6 กันยานี้ ลูกหนี้เตรียมเฮ! เงินเดือนไม่ถึง 2 หมื่น ไม่ถูกยึดใช้หนี้

11 ก.ค. 2560

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 โดยมีใจความสำคัญเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ระบุให้ลูกหนี้ที่มีเงินเดือนไม่เกิน 20,000 บาท บังคับคดีอายัดเงินเดือนไม่ได้ โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 60 วันนับแต่วันลงประกาศฯ คือในวันที่ 6 กันยายน 2560

แก้กฎหมายให้ทันสมัยมากขึ้น
พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 เป็นการปฏิรูปใหม่ทั้งหมดในส่วนการบังคับคดี เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในส่วนการบังคับคดีมีการใช้มานานกว่า 20 ปี จึงต้องปรับให้สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน โดยให้ความสำคัญกับการดูแลเรื่องพื้นฐานของลูกหนี้ นั่นคือ ในส่วนที่ 2 ทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ได้แก่ มาตรา 301 เกี่ยวกับทรัพย์สิน และมาตรา 302 เกี่ยวกับเงิน โดยคำนึงถึงการดำรงชีพของลูกหนี้ตามคำพิพากษาให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ตามความจำเป็นและความเหมาะสม ตามสมควรกับฐานะของลูกหนี้

Debt_02

Image via pixabay.com

สาระสำคัญ เน้นคำนึงถึงการดำรงชีพลูกหนี้เป็นหลัก
สาระสำคัญของ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 อยู่ในส่วนที่ 2 ทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี โดยมีรายละเอียดดังนี้

มาตรา 301 ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปนี้ ย่อมไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
(1) เครื่องนุ่งห่มหลับนอน เครื่องใช้ในครัวเรือน หรือเครื่องใช้สอยส่วนตัว โดยประมาณรวมกันราคาไม่เกินประเภทละ 20,000 บาท
(2) สัตว์ สิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้ ในการประกอบอาชีพหรือประกอบวิชาชีพเท่าที่จำเป็นในการเลี้ยงชีพ ราคารวมกันโดยประมาณไม่เกิน 1 แสนบาท
(3) สัตว์ สิ่งของ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ทำหน้าที่ช่วยหรือแทนอวัยวะของลูกหนี้
(4) ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอันมีลักษณะเป็นของส่วนตัวโดยแท้ เช่น หนังสือสำหรับวงศ์ตระกูลโดยเฉพาะ จดหมาย หรือสมุดบัญชีต่างๆ

มาตรา 302 ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น เงินหรือสิทธิเรียกร้องเป็นเงินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปนี้ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
(1) เบี้ยเลี้ยงชีพซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ ส่วนเงินรายได้เป็นคร่าวๆ ซึ่งบุคคลภายนอกได้ยกให้เพื่อเลี้ยงชีพนั้น ให้มีจำนวนไม่เกินเดือนละ 20,000 บาท หรือตามจำนวนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นสมควร (จากเดิมไม่เกิน 10,000 บาท)
(2) เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ บำเหน็จ เบี้ยหวัด หรือรายได้อื่นในลักษณะเดียวกันของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างในหน่วยราชการ และเงินสงเคราะห์ บำนาญ หรือบำเหน็จที่หน่วยราชการได้จ่ายให้แก่คู่สมรสหรือญาติที่ยังมีชีวิตของบุคคลเหล่านั้น
(3) เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ ค่าชดใช้ เงินสงเคราะห์ หรือรายได้อื่นในลักษณะเดียวกันของพนักงาน ลูกจ้าง หรือคนงาน นอกจากที่กล่าวไว้ใน (2) ที่นายจ้างหรือบุคคลอื่นใดได้จ่ายให้แก่บุคคลเหล่านั้น หรือคู่สมรส หรือญาติที่ยังมีชีวิตของบุคคลเหล่านั้น เป็นจำนวนรวมกันไม่เกินเดือนละ 20,000 บาท หรือตามจำนวนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นสมควร
(4) บำเหน็จหรือค่าชดเชยหรือรายได้อื่นในลักษณะเดียวกันของบุคคลตาม (3) เป็นจำนวนไม่เกิน 3 แสนบาทหรือตามจำนวนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นสมควร
(5) เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้รับอันเนื่องมาแต่ความตายของบุคคลอื่นเป็นจำนวนตามที่จำเป็นในการดำเนินการฌาปนกิจศพตามฐานะของผู้ตายที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นสมควร

นอกจากนี้กฎหมายยังเปิดช่องให้เจ้าหนี้ ลูกหนี้ หรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ที่ไม่เห็นด้วยกับจำนวนเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด อาจยื่นคำร้องต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้ทราบถึงการกำหนดจำนวนเงินนั้น เพื่อขอให้ศาลกำหนดจำนวนเงินใหม่ได้

อย่างไรก็ตาม ภาคสถาบันการเงินได้ให้ข้อสังเกตว่ากฎหมายฉบับนี้อาจส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินที่ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลมากที่สุด เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างที่มีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาท/เดือน ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินเหล่านี้เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้ยากขึ้น หรือไม่ได้เลย จนอาจต้องไปพึ่งกับเงินกู้นอกระบบแทน

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