กระแสเปิดประเทศมาแรง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวที่เตรียมพร้อมกับการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่ราคาบ้านใหม่ยังคงปรับตัวสูง พร้อมจับตารถไฟฟ้าสายสำคัญ DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตกันที่นี่
1. จับตา 1 พ.ค. เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบ
หลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ผ่อนคลายเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติ ยกเลิก Test and Go สำหรับชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ และลดวงเงินประกัน รวมถึงการเปิดจุดผ่านแดน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 นับเป็นการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อทิศทางตลาดต่างชาติเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือของปี
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านคน และค่อย ๆ เร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลการเดินทางท่องเที่ยว
โดยในช่วงไตรมาส 3 ของทุกปี จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวภูมิภาคตะวันออกกลาง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และอาเซียน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อนและเป็นช่วงปิดภาคเรียน ขณะที่ไตรมาส 4 จะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป อเมริกา และโอเชียเนีย
อย่างไรก็ดี ยังมีมุมมองที่ต้องระมัดระวัง เนื่องจากตลาดยังมีหลายปัจจัยท้าทายที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวได้ อาทิ
1) การดำเนินนโยบายการเดินทางต่างประเทศของประเทศต้นทาง เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด เช่น นโยบายปลอดโควิด (Zero COVID Policy) ของจีน ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนน่าจะยังไม่สามารถเดินทางมาไทยได้
2) เหตุการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวรัสเซียเที่ยวไทย หากเหตุการณ์ไม่ได้รุนแรงขึ้นจนกระทบการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก็น่าจะเห็นการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวยุโรปมากขึ้นจากปีก่อน
3) ปัญหาราคาพลังงาน และเงินเฟ้อทั่วโลก ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น
เงินเฟ้อคืออะไร มีผลกระทบอย่างไรต่อเงินในกระเป๋าและตลาดอสังหาฯ
ทั้งนี้ หากสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนไม่รุนแรง มองว่า นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปยังเป็นตลาดที่สำคัญของการท่องเที่ยวไทยในปีนี้
คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 1.8 ล้านคน ขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกน่าจะมีจำนวน 1.7 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจากทั้ง 2 ภูมิภาคคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 86% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งหมดในปีนี้
2. เจาะตลาดวิลล่าภูเก็ตปี 64 ชี้กลุ่มผู้ซื้อเป็นชาวไทยถึง 80%
ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ภูเก็ตเป็นสถานที่พักตากอากาศที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีการเติบโตควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวของเกาะ โดยเฉพาะบ้านพักตากอากาศหรือวิลล่า
6 ทริคก่อนลงทุนและปล่อยเช่าบ้านพักตากอากาศ
อุปทานปลายปี 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 4,002 หน่วย จำนวนหน่วยขายใหม่ลดลง 35% จากปี 2563 อยู่ที่ 165 หน่วย โดยในปี 2564 มีอุปทานใหม่เปิดขายจำนวน 108 หน่วย จาก 8 โครงการ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณเชิงทะเล 61% รองลงมาเป็นบริเวณหาดบางเทาและหาดในยาง 15% เท่ากัน และบริเวณหาดลายัน 11%
โดยวิลล่าทั้งหมดที่เปิดขายใหม่ในปี 2564 เป็นวิลล่าระดับราคา 10-50 ล้านบาท ขณะที่วิลล่าที่ขายได้แล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 3,233 หน่วย จากจำนวนอุปทานทั้งสิ้น 4,002 หน่วย คิดเป็น 80.8% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 2.3% ในปี 2563 อยู่ที่ 78.5%
จำนวนหน่วยวิลล่าที่ขายได้ใหม่ในปี 2564 มีทั้งสิ้น 177 หน่วย ลดลงอย่างจากปี 2563 เนื่องจากโควิค-19 ที่ยาวต่อเนื่องมาตลอด 2 ปี รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัว และการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติยังมีไม่มากนัก ส่งผลให้จำนวนหน่วยขายลดลง
สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นคนไทยที่มีฐานะ 80% ส่วนกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติมีเพียง 20% เท่านั้น โดยเป็นชาวต่างชาติที่อยู่ในแถบยุโรปและรัสเซีย
ในส่วนของระดับราคาขายวิลล่าที่ขายได้ดีในปี 2564 มีระดับราคาขายไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อหน่วย สูงสุดอยู่ที่ 11-20 ล้านบาทต่อหน่วย มีจำนวนหน่วยขายได้อยู่ที่ 91 หน่วย รองลงมาเป็น 21-30 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้อยู่ที่ 38 หน่วย
ค้นหาประกาศขายบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดในภูเก็ต
ด้านแนวโน้มตลาดวิลล่าในภูเก็ตปี 2565 เริ่มทยอยกลับมาฟื้นตัว จากการท่องเที่ยวที่กำลังจะกลับมาสดใสอีกครั้ง สะท้อนได้จากการที่กลุ่มนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติที่มีความพร้อมในการลงทุนยังคงให้ความสนใจและรับช่วงต่อในการบริหารโครงการที่ไม่สามารถไปต่อได้ในช่วงที่ธุรกิจในภูเก็ตถดถอย
