โลกของงานออกแบบในปัจจุบันมักถูกนิยามไว้ว่าเป็นความ “วุ่นวายและขัดแย้ง” เนื่องจากเมืองขั้นนำของโลกต่างเติบโต มีประชากรเพิ่มขึ้น และมีการนำเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้การออกแบบอาคารสมัยใหม่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงความล้ำยุค ผสมผสานกับเทคโนโลยีที่นำมาใช้ภายในอาคาร สิ่งเหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นการ Go to the future เพื่อให้การอยู่อาศัยภายในอาคารที่มีผู้คนเป็นจำนวนมากยังคงมีความสะดวกสบายได้ด้วย แต่ก็ใช่ว่าวิถีชีวิตในปัจจุบันจะเป็นการมุ่งหน้าไปสู่อนาคตอย่างเดียว ยังมีหลายคนที่โหยหาอยากกลับไปสู่ความเรียบง่ายในแบบดั้งเดิม และใกล้ชิดธรรมชาติด้วย ทำให้งานออกแบบต้องผสมผสานความต้องการของทั้ง 2 อย่างไว้ด้วยกัน จนเกิดเป็นสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทั้ง Go to the future และ Back to basic
จากความต้องการด้านงานออกแบบที่มีความขัดแย้งดังกล่าว ทำให้หลายเมืองใหญ่ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลให้กับเมือง ทั้งจัดโซนพื้นที่อนุรักษ์อาคารดั้งเดิม และโซนพื้นที่อาคารสมัยใหม่ เพื่อให้เมืองมีทั้งอดีต ปัจจุบัน และพร้อมที่จะก้าวไปสู่อนาคต รวมถึงภายในโครงการที่อยู่อาศัยก็เริ่มเห็นงานออกแบบที่ใส่ทั้งความเป็น “อดีต” และ “อนาคต” เข้าไว้ด้วยกัน
ในส่วนของ “อดีต” นักออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยได้ดึงจุดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการมาเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของงานออกแบบโครงการ หยิบเรื่องราวในอดีตมาใส่ในงานออกแบบอย่างกลมกลืนกับความเป็นปัจจุบัน โดยนำจุดเด่นบางอย่างของอัตลักษณ์ในท้องถิ่นมาใส่ไว้ในแบบสมัยใหม่ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ยังได้สัมผัสกลิ่นอายของเรื่องราวในอดีต
แม้การออกแบบจะใส่เรื่องราวในอดีตเข้าไป แต่ไม่ได้หมายความว่าโลกจะหยุดหมุนไว้เพียงเท่านั้น ยังสามารถผสมผสานความเป็น “อนาคต” เข้าไปในสถาปัตยกรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบอาคารที่มีความทันสมัย ระบบการเข้า-ออก ระบบลิฟท์โดยสาร ระบบบริหารจัดการต่าง ๆ รวมถึงระบบภายในที่อยู่อาศัยเอง >>อ่านรีวิวโครงการบ้าน-คอนโดฯ ที่ใช้ระบบ Smart Home
สำหรับผู้บริโภคแล้ว การที่โครงการอสังหาริมทรัพย์มีรูปแบบที่ทันสมัย ย่อมตอบโจทย์ความสะดวกในการอยู่อาศัยในโครงการนั้น ๆ ได้ดี เช่นเดียวกับการหยิบอัตลักษณ์ท้องถิ่นเข้ามาใส่ไว้ รักษาเรื่องราวของพื้นที่นั้น ๆ ให้คงอยู่ ก็มีส่วนทำให้โครงการมีงานดีไซน์ที่แตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ อย่างชัดเจน มีความโดดเด่น และยังได้ประโยชน์ในเชิงการเรียนรู้เรื่องราวของพื้นที่นั้น ๆ ผ่านอัตลักษณ์ที่โครงการใส่ไว้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ และมีโอกาสที่จะสร้างกำไรจากราคาอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ ให้สูงขึ้นในอนาคต
ยกตัวอย่างหนึ่งบริษัทที่มีจุดเด่นในการดึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาใช้ในการออกแบบคือ บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กับโครงการวินด์แฮม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา ที่นำจุดเด่นของท้องถิ่นซึ่งเป็นแหล่งนาเกลือ และเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวประมง มาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการใช้วัสดุจากไม้และหิน โดยเน้นในส่วนสำคัญด้วยการใช้สีของทองแดง (Copper) เพื่อแสดงถึงความหรูหราและมีเอกลักษณ์ ทำให้ผู้ที่เข้ามาภายในโครงการสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพื้นที่ จนได้รับรางวัล Best Condo Interior Design (Resort) และโครงการเลอรอย ร่วมฤดี (LEROY Ruamrudee) ที่เน้นใช้วัสดุธรรมชาติในการตกแต่งภายใน เช่น ไม้และหินอ่อนช่วยในการกำหนดบรรยากาศที่อบอุ่นของแต่ละยูนิต การันตีด้วยรางวัล Best Housing Interior Design จากงาน PropertyGuru Thailand Property Awards 2018 ที่จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้
เพิ่มเติมความรู้ คู่มือซื้อ ขาย เช่าบ้าน-คอนโดฯ พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ และสามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน