AREA ชี้จับตาดูซัพพลายที่อยู่อาศัยหลังปี 58 จำนวนยูนิตที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จคาดว่าจะมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของสินค้าที่อยู่อาศํยที่มีอยู่ทั้งตลาดเลยทีเดียว โดยเฉพาะคอนโดฯ แนะสถาบันการเงินเร่งเช็กว่าโครงการที่ปล่อยสินเชื่อไปได้ดำเนินการสร้างจริงหรือไม่
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA เปิดเผยว่าจากการประมวลข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยที่มีขายอยู่ในตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าปัจจุบันมีโครงการที่อยู่อาศัยรวม 1,634 โครงการ รวม 488,026 ยูนิต ในจำนวนนี้ ปรากฏว่าขายไปได้ 309,385 ยูนิต หรือคิดเป็นสัดส่วน 63% สะท้อนให้เห็นว่าตลาดในขณะนี้ ไม่ได้แย่จนเกินไป เพราะยังสามารถขายได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นในอัตราที่ช้าลงก็ตาม
เมื่อพิจารณาถึงระยะเวลาที่ที่อยู่อาศัยเหล่านี้จะก่อสร้างแล้วเสร็จพบว่าในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ จะมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จถึง 272,663 ยูนิต คิดเป็น 56% ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณซัพพลายทั้งหมด
โดยในปี 2559 จะมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จรวม 139,359 ยูนิต หรือราว 29% ในปี 2560 จะมีซัพพลายก่อสร้างแล้วเสร็จ 83,256 ยูนิต (17%) และในปี 2561 จะแล้วเสร็จ 50,047 ยูนิต (10%)
สินค้าที่น่าจับตาที่สุด ได้แก่ คอนโดมิเนียม เนื่องจากมีจำนวนยูนิตที่จะทยอยสร้างเสร็จในอีก 3 ปีข้างหน้ามากถึง 70% ของยูนิตขายรวมทั้งหมด ตามมาด้วยทาวน์เฮ้าส์ ที่จะมีสัดส่วนสินค้าสร้างเสร็จภายในปี 2561 ถึง 61% ในขณะที่บ้านเดี่ยวไม่อยู่ในสถานะที่น่ากังวล เนื่องจากส่วนใหญ่โครงการจะสร้างไปขายไป ไม่ได้รอการสั่งสร้างเสียทีเดียว
“หากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมา เพราะอัตราการเติบเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยต่ำกว่าประเทศอื่นในอาเซียนทั้งในปีนี้และปีหน้า และหากเกิดวิกฤติทางการเมือง เช่น การประท้วงของกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มชาวสวนยาง กลุ่มการเมือง หรือหากเกิดกรณีการก่อการร้ายเพิ่มเติมจะทำให้เกิดปัญหากับวงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้โดยตรง เพราะส่วนมากของซัพพลายยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ” ดร.โสภณ กล่าว
ทั้งนี้ ประธานฯ AREA ยังแนะว่าสิ่งที่ทางราชการ โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย ควรดำเนินการ คือการตรวจสุขภาพของโครงการต่างๆ ที่ได้รับการอำนวยสินเชื่อไปแล้วว่าจะสามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จหรือไม่ และควรมีมาตรการในการสนับสนุนหากเกิดการสะดุดขึ้นมา
“การติดตามการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด และติดตามราคาค่าก่อสร้างอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการเบิกงวดเงินการก่อสร้างที่ตรงตามความเป็นจริง จะช่วยป้องปรามปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้เช่นกัน” ดร.โสภณ กล่าวสรุป
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่