นอกจากนี้การที่รัฐบาลผลักดันให้มีการเปิดประเทศและมีวัคซีนที่รองรับได้อย่างทั่วถึง รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีการปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้ชีวิตในสถานการณ์โควิด-19 ได้ลงตัวมากขึ้น ถือสัญญาณที่ดีที่บรรยากาศการท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะได้รับการตอบรับ พร้อมกับกำลังซื้อของชาวต่างชาติที่ยังคงมีความต้องการวิลล่าอยู่
3. ราคาบ้านใหม่ บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์ ขยับเพิ่ม 5%
ลุมพินี วิสดอม เผยรายงานผลการวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ไตรมาสแรกปี 2565 มีที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สะสม 23,203 หน่วย เพิ่มขึ้น 140% เทียบไตรมาสแรกของปี 2564 โดยมีมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 80,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยเป็นการเปิดตัวคอนโดมิเนียม 19 โครงการ 15,236 หน่วย เพิ่มขึ้น 211% เทียบไตรมาสแรกของปี 2564 คิดเป็น 66% ของจำนวนหน่วยเปิดตัวใหม่ คิดเป็นมูลค่า 43,096 ล้านบาท ลดลง 7% เนื่องจากในช่วงเดียวกันของปี 2564 มีโครงการเปิดตัวใหม่ที่มีมูลค่าสูง
ขณะที่การเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยมี 47 โครงการ 7,967 หน่วยเพิ่มขึ้น 66% เทียบช่วงเดียวกันปี 2564 คิดเป็นมูลค่า 37,748 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% โดยมีอัตราขาย ณ วันเปิดตัวโครงการ เฉลี่ย 15%
สำหรับการเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยที่ได้รับความนิยม จะเป็นทาวน์เฮ้าส์ ช่วงราคา 2-5 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยเปิดตัวและหน่วยขายได้สูงที่สุดของบ้านพักอาศัยทุกประเภท อัตราขายเฉลี่ย 14% ในทุกทำเลรอบกรุงเทพฯ เช่น ทำเลบางนา-สุวรรณภูมิ, รังสิต ลำลูกกา, รัตนาธิเบศร์-ราชพฤกษ์
ค้นหาทาวน์เฮ้าส์ในบางนา ราคา 2-3 ล้านบาท
ส่วนบ้านเดี่ยว เปิดใหม่ระดับราคา 5-10 ล้านบาท อัตราขายเฉลี่ย 13% ในทำเลรัตนาธิเบศร์-ราชพฤกษ์, บางนา-สุวรรณภูมิ และเพชรเกษม-พุทธมณฑล
ขณะที่หน่วยคงค้างของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไตรมาสแรกที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 2.8% เทียบสิ้นปี 2564 เป็นผลจากการเร่งเปิดตัวโครงการใหม่ที่ถูกชะลอมาตั้งแต่ปี 2563
ทั้งนี้ ราคาที่อยู่อาศัยในไตรมาสแรกนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5% ผลจากต้นทุนที่ดิน ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และพลังงานปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบโดยตรงต่อ ต้นทุนค่าก่อสร้างทำให้ราคาที่อยู่อาศัย ที่เปิดตัวและก่อสร้างในไตรมาสแรก ปรับสูงขึ้น
สรุปข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ : เปิดโครงการใหม่พุ่ง – ขยับราคา 5% ทาวน์เฮ้าส์ 2-5 ล้านบาท รอบ กทม.ฮอต
4. เปิดแผนรถไฟฟ้า สถานีร่วมศิริราช คาดก่อสร้างปี 66
จากแผนในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งจะมีการก่อสร้างสถานีร่วมศิริราชและอาคารรักษาพยาบาล ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางด้วยระบบรางที่สำคัญ
ล่าสุด กระทรวงคมนาคมจับมือคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เดินหน้าก่อสร้างสถานีร่วมศิริราช และอาคารรักษาพยาบาล ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างสถานีร่วมศิริราชและอาคารรักษาพยาบาล ตกลงในเรื่องรูปแบบ ขอบเขตความรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายและแผนการดำเนินงาน
โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย 3 หน่วยงาน รวมถึงกระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางราง เพื่อร่วมผลักดันให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าประสงค์
สำหรับโครงการก่อสร้างระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2562 เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมปรับปรุงเอกสารประกวดราคาและราคากลาง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2565 พร้อมเปิดให้บริการในปี 2570
ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2566 พร้อมเปิดให้บริการในปี 2571
ด้านอาคารรักษาพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นการก่อสร้างอาคารสูง 15 ชั้น ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 55,057 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่โรงพยาบาล 50,741 ตารางเมตร พื้นที่รถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน 3,410 ตารางเมตร และพื้นที่รถไฟฟ้าสายสีส้ม 906 ตารางเมตร คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2566 พร้อมเปิดให้บริการในปี 2570
เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถให้บริการผู้ป่วย ทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน การบริการ Ambulatory Unit/ One Day Surgical โดยผู้ป่วยสามารถเดินทางมารับบริการแล้วกลับบ้านได้ ไม่จำเป็นต้องพักค้าง รวมถึงบริการตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ ส่งผลให้ประชาชนได้รับประโยชน์และความสะดวกสบายจากการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะและการบริการสาธารณสุขมากยิ่งขึ้น
สรุปข่าวจากประชาชาติธุรกิจ : นับ 1 MOU สร้าง “สถานีร่วมศิริราช” ต้นแบบรถไฟฟ้าเวลเนสแห่งแรกของไทย
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า