มะเร็งปากมดลูก ถือเป็นโรคมะเร็งในผู้หญิงที่พบมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 2 เช่นกัน ทั้งที่เป็นโรคมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ ด้วยการรับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งมีประสิทธิภาพป้องกันได้มากกว่า 90%
จากการศึกษามากว่า 10 ปี ล่าสุดทางคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติเห็นชอบ และให้บรรจุวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว เตรียมฉีดให้กับเด็กหญิงชั้น ป.5 กว่า 400,000 คน ทั่วประเทศ ฟรี ในเดือนสิงหาคมนี้
มะเร็งปากมดลูกภัยร้าย คร่าชีวิตหญิงไทย 14 คน/วัน
แม้ว่ามะเร็งปากมดลูกจะเป็นมะเร็งเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถป้องกันได้ แต่กลับพบว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้หญิงไทยมากเป็นอันดับ 2 รองลงมาจากมะเร็งเต้านม พบได้ตั้งแต่ผู้หญิงอายุก่อน 30 ปี จนถึงวัยชราอายุ 80 ปี และพบมากในช่วงอายุ 35-50 ปี โดยที่ผ่านมามีอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 7 คน/วัน เป็น 14 คน/วัน หรือเสียชีวิตประมาณ 4,500 คน/ปี จากผู้หญิงไทยที่เป็นมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ประมาณ 9,000 คน/ปี หรือคิดเป็น 50% ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกอยู่ที่ประมาณ 350 ล้านบาท/ปี สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นคือ ผู้หญิงไทยคิดว่าตนเองไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง และมักเกิดความอายความกลัวที่จะไปพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ดังนั้นกว่าจะรู้ตัวว่ามีอาการผิดปกติ ความรุนแรงของโรคก็มักอยู่ในระยะลุกลามทำให้มีอัตราการรอดชีวิตต่ำ
มะเร็งปากมดลูก ป้องกันได้ด้วย 2 วิธี ง่าย ๆ
มะเร็งปากมดลูก มีวิธีการป้องกัน 2 วิธี ได้แก่ การตรวจคัดกรอง เช่น การตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear) ซึ่งเป็นการตรวจสอบเซลล์บริเวณปากมดลูกเพื่อหาเซลล์ที่ผิดปกติ และการฉีดวัคซีนเอชพีวี ซึ่งจะให้ได้ผลและเกิดประโยชน์มากที่สุดนั้นจะต้องฉีดก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ทั้งนี้ จากงานวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนเอชพีวีล่าสุด ซึ่งติดตามการใช้วัคซีนชนิดนี้ในประเทศต่างๆ มายาวนานถึง 10 ปี พบว่า วัคซีนสามารถลดการติดเชื้อเอชพีวีที่ก่อมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 90% และลดการเกิดรอยโรคก่อนมะเร็งได้ถึง 85%
เปรียบเทียบวัคซีนเอชพีวีไทยกับต่างประเทศ
ปัจจุบันวัคซีนเอชพีวี มีทั้งหมด 3 ชนิด คือ ชนิด 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ 16 และ 18 ชนิด 4 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18 ซึ่งสายพันธุ์ที่เพิ่มเข้ามาเป็นวัคซีนป้องกันโรคหูดหงอนไก่ และชนิด 9 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18 และเพิ่มมาอีก 5 สายพันธุ์เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากดลูก (จากไวรัสเอชพีวีมีเป็น 100 สายพันธุ์ ในจำนวนนี้มี 15 สายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก) ซึ่งในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ได้มีการฉีดวัคซีนเอชพีวีเพื่อป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกให้กับผู้หญิงซึ่งอยู่ในแผนวัคซีนแห่งชาติมาแล้วกว่า 10 ปี และมีบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ฉีดให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย นอกจากนี้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกามีการนำวัคซีนชนิด 9 สายพันธุ์ มาใช้แทนชนิด 4 สายพันธุ์ สำหรับประเทศไทยมีการใช้วัคซีนชนิด 2 และ 4 สายพันธุ์ มานานแล้วแต่มักใช้ในโรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากมีราคาค่อนข้างสูง
ไทยเดินหน้า ฉีดวัคซีนฟรี ลดจำนวนผู้ป่วย 20-30 ปีข้างหน้า
ล่าสุดทางคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติเห็นชอบ และให้บรรจุวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว โดยจะเตรียมฉีดให้กับเด็กหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กว่า 400,000 คน ทั่วประเทศ ฟรี ในเดือนสิงหาคมนี้
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนเอชพีวี จะฉีด 2 เข็มห่างกัน 6 เดือน โดยจะเริ่มฉีดวัคซีนในเดือนสิงหาคม 2560 เพื่อหวังผลป้องกันมะเร็งปากมดลูกในอีก 20-30 ปีข้างหน้า แม้จะต้องใช้เวลาในการเห็นผลนาน แต่เชื่อว่าจะสามารถลดจำนวนผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ได้ในอนาคต และจะถูกควบคุมป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรค เช่นเดียวกับโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ขอบคุณภาพ :Pixabay.com
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน