ปี 2562 ยังคงเป็นปีที่ค่อนข้างยากลำบาก สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ผู้ประกอบการต้องเน้นโปรฯ ราคา ระบายสินค้าคงเหลือ และแตกไลน์ธุรกิจมากขึ้น
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงจากหลากหลายปัจจัย เช่น มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย มาตรการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะเริ่มใช้ในปี 2563 ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยที่อาจชะลอตัว รวมถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และการเมืองภายในประเทศ
จับทิศทางอสังหาฯ หลังเลือกตั้ง มีปัจจัยบวก
4 สิ่งที่ดีเวลลอปเปอร์ให้ความสนใจ
1.การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนพื้นที่ศักยภาพ
โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นแนวระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ เช่น BTS, MRT
2.ออกแบบที่ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์
โดยเน้นฟังก์ชั่นการใช้งาน พื้นที่ใช้สอย พื้นที่ส่วนกลางและสิ่งแวดล้อมที่ดี และต้องอยู่อาศัยได้จริง ในราคาที่จับต้องได้
3.การเปิดโครงการใหม่ ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลาย Segment ต่าง
ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน ระดับรายได้ประมาณ 25,000 – 50,000 บาทต่อเดือน, กลุ่มลูกค้าประเภท Dual Income, No Kids (DINKs) หรือกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางถึงกลางบน ระดับรายได้ประมาณ40,000 – 80,000 บาทต่อเดือน, กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางถึงกลางบน ระดับรายได้ประมาณ 40,000 – 100,000 บาทต่อเดือน หรือกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับสูงประมาณ 150,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
บทความที่คุณอาจสนใจ: มนุษย์เงินเดือนกู้ซื้อบ้านได้มากแค่ไหน
4. เน้นโปรฯ ราคา ระบายสินค้าคงเหลือ และแตกไลน์ธุรกิจ
เริ่มหันมาสนใจการเน้นเชิงรุกมากขึ้น และมีการแตกไลน์เยอะแยะมากมาย ทั้งคอนโดมิเนียม สำนักงานให้เช่า ร้านอาหาร โรงแรม รวมถึงการจับมือกับพาร์ทเนอร์ต่างชาติ เพื่อสร้างความโดดเด่นและขยายตลาดให้กว้างขึ้น รวมถึงการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
ออลล์ อินสไปร์ มีแผนผุดโครงการใหม่ร่วม 18,250 ล้าน
โดย บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ก็เป็นหนึ่งในดีเวลลอปเปอร์ที่มีความสนใจตามด้านบน โดยได้สานต่อการดำเนินธุรกิจให้เติบโตด้วยความแตกต่างอย่างมีสไตล์ ให้ความสำคัญกับ ราคา ทำเล และดีไซน์ ภายใต้แนวคิด Class of Living “ชีวิตที่มีระดับ คือชีวิตที่คุณเลือกเอง” มุ่งเน้นการพัฒนาทุกโครงการให้เป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าและนักลงทุน
นอกจากนี้ในปีนี้มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 6 โครงการ มูลค่ารวม 18,250 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ (High Rise) 3 โครงการ ได้แก่ ทำเลทองหล่อ 12, ทองหล่อ 16, โครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย (Impression Ekkamai)
โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ (Low Rise) 3 โครงการ ได้แก่ ทำเล ลาดพร้าว – สุทธิสาร, ซอย 20 มิถุนาแยก 5 และ ลาซาล 83
ซึ่งขณะที่ไตรมาสแรกของปีนี้ ได้เปิดขายไปแล้ว 2 โครงการ เป็นโครงการทาวน์โฮม 3 ชั้น โครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว – นวมินทร์ Phase 1 เหมาะสำหรับชีวิตคนเมือง และโครงการไฮไรส์คอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ อิมเพรสชั่น เอกมัย ซึ่งเป็นโครงการลักซูรี เรสสิเดนท์ ICONIC PROJECT เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน ร่วมทุนกับสองบริษัทยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นอย่าง ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ (Hoosiers Holdings)และ คิวชู เรลเวย์ คัมปะนี (Kyushu Railway Company)
นอกจากนั้น ออลล์ อินสไปร์ ยังเตรียมเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 150 ล้านหุ้นด้วย และมีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ อีกด้วย
ติดตามทุกเรื่องราวเกี่ยวกับอสังหาฯ โดยสามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน หรือดาวน์โหลดรายงานดัชนีอสังหาริมทรัพย์และรายงานภาพรวมตลาดอสังหาฯ จากเรา เพื่อช่วยเพิ่มมุมมองในทุกมิติของการซื้อ–ขาย–เช่า