สถานการณ์สร้างบ้านครึ่งปีแรก 61สดใส แม้เจอต้นทุนวัสดุก่อสร้างแพง!

16 เม.ย. 2561

 

สมาคมไทยรับสร้างบ้าน เผยความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว แม้ผู้ประกอบการต้องพร้อมรับมือกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น อันเป็นผลจากการปรับขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำ ทั้งนี้นายกสมาคมฯ ชี้แนะ ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีลดต้นทุน พร้อมรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป 

สมาคมไทยรับสร้างบ้าน ประเมินความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคเผยประเภท “บ้านเดี่ยวสร้างเอง” ในช่วง 3 เดือนแรกขยายและเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยคาดว่ามูลค่าตลาดรวม “บ้านสร้างเอง” ทั่วประเทศปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 1.3-1.5 แสนล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้าน (ไม่ใช่ผู้รับเหมาทั่วไป) ประเมินว่ามีแชร์ส่วนแบ่งตลาด 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท โดยประเมินว่าธุรกิจรับสร้างบ้านมีส่วนแบ่งตลาดไตรมาสแรกประมาณ 3.8-3.9 พันล้านบาท ในขณะที่ภาพรวมการแข่งขันพบว่ายังคงมีการแข่งขันกันรุนแรง ทั้งในแง่การสร้างความน่าเชื่อถือ และทำลายความน่าเชื่อถือของคู่แข่งขันด้วยกันเอง รวมทั้งการแข่งขันตัดราคาของผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหม่ๆ ซึ่งสวนทางกับต้นทุนวัสดุและค่าแรงที่ทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกปีนี้

ต้นทุนสูง จากปัจจัยแรงงานขั้นต่ำปรับเพิ่มขึ้น

ต้นทุนสูง จากปัจจัยค่าแรงขั้นต่ำปรับเพิ่มขึ้น

ทิศทางตลาดและปัจจัยบวก-ลบ
แม้ทิศทางตลาดรับสร้างบ้านจะปรับตัวดีขึ้นในระยะ 3-6 เดือนที่ผ่านมา แต่อาจต้องรับมือกับแนวโน้มต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง หลายรายต่างทยอยขอปรับราคาเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มผู้ผลิตวัสดุโครงสร้างและซีเมนต์ราคาปรับขึ้นเฉลี่ย 3-5% และกลุ่มวัสดุตกแต่งราคาปรับขึ้น 10-20% 

ทั้งนี้จากการสุ่มสำรวจตัวอย่าง สมาคมฯ พบว่าผู้ประกอบการรับสร้างบ้านส่วนใหญ่ ยังคงยืนราคาขายเดิมหรือไม่มีการปรับราคาในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งบ่งบอกให้เห็นถึงปัญหาและความเสี่ยงการบริหารต้นทุนในอนาคต หากว่าผู้ประกอบการรายใดไม่มีอำนาจต่อรอง กับผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่แห่ปรับขึ้นราคากันทั่วหน้า นอกจากนี้ค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น อันมีผลมาจากปัญหาขาดแคลนแรงงานก็ยังเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังต้องเผชิญและแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย สถานการณ์ดังกล่าวจึงบีบให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาบ้านตามกัน

นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน

นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน

สมาคมฯ ชี้แนะ
สมาคมฯ แนะผู้ประกอบการหาทางลดต้นทุนค่าบริหารจัดการและค่าการตลาด อาจนำเทคโนโลยีก่อสร้างและเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่มาใช้งานมากขึ้น ใช้การตลาดออนไลน์เพื่อจะสื่อสารและเข้าถึงผู้บริโภคจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการจัดการแบบเดิมๆ ทั้งนี้ นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านและการแข่งขันในช่วงไตรมาสแรกบรรยากาศโดยรวมน่าพอใจ ส่วนหนึ่งเกิดจากกิจกรรมการตลาดที่บรรดาผู้ประกอบการแข่งขันกันจัดขึ้น เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในช่วงนี้ ทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออฟไลน์และออนไลน์ การจัดอีเวนท์งานบ้านและวัสดุในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ การออกแบบผลิตภัณฑ์หรือแบบบ้านเทรนด์ใหม่ๆ สู่ตลาด ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งผลลัพธ์ยอดขายที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการชั้นนำหลายรายที่ประกาศตัวเลขออกมาค่อนข้างสวยหรู

อย่างไรก็ตามมีการคาดว่าตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 2 มีทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยเฉพาะปัญหาต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี เชื่อว่าความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อยังดีต่อเนื่อง หากแต่ผู้ประกอบการต้องเร่งพัฒนาและปรับตัวเอง เพื่อยกระดับและหนีมุมมองธุรกิจรับสร้างบ้านของผู้บริโภค

ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขายหรือให้เช่าหรือเช่าอสังหาฯ ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งอีกหนึ่งแหล่งที่น่าสนใจคือรายงานดัชนีอสังหาฯ DDproperty Property Index  และ
รายงานภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ DDproperty Property Market Outlook 

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

 

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

จับตาเศรษฐกิจไทย ก้าวสู่ไตรมาส 2 หลังไตรมาสแรกเป็นไปตามคาด

เป็นที่รู้กันดีว่าสภาพตลาดอสังหาฯ นั้นมีความสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทย ด

อ่านต่อ10 เม.ย. 2561