“28 Chidlom” จับกลุ่มนักลงทุนฟันธงอีก 3 ปีราคาขยับเป็น 4.5 แสนบาท/ตรม.

6 ก.พ. 2560

SC เปิดตัวโครงการคอนโดฯหรู “28 Chidlom” มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท พร้อมชูจุดเด่นสุดยอดทำเลเด่นหายากบนถนนชิดลม-ผู้ซื้อถือกรรมสิทธิ์ Freehold มุ่งเป้าเจาะตลาดซุปเปอร์ลักชัวรี่จับลูกค้ากระเป๋าหนัก เดินหน้าหวังผลักดันเป้ารายได้ทะลุ 20,000 ล้านบาท ในปี 2562

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดโครงการ 28 Chidlom (ทเวนตี้เอท ชิดลม) มูลค่า 8,000 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจปี 2560 ซึ่งเป็น 1 ใน 17 โครงการใหม่ โดยมูลค่าโครงการรวม 27,000 ล้านบาท และเป็น 1 ใน 3 โครงการคอนโดมิเนียมในกลุ่ม Limited Luxury Collection by SC ASSET ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ SC ได้ประกาศยุทธศาสตร์เชิงรุก SC ยุค 4.0 และเพื่อให้สามารถทำรายได้ทะลุเป้าหมาย 20,000 ล้านบาท ในปี 2562

สำหรับโครงการ 28 Chidlom มีขนาดพื้นที่ 3-0-24 ไร่ มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารสูง 2 อาคาร จำนวนรวม 427 ยูนิต แบ่งเป็น อาคาร The Towerขนาด 47 ชั้น จำนวน 243 ยูนิต รูปแบบห้องมีให้เลือกทั้งแบบ สตูดิโอ ,ห้องขนาด 1,2,3ห้องนอน และแบบเพนท์เฮ้าส์ โดยมีขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 33-190 ตารางเมตร ได้รับการออกแบบ Facade อาคารให้มีลักษณะเสมือน Jewel-box Facade สะท้อนเอกลักษณ์และความแตกต่างอย่างที่สุดจากโครงการอื่นๆ และในส่วนอาคาร The Villa ขนาด 20 ชั้น จำนวน 184 ยูนิต นั้นคาดว่าจะเปิดขายในปลายปีนี้

ปัจจุบัน โครงการ 28 Chidlom ได้ผ่านการอนุมัติการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งล่าสุดจากการเปิดขายในรอบ VVIP ที่ผ่านมา มียอดจองแล้วถึง 50% ในส่วนจำนวนนี้เป็นนักลงทุนซื้อถึง 70% โดยยูนิตถือซื้อมากสุดคือขนาด 1และ2 ห้องนอน อีกทั้งเพนท์เฮาส์ทั้ง 2 ยูนิต ได้ขายหมดแล้ว อย่างไรก็ดีทางบริษัทเตรียมจัดพรีเซลล์และเปิดให้ชมห้องตัวอย่าง ที่ Sales Gallery ณ ที่ตั้งของโครงการ ในวันที่ 25-26 ก.พ.นี้ โดยจะเปิดขายอาคาร The Tower ก่อน ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 14 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 350,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายการขาย อาคาร The Tower ในปีนี้ไว้ที่ 80% และคาดว่าน่าจะปิดการขายได้ในปีนี้

จุดเด่นที่สุดของโครงการนี้ก็ คือ ทำเล ที่ตั้งอยู่บนถนนชิดลมและเป็นทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยปัจจัยหลัก 3 ประการ ได้แก่1. The Walking-distance Neighbourhood ระยะห่างเพียง 250 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ชิดลม และ 180 เมตร จากเซ็นทรัล ชิดลม 2. The Location of Everything ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกชั้นนำอย่างครบครันในรัศมีเพียง 2 ก.ม. รอบๆ โครงการ และ3. The Rarest Oasis เนื่องจากการหาซื้อที่ดินขนาดใหญ่กว่า 3 ไร่ใจกลางเมืองในทำเลระดับWorld Class นี้ เป็นเรื่องยากมากในปัจจุบัน อีกทั้งในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีโครงการ High rise ที่ผู้ซื้อสามารถถือกรรมสิทธิ์แบบ Freehold และเป็นโครงการที่เปิดตัวใหม่ในรัศมี 500 เมตร รอบสถานีบีทีเอส ชิดลม อีกด้วย ปัจจุบันมีคอนโดฯระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ขายอยู่ในตลาดประมาณ 800 ยูนิต และจะมีโครงการเปิดขายใหม่อีก 1,000 ยูนิตแต่ก็อยู่โซนสุขุมวิท (ทองหล่อ) ปัจจุบันขายอยู่ที่ประมาณ 350,000-380,000 บาทต่อตารางเมตร

นอกจากทำเลแล้วงานออกแบบตัวอาคารก็มีความโดดเด่น ซึ่งเป็นผลงานจากความร่วมมือกันระหว่างบริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลก อย่างบริษัท Kohn Pederson Fox (KPF) ,Design 103 International และTROP ซึ่งแนวคิดหลักของงานออกแบบโครงการ28 Chidlom คือการออกแบบให้เป็น “An Urban Oasis” ใจกลางเมือง ที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 2 ใน 3 ของพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดของโครงการ โดยออกแบบให้มีการเชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่สีเขียวทั้งภายนอก และภายในอาคาร (A Series of Courtyard) เพิ่มความรื่นรมย์ให้กับผู้อยู่อาศัยอย่างลงตัว อีกทั้ง ภายในห้องชุดทุกแบบ ถูกออกแบบให้มีเพดานสูงถึง 3.1 เมตร และยังใช้บานกระจกแบบ Full height สูงเต็มถึงฝ้าเพดาน ทำให้ห้องชุดดูโปร่ง รับแสงธรรมชาติ และวิวสวยได้อย่างเต็มตา ส่วนห้องชุดแบบ 2 และ 3 ห้องนอน ได้รับการวางตำแหน่งให้ทุกยูนิตเป็นห้องหัวมุม ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวสูงที่สุดสำหรับผู้อยู่อาศัยซึ่งจะทำให้โครงการนี้พร้อมเป็น Landmark แห่งใหม่ใจกลางเมืองเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์

>>อ่านพรีวิวคอนโดมิเนียมโครงการ 28 Chidlomได้ที่นี่<<

สำหรับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าหลักคือ กลุ่มนักลงทุน ที่มองภาพระยะยาวจะถือครองกรรมสิทธิ์ 5-10 ปี ซึ่งจะมีสัดส่วนที่ 30% และซืัอเพื่ออยู่จริง มีสัดส่วน 70 % สำหรับโครงการนี้จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในปี 2562 และเมื่อโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จปี 2563 ราคาจะปรับขึ้นเป็น 450,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับในปี 2560 ทางSC ตั้งเป้าหมายรายได้ 14,800 ล้านบาทและยอดขาย 16,000 ล้านบาทเติบโต 38% โดยโครงการนี้จะทำยอดได้ให้ทางบริษัทประมาณ 3,000 ล้านบาทในปีนี้

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