ไฮไลท์…
– สำรวจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภาคใต้ ไตรมาสแรกของปี’60 ซึมๆ
– จับตา ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และ นครศรีธรรมราช โตโดดเด่น
– ตลาดที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เน้นกลุ่มเรียลดีมานด์
– ปัจจัยลบยังหนีไม่พ้นสถาบันทางการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ
[สกู๊ปพิเศษ] สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในภาคใต้ ถือว่ายังมีศักยภาพและขยายตัวดีแต่ไม่หวือหวา ขณะที่ไตรมาสแรกของปี 2560 มีการชะลอตัวเหมือนกับกรุงเทพฯ – ปริมณฑล สืบเนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยนั้น ถูกดูดซับไปก่อนหน้านี้ จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐ แต่เมื่อหมดยากระตุ้นแล้ว ทำให้ความต้องการนั้น กลับมาสะท้อนความเป็นจริง ณ ปัจจุบันแทน
ปัจจัยสนับสนุนตลาดอสังหาฯภาคใต้ ณ วันนี้ คือ ราคาสินค้าเกษตรมีปรับตัวดีกว่าในหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะยางพารา ซึ่งภาคใต้มีผลผลิตที่ดีกว่าภาคอื่นๆ เมื่อราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นจะทำให้เกิดการจับจ่ายในพื้นที่นั้นดีตามไปด้วยเช่นกัน
ปัจจัยที่ส่งกระทบกับกำลังซื้อในภาคใต้ยังคงหนีไม่พ้น คือ สถาบันทางการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งทุกวันนี้ กลายเป็นข้อจำกัดของผู้ซื้อนั่นเอง
หันมาภาคอสังหาริมทรัพย์ภาคใต้กันบ้าง ที่ผ่านมา มีโครงการเปิดเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยดีมานด์ยังมาจากกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่ซื้ออยู่จริงเป็นหลัก ปัจจัยที่ส่งกระทบกับกำลังซื้อ ยังคงหนีไม่พ้น คือ สถาบันทางการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งทุกวันนี้กลายเป็นข้อจำกัดของผู้ซื้อนั่นเอง
ผลสำรวจตัวเลขตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้
อิงข้อมูล จากศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยผลสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้ พบอัตราระบายออกปรับตัวดี บ้านแนวราบมียูนิตเหลือขาย เพียง 2,984 หน่วยมูลค่า 15,003 ล้านบาท จากซัพพลายรวม 13,246 หน่วย มูลค่ารวม 60,718 ล้านบาท ส่วนคอนโด 3,110 หน่วย มูลค่ารวม 16,070 ล้านบาท ซัพพลายสะสมในอำเภอเมืองภูเก็ตมากสุด 7,980 หน่วย จังหวัดสงขลา พบหน่วยระหว่างขาย 161 โครงการ จำนวน 14,227 หน่วย เป็นบ้านจัดสรร 9,367 หน่วย ห้องชุด 4,860 หน่วย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบที่อยู่อาศัยในผังระหว่างขาย 7,567 หน่วย เป็นบ้านจัดสรร 5,845 หน่วย อาคารชุด 1,722 หน่วย
ทั้งนี้ จากผลสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
จังหวัดภูเก็ต
ปัจจุบันมีหน่วยที่อยู่อาศัยในผังของโครงการของผู้ประกอบการ ซึ่งอยู่ในระหว่างการขาย 30,365 หน่วย แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 80 โครงการ จำนวน13,246 หน่วย มูลค่ารวม 60,718 ล้านบาท มียูนิตเหลือขาย 2,984 หน่วย มูลค่า15,003 ล้านบาท แบ่งตามประเภทเป็นบ้านเดี่ยว32% ทาวน์เฮ้าส์ 32% เป็นบ้านแฝด 29% ที่เหลือเป็นอาคารพาณิชย์พักอาศัยและที่ดินเปล่าในโครงการ โดยระดับราคาบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์พักอาศัยส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ส่วนใหญ่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท
ขณะที่โครงการประเภทอาคารชุดอยู่ระหว่างขาย 75 โครงการ มีหน่วยในผังรวม16,311 หน่วย มูลค่ารวม 70,350 ล้านบาท เหลือขาย 3,110 หน่วย มูลค่ารวม 16,070 ล้านบาท แบ่งตามพื้นที่ พบว่าจากอาคารชุดทั้งหมด อยู่ในอำเภอเมืองภูเก็ต 32 โครงการ 7,980 หน่วย ในอำเภอกะทู้ 24 โครงการ 4,403 หน่วย และอำเภอถลาง 19 โครงการ 3,928 หน่วย ส่วนห้องชุดเหลือขาย 3,110 หน่วย อยู่ในอำเภอเมืองภูเก็ต 1,199 หน่วย อยู่ในอำเภอกะทู้ 980 หน่วย และอยู่ในอำเภอถลาง 931 หน่วย
จังหวัดสงขลา
อำเภอหาดใหญ่ อำเภอเมือง และอำเภอสะเดา มีหน่วยที่อยู่อาศัยในผังโครงการซึ่งอยู่ในระหว่างการขาย 161 โครงการ จำนวน14,227 หน่วย แบ่งเป็น บ้านจัดสรร 9,367 หน่วย และห้องชุด 4,860 หน่วย โดยบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างขายมากถึง 142 โครงการ แต่มีหน่วยในผังโครงการรวมกันเพียง 9,367 หน่วย มีมูลค่ารวม 42,775 ล้านบาท เหลือขาย3,217 หน่วย มูลค่า 15,261 ล้านบาท
แบ่งตามพื้นที่ พบว่ามีบ้านจัดสรรในอำเภอหาดใหญ่ 113 โครงการ 7,323 หน่วย เหลือขาย 2,610 หน่วย อยู่ในอำเภอเมืองสงขลา 22 โครงการ 1,639 หน่วย เหลือขาย 469 หน่วย และอยู่ในอำเภอสะเดา 7 โครงการ 405 หน่วย เหลือขาย 138 หน่วย ทั้งนี้ โครงการที่เปิดขายในกลุ่มของบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่มีราคา 3-7.5 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ราคา 2-3 ล้านบาท
