“เคล็ดลับที่ทำให้เป็นเศรษฐีเงินล้านคือ ตั้งเป้าออมเงิน รู้จักลงทุน และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม”
หลายๆ คนคงเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า “อยากมีเงินล้านจะต้องทำอย่างไร” คำตอบที่ได้ก็คงแตกต่างกันไปตามความสามารถของแต่ละคน บางท่านคาดหวังเงินก้อนโตจากการลงทุน บางท่านได้เงินจากการทำธุรกิจ แต่หนทางที่คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนคาดหวังคือ การทุ่มเทแรงใจแรงกายในการทำงาน ขยันหารายได้ และเก็บหอมรอมริบไปเรื่อยๆ ซึ่งหนทางนี้ ก็เป็นหนทางที่จะนำไปสู่ “เศรษฐีเงินล้าน” ได้เช่นกัน ส่วนจะไปถึงช้าเร็วอย่างไรนั้น K-Expert มีเคล็ด (ไม่) ลับที่ช่วยให้เงินงอกเงยเป็นล้านมาบอก
โดยเคล็ดลับ 3 ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อก้าวสู่การเป็น “เศรษฐีเงินล้าน” ประกอบด้วย “ตั้งเป้าออมเงิน รู้จักลงทุน และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม” เรามาเริ่มต้นกันที่ขั้นตอนแรกกันก่อนเลย
ประการแรก ตั้งเป้าออมเงิน
ข้อนี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญมากๆ สำหรับคนที่มีเป้าหมายออมเงินให้ได้ล้าน ก่อนอื่นแนะนำให้ตั้งเป้าหมายง่ายๆ ก่อน เช่น ออมเงินให้ได้ 20% ของรายได้แต่ละเดือน สมมติว่า ได้รับเงินเดือนๆ ละ 25,000 บาท ก็ควรออมให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 5,000 บาท
ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าจะออมได้แน่นอน แบบไม่ต้องกังวลว่าจะออมได้ไหม ให้ใช้วิธี “ออมก่อนใช้ทีหลัง” คือพอได้รับรายได้มาก็เก็บไว้ก่อน ส่วนที่เหลือจากการออมค่อยเอาไปใช้จ่าย ใช้แล้วเหลือก็เก็บอีก ถ้าทำได้ถึงเป้าแบบเริ่มอยู่ตัวแล้ว ก็ให้ลองตั้งเป้าหมายที่ท้าทายขึ้นไปอีก เช่น 25% หรือ 30% ของรายได้แต่ละเดือน
การเก็บออมไม่ได้หมายความว่า ต้องกระเบียดกระเสียร แต่เป็นการใช้จ่ายอย่างมีสติ ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น และลดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยลง แนะนำว่า การจดบันทึกรับจ่ายรายวัน จะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เห็นว่า มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ไม่จำเป็น และสามารถตัดทอนลงได้อีก
ประการที่สอง รู้จักลงทุน
หลังจากออมเงินได้แล้ว ก็มองหาช่องทางลงทุนให้เงินทำงานด้วย เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่งอกเงย แต่ก่อนนำเงินไปลงทุนแนะนำให้กันเงินสำรองฉุกเฉินเสียก่อน โดยสามารถเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น (อ่านเพิ่ม : ฝากประจำ/ลงทุนกองทุนรวม แบบไหนดี)จำนวน 6 เท่าของค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน ประโยชน์ของเงินสำรองฉุกเฉินคือ หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน อุบัติเหตุ ก็ยังมีเงินก้อนหนึ่งที่มีสภาพคล่องไว้ใช้จ่าย
หลังจากกันเงินส่วนนี้ไว้แล้ว ส่วนที่เหลือค่อยนำไปลงทุน อย่างไรก็ดี ช่องทางการลงทุนมีหลากหลายรูปแบบ และมีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ตั้งแต่เสี่ยงต่ำจนถึงเสี่ยงสูง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า เรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน แนะนำให้ลองทำ แบบประเมินความเสี่ยง เพื่อให้ทราบว่า การลงทุนในระดับความเสี่ยงไหนที่เหมาะกับตัวเรา ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ จะมีแบบประเมินความเสี่ยงดังกล่าวไว้ให้ผู้ลงทุนทำก่อนการตัดสินใจลงทุน
ประการที่สาม เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
เมื่อรู้ว่ารับความเสี่ยงได้แค่ไหนแล้ว ลำดับถัดมาคือนำเงินไปลงทุน หากเป็นผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำลงทุนในเงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้สูง สามรถลงทุนในหุ้น หรือกองทุนรวมหุ้น หรือถ้ารับความเสี่ยงได้ปานกลางแนะนำลงทุนผสมในหลักทรัพย์หรือตราสารความเสี่ยงต่ำกับความเสี่ยงสูง เช่น กองทุนรวมผสมที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้
หลังจากที่รู้เคล็ดลับการออมเงินแบบง่ายๆ แล้วทีนี้มาถึงขั้นตอนต่อไปที่เราจะต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า แล้วออมเท่าไร ถึงจะได้เงินล้านตามที่ต้องการ ซึ่งจริงๆ แล้วปัจจัยสำคัญอยู่ที่จำนวนเงิน กับผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน ลองดูจำนวนเงินออมต่อเดือนที่ทำให้กลายเป็นเงินล้านดังตาราง
ตารางนี้ช่วยคำนวณว่า เงินออมของเราจะงอกเงยเป็นเงินล้านได้อย่างไร เช่น ถ้าเรามีความสามารถในการออมเดือนละประมาณ 10,000 บาท เลือกลงทุนให้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี จะใช้เวลาออมเงินประมาณ 7 ปี เพื่อให้ได้เงินหนึ่งล้านบาท แต่ถ้าเราเพิ่มการออมได้เป็นเดือนละ 15,000 บาท และลงทุนได้ผลตอบแทนเฉลี่ยในระดับเดียวกัน ก็จะสามารถมีเงินล้านได้ภายในเวลา 5 ปี
เศรษฐีเงินล้านเป็นได้ไม่ยากเพียง “ตั้งเป้าออมเงิน รู้จักลงทุน และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม” โดยสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ คือ วินัยในการลงทุน และติดตามข้อมูลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวังหรือให้กำไรกับเราเสมอไป
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย นิชฌานี ฉันทศาสตร์ CFP® K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com