เมื่อเดือนที่แล้วได้มีโอกาสไปดูบ้านแห่งนวัตกรรมของ SCG ที่เขาบอกว่ามุ่งตอบโจทย์การก้าวเข้าสู่สังคมแห่งผู้สูงอายุ เพราะฟังก์ชั่นการทำงานของบ้านในปัจจุบันอาจจะไม่สามารถตอบทุกความต้องการที่จำเป็นสำหรับรุ่น คุณพ่อ คุณแม่ หรือกระทั่งรุ่นเราเองที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่ Aging Society กันแล้ว
จะว่าไป “สังคมผู้สูงอายุ” เป็นเรื่องที่เราได้ยินกันบ่อยขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศพัฒนาแล้วมาก่อนสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว เมื่อโครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป การที่ประชากรในวัยชราสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ประชากรวัยทำงานเริ่มมีแนวโน้มลดลง ส่งผลอะไรบ้างกับ “วิถีชีวิต – รายได้ – ลักษณะของที่อยู่อาศัย” ของพวกเราในอนาคตบ้าง วันนี้ผมมีข้อมูลที่น่าสนใจมาแบ่งปันกันครับ
วิถีชีวิต
“อัตราการเกิดที่ลดลง – อัตราการเสียชีวิตที่ลดลงมากกว่า = จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นในระยะหนึ่ง”
เราคงไม่ปฏิเสธว่า ทุกวันนี้คุณภาพชีวิต และวิทยาการทางการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้าทำให้ผู้สูงอายุในครอบครัวสามารถอยู่กับลูกหลานได้ยาวนานขึ้นมาก (อายุเฉลี่ย 60-85 ปี) คนทำงานจึงสามารถฝากบุตรหลานให้ท่านดูแลเลี้ยงดูได้ ไม่ต้องจ้างแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงเด็ก สามารถออกไปทำงานหารายได้อย่างเต็มที่
และนอกจากนั้น ครอบครัวมีลักษณะ “ครอบครัวเดี่ยวเชิงลึก” คือ ในรุ่นคนทำงานมักเป็นลูกคนเดียว และมีลูกคนเดียว แต่มีคนรุ่นพ่อแม่ รวมถึงปู่ย่าตายาย อาจมีรุ่นทวด อาศัยในบ้านบริเวณเดียวกัน ทำให้เกิดสภาพความซับซ้อนในการใช้ชีวิตในบ้าน เพราะคนแต่ละรุ่นย่อมมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ทั้งรสนิยม ความชอบ พฤติกรรม ฯลฯ
ดังนั้น ถ้าสังเกต จะเห็นบ้านในสังคมผู้สูงอายุจะมีลักษณะร่วมกันอย่างชัดเจน ดังนี้
• ขนาดเล็กลง แต่ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ง่าย: ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดลงได้ ลดภาระในการสร้าง – ซ่อมแซม – ดูแลรักษาในระยะยาว และความสามารถการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งานได้ง่ายก็เหมาะกับความซับซ้อนของช่วงวัยต่างๆ ที่อาศัยร่วมกันในบ้านหลังเดียวกันอีกด้วย
• ต่อเติมได้ง่าย: เพราะคนสูงอายุมีความเสี่ยงทางด้านกายภาพมากกว่าปกติ เช่น เดินเหินลำบาก, มีภาวะทุพพลภาพชั่วคราวหรือถาวร, เจ็บป่วยเรื้อรัง จึงอาจต่อเป็นห้องเฉพาะ (ห้องปลอดเชื้อ) เพื่อให้ดูแลท่านได้ง่ายและถูกสุขลักษณะที่สุด
• ประหยัดพลังงาน: บ้านรุ่นใหม่ต้องสามารถลดค่าไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ เพราะรายจ่ายในครัวเรือนที่สูงขึ้น คนจึงให้ความสำคัญในการลดใช้พลังงาน เพื่อเอาไปชดเชยรายจ่ายที่สูงขึ้นทางอื่น ๆ (ค่ารักษาพยาบาล, ค่าใช้จ่ายในการบริโภคต่อครัวเรือน เป็นต้น)
• Universal Design (การออกแบบให้ทุกคนใช้งานได้สะดวก): เช่น มีทางลาดแทนบันได เพื่อให้รถเข็นขึ้นลงสะดวก หรือลดการเกิดอุบัติเหตุได้ หรือการเพิ่มระบบอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัย อาทิ ระบบไฟส่องสว่างแบบอัตโนมัติ, ระบบรดน้ำต้นไม้แบบตั้งเวลา ฯลฯ
• Edible Garden (สวนกินได้): เพื่อเป็นกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ, เป็นการลดค่าใช้จ่ายอาหารของครัวเรือน
• บ้านต้านแผ่นดินไหว: ในอนาคต เรามีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติสารพัดรูปแบบ โดยเฉพาะภัยจากแผ่นดินไหว ดังนั้น รูปแบบของบ้านอนาคตต้องพร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดฝันให้ลดการสูญเสียมากที่สุด
หากเทรนด์บ้านแห่งอนาคตทั้งหมดนี้ สามารถตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุได้ คงต้องถึงเวลาที่เราจะมานั่งศึกษารายละเอียด เพื่อให้ที่อยู่อาศัยของเราเป็นบ้านแห่งอนาคตได้จริงๆ ครับ
เกี่ยวกับผู้เขียน
พงษ์ธร ปัทมจินตธำรง กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งบริษัทวอลรัส โฮม จำกัด www.walrushome.net หากมีข้อสงสัยหรือคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ walrushome@gmail.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่