ส่วนโครงการอาคารชุดที่อยู่ระหว่างขายมี 19 โครงการ จำนวน 4,860 หน่วย มูลค่า 10,781 ล้านบาท เหลือขาย 829 หน่วย มูลค่า 2,210 ล้านบาท แบ่งตามพื้นที่พบว่าจากอาคารชุดทั้งหมด อยู่ในอำเภอหาดใหญ่ 17 โครงการ 4,732 หน่วย และในอำเภอเมืองสงขลา 2 โครงการ ประมาณ 128 หน่วย และจาก 19 โครงการดังกล่าว
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ปัจจุบันมีหน่วยที่อยู่อาศัยในผังของโครงการของผู้ประกอบการ ซึ่งอยู่ในระหว่างการขาย 7,567 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 5,845 หน่วย เป็นอาคารชุด 1,722 หน่วย ในประเภทบ้านจัดสรร มีโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งอยู่ระหว่างการขาย โดยอยู่ในอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และเกาะสมุย ทั้งหมด 83 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมกันประมาณ 5,845 หน่วย มีมูลค่าโครงการการตามหน่วยในผังรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 21,363 ล้านบาท เหลือขาย 1,943 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 7,464 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการที่เปิดขายในกลุ่มของบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์อยู่ในระดับราคา 1-1.5 ล้านบาท
ส่วนโครงการอาคารชุด ซึ่งอยู่ระหว่างการขายในอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีทั้งหมด 12 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวม 1,722 หน่วย มูลค่าโครงการรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 4,682 ล้านบาท เหลือขาย 365 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขาย 1,412 ล้านบาท
จังหวัดนครศรีธรรมราช
ปัจจุบันมีหน่วยที่อยู่อาศัยในผังโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 4,934 หน่วย แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 4,549 หน่วย เป็นโครงการอาคารชุด 385 หน่วย โดยโครงการบ้านจัดสรรอยู่ระหว่างการขายในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช 37 โครงการ จำนวน 4,549 หน่วย มีมูล16,026 ล้านบาท เหลือขาย1,085 หน่วย มูลค่า 4,039 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการที่เปิดขายในกลุ่มของบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่มีราคา 3-5 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ราคา 2-3 ล้านบาทขณะที่โครงการอาคารชุดระหว่างขายในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชมีจำนวน 2 โครงการ 385 หน่วย มูลค่ารวม 504 ล้านบาท เหลือขาย 240 หน่วย มูลค่า 314 ล้านบาท
ดัชนีความเชื่อมั่นไตรมาสแรกยังดีอยู่
ฟากผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานภาคใต้ นางสาวสุรีรัตน์ ลัคนานิตย์ แสดงความคิดเห็นว่า สำหรับไตรมาสแรกของปี 2560 จะเห็นว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่ควร ส่วนของผู้ประกอบการเองค่อนข้างระมัดระวังในการลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่
ซึ่งในไตรมาสแรกนั้น การให้สินเชื่อกับโครงการอสังหาฯภาคใต้ถือวายังชะลอตัว แม้ว่าการปรับตัวจะดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้ก็ตาม
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าดัชนี้ความเชื่อผู้ประกอบการที่พัฒนาอสังหาฯในภาคใต้ มีสัญญาณที่ดี รวมถึงยออดขายที่ดีขึ้นด้วย จำนวนหน่วยลดลง ผู้ประกอบการทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ แต่ยังมีความกังวลใจอยู่บ้าง โดยเฉพาะรวมเศรษฐกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ขณะที่ ราคาที่อยู่อาศัยของภาคใต้ลดลงจากปีก่อนแต่ก็ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาส 4/59) ประมาณ 0.8% สิ่งที่ส่งผลให้ต้นทุนโครงการเพิ่มขึ้นจากหน่วยเหลือขายสะสม ทั้งนี้ หากหน่วยเหลือขายมากก็ส่งผลต่อการเสียภาษีเพิ่มขึ้น
ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการสะท้อนภาพรวมตลาดอสังหาฯในภาคใต้ เชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจโดยภาพรวมในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้น ตลาดอสังหาฯ ก็จะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ประกอบการลงทุนของภาคเอกชนไม่ว่าจะเป็นในส่วนกลางที่ลงไปพัฒนาภาคใต้ หรือ นักพัฒนาที่ดินในท้องที่ ก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น จริง ๆ แล้ว ภาคใต้เป็นตลาดหนึ่งที่น่าสนใจและยังน่าลงทุน แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองสะกิดเป็นระลอกก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งคือ ภาคใต้ยังมีกำลังซื้อที่เป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่จริงมากกว่าการซื้อเพื่อลงทุนตามกระแส
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com