามมา ต่อคันตกเดือนละเกือบหมื่น ให้รถเป็นตัวช่วยให้เราประหยัดเวลาและค่าเดินทาง แทนการรับภาระที่เกิดจากรถยนต์กันดีกว่า
สำหรับคนที่วางแผนจะซื้อรถมาดูกันถึงวิธีการเลือกซื้อรถให้เหมาะกับตัวเองก่อนดีกว่า
“คิดร่วมกันกับรายจ่ายบ้าน : ลดรายจ่าย ออมอย่างมีวินัย”
รายจ่ายรายเดือน
เป็นเรื่องจริงที่ว่า การที่ได้มาอยู่ร่วมกันทำให้เราสามารถลดรายจ่ายได้ในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะค่าเดินทาง ค่ากิน
คำแนะนำ บันทึกรายรับรายจ่ายของทั้งสองคน เพื่อจะได้ทราบรายจ่ายไม่จำเป็นอะไรที่พอจะลดลงได้ จะมีเงินที่ช่วยกันเก็บออมได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากจะช่วยสร้างความเข้าใจในรายรับและรายจ่ายที่จำเป็นของแต่ละคน เช่น เงินก้อนสำหรับดูแลคุณพ่อคุณแม่ เงินก้อนสำหรับจ่ายค่าประกันชีวิต และยังสร้างแนวทางร่วมกันในการสร้างฐานะการเงินในบ้านได้อย่างดีเยี่ยมด้วย
สมาร์ทโฟนก็สามารถใช้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายได้
เป้าหมายอื่นๆ
รายจ่ายอีกก้อนที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ชีวิตคู่ อาจเป็นเงินก้อนสำหรับท่องเที่ยว พักผ่อนตามกิจกรรมไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ
คำแนะนำ การเขียนเป้าหมายให้ชัด และเก็บออมตามช่วงเวลาที่ต้องการ เช่น ท่องเที่ยวมัลดีฟส์ ในอีก 24 เดือนข้างหน้า ต้องใช้เงิน 100,000 บาท แค่นี้ก็ทำให้รู้ว่าการช่วยกันทยอยฝากเงินในบัญชีเงินฝากปลอดภาษี 24 เดือน เพียงเดือนละ 4,200 บาท จนครบ 24 เดือน ดังนั้นการเก็บเงินเพื่ออนาคตและเรื่องในปัจจุบันก็ทำได้ไปพร้อมๆ กัน
“คิดเผื่อไว้กับค่าเรียนลูก : เมื่อรู้ว่ามีลูก รายจ่ายก้อนใหญ่คือค่าเรียนลูก”
ระยะเวลาสั้น
ทันทีที่รู้ว่ากำลังจะมีลูก หลายๆ บ้านมักอยากหาที่เรียนพิเศษพัฒนาทักษะต่างๆ ของลูกก่อนเข้าโรงเรียน สิ่งที่ตามมาคือ ค่าเรียนตามสถาบันต่างๆ ที่แพงหูฉี่
ข้อชวนคิด ก่อนวัยเรียน การสร้างทักษะที่สำคัญคือการเข้าสังคม และการมีสมาธิเพื่อเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้สร้างทักษะให้ลูกได้ เช่น จากการพาลูกเดินเล่นรอบบ้าน หรือการให้ลูกนั่งคาร์ซีท และนั่ง High Chair ทานอาหาร หรือการงดไม่ให้ลูกเล่นอุปกรณ์สื่อสาร ไอแพดต่างๆ นอกจากจะประหยัดค่าเรียนแล้ว ยังทำให้เรามีความสุขจากการเห็นทักษะลูกได้ในทุกๆ วัน
คำแนะนำ ตั้งเป้าหมายทยอยเก็บเงินเพื่อเป็นทุนสำหรับการเรียนลูกล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ระดับชั้น เช่น ถ้าลูกอายุ 6 เดือน แสดงว่ายังมีเวลา 30 เดือนสำหรับเตรียมเงินเพื่อค่าเรียนระดับอนุบาล และอาจเก็บเงินเพื่อค่าเรียนระดับประถมศึกษา ในอีก 66 เดือน ข้างหน้าได้ ถ้ามีเงินเก็บได้เยอะ ก็เก็บได้พร้อมๆ กันไปหลายๆ ระดับชั้นได้
ระยะเวลายาว
คุณพ่อคุณแม่ควรมีเป้าหมายในใจว่าต้องการให้ลูกเรียนไปจนถึงระดับใด จะได้รู้ตัวและทยอยเก็บล่วงหน้า เช่นถ้าความตั้งใจคือ อยากให้ลูกเรียนปริญญาโทต่างประเทศ นั่นคือจะต้องมีเงินทุนประมาณ 10 ล้านบาท (รวมการเพิ่มค่าเทอมต่อปี ในอัตราปีละ 5%)
ข้อชวนคิด การวางแผนทยอยเก็บเงินหรือลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาว จะช่วยให้ถึงเป้าหมายได้มากขึ้น
คำแนะนำ ตั้งเป้าหมายทยอยเก็บเงินก้อนนี้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก เช่น อายุ 1 ขวบ ทยอยลงทุนต่อเนื่องนาน 20 ปี ผ่านกองทุนรวมหุ้น (อัตราผลตอบแทนคาดหวัง 10% ต่อปี) เดือนละ 13,200 บาท เพื่อเป็นทุน 10 ล้านบาทตามกำหนด และแนะนำให้ทำประกันเน้นคุ้มครองชีวิตคุณพ่อคุณแม่ ให้ครอบคลุมกับเป้าหมายนี้ ได้แก่ ประกันตลอดชีพ หรือประกันชั่วระยะเวลา คุ้มครองความเสี่ยงจากเรื่องไม่คาดฝัน ให้ลูกยังคงได้เรียนตามที่ตั้งใจ
การเงินในครอบครัวอาจเป็นเรื่องบอบบาง และไม่ใช่ทุกอย่าง แต่การจัดการเงินในบ้านที่ขาดการวางแผน ก็อาจทำลายความสุขในการสร้างภาพครอบครัวที่ต้องการได้ หันมาพูดคุยและร่วมใจกันจัดการเงิน
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย เบญญารัต ชวลิตทิพากร AFPT K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com