หลังจากไม่กี่วันก่อนสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ประกาศที่จะขยายเวลารับเงินชราภาพจาก 55 ปี ไปเป็น 66 ปี ทำเอาผู้ประกันตนใจไม่ดีไปตาม ๆ กัน ซึ่งปัจจุบันระหว่างรอความชัดเจนในเรื่องนั้น สปส. ก็มีข่าวดีบ้างเหมือนกัน โดยได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ขยายบริการทันตกรรม ไม่ต้องสำรองจ่าย เริ่ม 1 กรกฎาคมนี้ ทั่วประเทศ
รายละเอียดการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีทันตกรรม
จากที่ สปส. ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายค่าบริการกรณีทันตกรรมในระบบประกันสังคมให้ตอบรับกับปัจจุบันและคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ประกันตนเป็นหลักอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีทันตกรรมให้ผู้ประกันตน กรณีอุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน และผ่าฟันคุด ในอัตราเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น จากไม่เกิน 600 บาท/ราย/ปี เป็นไม่เกิน 900 บาท/ราย/ปี เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2559 และได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการทำทันตกรรมโดยไม่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้า ในสถานพยาบาลที่ทำความตกลงกับสำนักงานประกันสังคมนั้น เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีสถานพยาบาลเอกชนและคลินิกทันตกรรมทำความตกลงกับสำนักงานประกันสังคมแล้ว 841 แห่งทั่วประเทศ ผู้ประกันตนสามารถสังเกตป้ายสติกเกอร์ที่ระบุ “สถานพยาบาลแห่งนี้ให้บริการผู้ประกันตนกรณีทันตกรรม ทำฟัน ไม่ต้องสำรองจ่าย” เพื่อเข้ารับบริการได้ทันที
ล่าสุด ทางกระทรวงแรงงาน ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือการให้บริการทางการแพทย์กรณีทันตกรรมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ซึ่งมีผลให้ผู้ประกันตนสามารถเข้าใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ทำให้ปัจจุบันมีสถานพยาบาลทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่พร้อมให้บริการกรณีทันตกรรมแก่ผู้ประกันตนโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ครอบคลุมพื้นที่ทุกอำเภอทั่วประเทศ และในอนาคตจะมีสถานพยาบาลเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคากลางบริการทันตกรรม
ราคากลางกิจกรรมบริการทันตกรรม จ่ายตามจริงแต่ไม่เกิน 900 บาท/ราย/ปี อ้างอิงตามอัตราค่าบริการของสถาบันทันตกรรม กระทรวงสาธารณสุข มีดังนี้
1. ขูดหินปูนทั้งปาก 400
2. อุดฟันด้วยวัสุด Amalgam 1 ด้าน 300 บาท 2 ด้าน 450 บาท
3. อุดฟันด้วยวัสดุสีเหมือนฟัน 1 ด้าน (ฟันหน้า) 350 บาท (ฟันหลัง) 400 บาท 2 ด้าน (ฟันหน้า) 400 บาท (ฟันหลัง) 500 บาท
4. ถอนฟัน (ฟันแท้) 250 บาท ถอนฟันที่ยาก 450 บาท
5. ผ่าฟันคุด 900 บาท
นอกจากนี้ยังมีการบริการทันตกรรมกรณีใส่ฟันเทียม แบ่งเป็นกรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้บางส่วน ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์และค่าฟันเทียมเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 1,500 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่ใส่ฟันเทียมนั้น ตามหลักเกณฑ์ดังนี้
1) 1-5 ซี่ เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 1,300 บาท
2) มากกว่า 5 ซี่ เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 1,500 บาท
กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปาก ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์และค่าฟันเทียมเท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 4,400 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ใส่ฟันเทียมนั้น ตามหลักเกณฑ์ดังนี้
1) ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปากบนหรือล่าง เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 2,400 บาท
2) ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปากบนและล่าง เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นในวงเงินไม่เกิน 4,400 บาท
นับเป็นอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับผู้ประกันตนที่ไม่ต้องรอเงินเดือนออก หรือหาเงินสำรองมาจ่ายไปก่อน และต้องดำเนินการอีกหลายขั้นตอนกว่าจะได้เงินกลับคืนมา ช่วยให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการทันตกรรมได้อย่างทั่วถึง และเสมอภาค
ผู้ประกันตนที่สนใจเข้ารับบริการกรณีทันตกรรม สามารถตรวจสอบสิทธิ โดยแสดงบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อให้สถานพยาบาลในความตกลงตรวจสอบสิทธิผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคมก่อนการให้บริการทันตกรรม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วน 1506 หรือ www.sso.go.th
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน