ปีใหม่แล้วเริ่มต้นสิ่งใหม่กันดีกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของการเก็บออมเงินเพื่อที่จะได้เพิ่มความมั่งคั่งให้แก่ตนเอง ให้มีเงินเหลือใช้และไม่ลำบากอยู่แบบเดือนชนเดือนเหมือนในปีที่ผ่านๆ มา สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นออมเงินอย่างไร วันนี้เรามีคำแนะนำจากกูรูทางด้านการเงิน K-Expert ธนาคารกสิกรไทย มาฝาก
“การใช้จ่ายอย่างพอดี และเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นออมก่อนใช้ จะช่วยให้มีเงินเหลือเก็บได้”
แม้ว่าเงินเดือนจะเพิ่มขึ้นทุกปี แต่หลายๆ คนก็ยังไม่มีเงินเก็บ นั่นเป็นเพราะเมื่อได้รับเงินมา เรามักนำเงินไปใช้ทันทีหรือบางครั้งก็ใช้จ่ายมากกว่าเดิม เพราะคิดว่ามีเงินเพิ่ม พฤติกรรมแบบนี้จึงเป็นสาเหตุให้หลายๆ คนมีปัญหาเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งในความจริงทุกคนสามารถเก็บออมได้ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงิน ซึ่งมี 7 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมการออมและการใช้จ่าย ทำให้มีเงินออมและเงินฝากมากขึ้น ดังนี้
1. เริ่มต้นจากสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ทันที เช่น การเก็บเหรียญ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ 1 บาท 5 บาท หรือ 10 บาท จะเห็นได้ว่าจำนวนเหรียญที่เก็บในแต่ละครั้งไม่มาก ทำให้รู้สึกว่าการเก็บออมไม่ได้เป็นภาระ เมื่อรวบรวมไว้นานๆ ก็กลายเป็นเงินก้อนที่มีมูลค่าได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างที่คนโบราณกล่าวไว้ว่า “มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท” และควรสร้างวินัยด้วยการ “ออมก่อนใช้” โดยออมให้ได้อย่างน้อย 20% เมื่อมีรายได้เข้ามาเสมอ
2. กำหนดจำนวนเงินในกระเป๋า วิธีการนี้ช่วยจำกัดการใช้จ่ายเงิน โดยอาจมีเงินเพียงพอใช้จ่ายในช่วง 1-2 สัปดาห์ ซึ่งจะช่วยให้รู้จำนวนเงินที่สามารถใช้ได้ และใช้เงินเท่าที่มีในกระเป๋า หากเงินในกระเป๋าเหลือน้อยแล้วไม่ควรกด ATM เพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น วิธีนี้ช่วยให้เราตระหนักรู้ตระหนักใช้ เลือกใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นตามงบประมาณที่มี
3. เก็บเงินแยกไว้ให้ชัดเจน นอกจากจะแบ่งเงินออมและเงินสำหรับใช้จ่ายแล้ว เงินออมที่เก็บไว้นี้ให้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเก็บเป็น “เงินสำรองฉุกเฉิน” สำหรับใช้จ่ายเมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งควรมีไว้ประมาณ 6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน โดยเก็บออมในบัญชีออมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีสภาพคล่องสูง อีกส่วนหนึ่งเก็บเป็น “เงินลงทุน” เมื่อกันเงินสำรองเพียงพอแล้ว เงินเก็บที่เหลือควรนำไปลงทุนสร้างผลตอบแทนให้เงินงอกเงยขึ้น สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวม ให้ผู้จัดการกองทุนบริหารเงินแทนเรา โดยเลือกให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
แล้วควรเก็บเงินไว้ที่ไหนดี? บัญชีออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากประจำ หรือลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินเลย
4. อย่าซื้อของตามใจชอบ ต้องแยกแยะ “ความจำเป็น” และ “ความอยาก” ออกจากกัน เช่น โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ แม้จะผ่อนชำระ 6 เดือน 10 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% แต่หากไม่จำเป็น ก็ยังไม่ควรซื้อ ทำให้ยังไม่ต้องจ่ายเงินและไม่เป็นหนี้อีกด้วย หรือก่อนตัดสินใจซื้อให้กลับมาคิดทบทวนอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 2-3 วัน เราอาจจะไม่ได้อยากได้สินค้านั้นแล้วก็ได้ ฉะนั้นก่อนตัดสินใจจ่ายเงินซื้อสินค้าทุกครั้งให้ถามตนเองก่อนเสมอว่ามีความจำเป็นต้องใช้สิ่งของเหล่านั้นหรือไม่
รู้หรือไม่ว่าการผ่อนสินค้า 0% ผ่านบัตร บางทีอาจเป็นกับดักทางการเงิน
5. ไม่ซื้อของที่มีอยู่แล้วซ้ำอีก บ่อยครั้งที่เราชอบซื้อของแบบเดิมกลับมา ทั้งที่เคยซื้อของชิ้นนั้นไปแล้ว ดังนั้นควรสำรวจสิ่งของที่มีอยู่เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์และยังเป็นการช่วยลดรายจ่ายทำให้เรามีเงินเหลือเก็บมากขึ้น
6. ปาร์ตี้สังสรรค์อย่างพอดี การทานอาหารนอกบ้านโดยเฉพาะมื้อเย็น หรือวันหยุด มักจะต้องใช้เงินมากกว่าปกติ ลองหันมาทำอาหารรับประทานกันในบ้าน นอกจากจะช่วยประหยัดแล้วยังเป็นการใช้เวลากับคนในครอบครัว เรียกว่าอิ่มทั้งกายและยังอิ่มใจไปพร้อมๆ กัน
7. ใช้บัตรเครดิตอย่างระวัง ไม่ใช้เกินแผนการใช้เงินที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก และจ่ายชำระยอดหนี้บัตรเครดิตเต็มจำนวนทุกครั้ง เป็นการใช้ประโยชน์จากบัตรเครดิตในแง่ของความสะดวกสบายและลดความเสี่ยงจากการถือเงินสดจำนวนมากๆ แต่ไม่ควรสร้างหนี้จากบัตรเครดิตโดยการทยอยจ่ายหรือจ่ายบัตรเครดิตไม่เต็มจำนวน
นอกจาก 7 ข้อนี้แล้ว การทำ “บัญชีรายรับจ่าย” ก็เป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยติดตามพฤติกรรมการรับจ่ายเงินของตนเอง ในช่วงแรกของการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินนั้นอาจรู้สึกลำบากสักหน่อย แต่หากทำอย่างสม่ำเสมอก็จะเกิดเป็นความเคยชิน ซึ่ง “ความตั้งใจ” จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย และที่สำคัญต้องมี “วินัยในการออมอย่างสม่ำเสมอ” หากทำได้ รับรองว่า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คุ้มค่าแน่นอน
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย เสาวนีย์ พงษ์เสนีย์ CFP® K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com