อสังหาฯ ปรับสมดุล โควิด-19 จุดเปลี่ยนดีมานด์คอนโดแผ่ว

10 ส.ค. 2563

New Normal ส่งผลดีมานด์คอนโดเปลี่ยน หลังโควิด-19 ถึงเวลาปรับสมดุล กระตุ้นเรียลดีมานด์ ชี้ 60% ต้องการคอนโดไม่เกิน 3 ล้านบาท ใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า คาดตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัว ไตรมาสแรกของปี 2564

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้วิถีการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทุกกลุ่มธุรกิจรวมไปถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องพร้อมรับมือกับความปกติใหม่ หรือ New Normal เพื่อรองรับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคแบบใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่

 

เผยดีมานด์ที่อยู่อาศัย ต้องการพื้นที่ผ่อนคลาย มุมทำงาน และครัวกว้าง

จากข้อมูลของไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ซึ่งได้ทำการสำรวจกลุ่มลูกค้าถึงความต้องการเลือกที่อยู่อาศัยในช่วงหลังจากวิกฤติโควิด-19 พบว่า ผลจากมาตรการป้องกันต่างๆ และสังคมเริ่มทำงานจากบ้าน (Work From Home) มากขึ้น ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่มีความต้องการพื้นที่ผ่อนคลาย มุมทำงาน และพื้นที่ครัวกว้างขึ้น โดยคิดเป็น 43% 28% และ 19 % ตามลำดับ

ในส่วนของความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ 92% ให้ความสนใจเรื่องร้านสะดวกซื้อและพื้นที่สีเขียวหรือบางคนต้องการมุมทำงานในสวนด้วย เพราะหาของรับประทานง่าย เป็นที่ผ่อนคลายและพักสายตา ส่วนความปลอดภัยในเรื่องการคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นอันดับรองลงมา อยู่ที่ 85%

โควิด-19 ฉุดตลาดอสังหาฯ จริงหรือไม่

 

sportlight

 

ตลาดคอนโดฯ ปรับสมดุล เรียลดีมานด์มองหาคอนโดต่ำกว่า 3 ล้าน

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม หลังโควิด-19 มีการปรับสมดุลมากขึ้น สะท้อนถึงความต้องการซื้อที่อาศัยจริงที่มากขึ้น และการเก็งกำไรลดลง

จากการสำรวจกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มที่จะซื้อคอนโดมิเนียมเพิ่มเติมในระยะ 3 ปีนี้ คิดเป็น 51% และไม่สนใจซื้อ 49% โดยส่วนใหญ่ของกลุ่มผู้ที่สนใจซื้อเพื่ออยู่อาศัย 45% ซื้อเพื่อลงทุน 35% และ 17% ซื้อเป็นสินทรัพย์

กลุ่มคอนโดมิเนียมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ คอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดเป็น 60% เพราะเป็นระดับราคาที่ส่วนใหญ่รับได้ และเป็นเรียลดีมานด์ที่ต้องการอยู่อาศัย รองลงมาคือคอนโดมิเนียมราคาตั้งแต่ 3-5 ล้านบาท 28% และคอนโดมิเนียมระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปได้รับความสนใจน้อยที่สุด

ปี 2563 ถือเป็นช่วยที่ตลาดคอนโดปรับสู่จุดสมดุล

รามคำแหง ท่าพระ แบริ่ง ทำมาแรง แซงใจกลางเมือง

ส่วนทำเลที่ตั้งของคอนโดมิเนียมที่อยู่ใจกลางเมือง เช่น อโศก สุขุมวิท พระราม 9 รัชดา พระราม 4 ฯลฯ ยังคงได้รับความสนใจอย่างดี คิดเป็น 50.4% เนื่องจากสะดวกในการเดินทาง ใกล้กับ BTS และ MRT ส่วนคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่รอบเมือง เช่น รามคำแหง ท่าพระ แบริ่ง ฯลฯ ได้รับความสนใจไม่น้อย อยู่ที่ 49.6% อาจเป็นเพราะผู้ซื้อต้องการพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น แม้อยู่ไกลจากเมืองและใช้เวลาการเดินทางเข้าเมืองไม่นาน

เจาะลึกทำเลรอบสถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT

 

ปี 63 เร่งระบายยูนิตเหลือขาย รอวันอสังหาฯ ฟื้นตัว

อย่างไรก็ดี ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมยังคงชะลอตัว เนื่องจากกำลังซื้อจากต่างชาติหายไป และกำลังซื้อภายในประเทศหยุดชะงัก เนื่องจากผู้ซื้อระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลาย ๆ แห่งชะลอการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ โดยมุ่งไปที่การระบายยูนิตที่มีอยู่ก่อน

แนวโน้มนี้อาจลากยาวไปจนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 และหากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สิ้นสุดลง เศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้แรงงานและคนทำงาน (Workers) กับ เจ้าของกิจการ (Business Owner)

ขณะที่สถาบันการเงินและการใช้จ่ายจากภาครัฐ ยังคงมีเสถียรภาพและไม่กระทบมากนัก ส่วนผู้ซื้อที่ไม่ได้รับผลกระทบและมีแผนในการซื้อคอนโดมิเนียมอยู่แล้ว จะใช้โอกาสนี้ในการซื้อ หากมีข้อเสนอส่วนลด 10-30%

5 ข้อต้องคิดก่อนตัดสินใจซื้อบ้านในช่วงนี้

การเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบโควิด-19 ในครั้งนี้ ไม่ได้เปลี่ยนเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังได้เห็นการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งาน และการปรับตัวของผู้ประกอบการ โดยเน้นไปที่พื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง เช่น ห้องนอน ห้องครัว รวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้เหมาะกับการทำงานที่บ้านและตอบโจทย์ความต้องการในยุคหลังโควิด-19 ยิ่งขึ้น

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

เขียนความเห็น