อสังหาฯ ไทย ยังเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนต่างชาติ?

22 ก.ค. 2562

แม้ว่าผลกระทบด้านเศรษฐกิจชะลอตัวและการเมืองที่ยังไม่นิ่งของไทยจะส่งผลให้ความต้องการซื้ออสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดฯ ลดลง แต่ที่น่าสนใจคือนักลงทุนต่างชาติยังให้ความสนใจอสังหาฯ ไทย

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังคงเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการเมืองที่ยังไม่นิ่งแม้จะผ่านการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ทำให้จำนวนอุปสงค์หรือความต้องการซื้อสวนทางกับจำนวนคอนโดมิเนียมที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผู้บริโภคอาจเกิดความหวาดหวั่นว่าจะซ้ำรอย ‘ต้มยำกุ้ง’ แบบเมื่อ 20 กว่าปีก่อนหรือไม่

สัญญาณดี ไม่มีแนวโน้มฟองสบู่

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย DDproperty.com กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยเวลานี้ยังมีความมั่นคงและยังเติบโตได้อีก ไม่มีแนวโน้มของการเกิดฟองสบู่ซ้ำรอยเดิม เนื่องจากผู้ประกอบการต่างเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ แต่นำโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วแต่ยังขายไม่หมดมา Resale อีกครั้ง พร้อมทั้งจัดโปรโมชันลดราคาจำนวนมาก หรือให้เข้าอยู่ฟรี 2 ปีแล้วผ่อนดาวน์ทีหลัง

ชาวต่างชาติยังคงสนใจอสังหาฯ ไทย

ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าที่เป็น ‘โอกาส’ คือชาวต่างชาติ ให้ความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมในไทยเป็นจำนวนไม่น้อย ทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและซื้อเพื่อการลงทุน เนื่องจากประเทศไทยเป็นที่ที่มีความสะดวกในเรื่องของการลงทุนเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับมาเลเซีย ที่กำหนดให้ชาวต่างชาติสามารถลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ ในราคาไม่ต่ำกว่า 8-10 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น ขณะที่ไทยมีงบแค่ 1-5 ล้านบาท สามารถลงทุนซื้อได้แล้ว จึงทำให้การจับจองเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมในไทยทำได้ง่ายกว่า

ไทยยังมีเสน่ห์ดึงดูดชาวต่างชาติในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น อาหารที่รสชาติดี มีวัดที่สวยงามเป็นจำนวนมากที่ดึงดูดชาวจีนให้นิยมมาไหว้พระ ขณะเดียวกันชาวสแกนดิเนเวียนหรือยุโรปก็ชอบมาพักอาศัยแบบลองสเตย์ในไทยเพราะมีอากาศที่อบอุ่น และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม

LTV Real Estate

ชาวจีนซื้ออสังหาฯ ไทย แตะ 3.9 หมื่นล้าน

โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ชาวจีนมีบทบาทในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมากขึ้น ทั้งในรูปแบบของการซื้ออาคารชุดเพื่ออยู่อาศัย การเช่าอาคารสำนักงาน รวมถึงการลงทุนของผู้ประกอบการชาวจีนผ่านการร่วมทุนกับผู้ประกอบการชาวไทย

โดยการซื้อที่อยู่อาศัยของชาวจีนในปี 2561 ขยายตัวจากปี 2560 ค่อนข้างมาก สะท้อนจากมูลค่าเงินโอนเพื่อซื้ออาคารชุดในไทยของชาวจีน ปี 2561 อยู่ที่ 39,178 ล้านบาท เร่งขึ้นจากปี 2560 ที่ 23,621 ล้านบาท (ขยายตัว 65.9% จากปีก่อน) โดยคิดเป็น 43% ของมูลค่าเงินโอนเพื่อซื้ออาคารชุดของชาวต่างชาติ และ 12% ของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดไทยทั้งประเทศ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่ 9%

สัดส่วนมูลค่าที่สูงขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ซื้อชาวจีนมีบทบาทสำคัญต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยทำเลที่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวจีน คือย่านศูนย์กลางธุรกิจในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ และพื้นที่แถบชายทะเลของพัทยาและภูเก็ต โดยเฉพาะโครงการที่มีการการันตีผลตอบแทน

แม้ความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้าชาวจีนจะเพิ่มขึ้น แต่ข้อมูลจากผู้ประกอบการและข้อมูลสถิติ พบว่ายังไม่มีสัญญาณฟองสบู่ หรือราคาอสังหาริมทรัพย์ ที่สูงผิดปกติในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งยังไม่พบปัญหาการทิ้งใบจองจากลูกค้ารายย่อยที่ซื้อเพื่อลงทุนหรืออยู่อาศัยเอง ซึ่งอาจเป็นเพราะผู้ประกอบการเรียกเก็บเงินดาวน์จากชาวจีนในอัตราสูงถึง 25-30% ของราคาอาคารชุด ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินดาวน์ที่เก็บลูกค้าชาวไทยที่อยู่ในอัตราราว 10% เพื่อป้องกันความเสี่ยงในด้านนี้ไปบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตาม อาจพบปัญหาการทิ้งจองบ้างจากลูกค้านิติบุคคลจีนที่เข้ามาเหมาอาคารชุดเป็นชั้นหรือเป็นตึกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน หรือเพื่อไปขายต่อชาวจีนเองโดยตรง แต่โดยรวมยังถือว่าเป็นส่วนน้อย

Increase In Chinese Investment Concerns Some Experts

ส่องจุดเด่นอสังหาฯ ไทย ดึงดูดลูกค้าชาวจีน

โดยจุดเด่นที่ทำให้อสังหาริมทรัพย์ของไทยได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวจีนก็เพราะว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังมีราคาถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างฮ่องกง หรือสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีกฎหมายเอื้อต่อการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ อาทิ

  • ไม่จำกัดราคาขั้นต่ำในการซื้อ ซึ่งจากต่างมาเลเซียที่ต้องซื้อในราคาไม่ต่ำกว่า 8-16 ล้านบาท
  • ได้กรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ซึ่งแตกต่างจากจีน หรือเวียดนามที่ได้เพียงสิทธิ์การเช่าระยะยาวเท่านั้น
  • ไม่มีการเก็บภาษีจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ เหมือนในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ต้องเสีย 20% และฮ่องกง 30% โดยเฉพาะเหมือนในสิงคโปร์ที่ต่างชาติต้องเสียภาษี
  • ระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีมรดก ยังไม่เริ่มบังคับใช้ (เริ่มบังคับใช้อย่างเป็นทางการในปี 2563)

ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องเร่งปรับตัว ด้วยการขยายตลาดแบบเชิงรุกวางกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ได้แก่ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อินเดีย จัดตั้งฝ่ายขายในต่างประเทศ เน้นการจัดอีเวนต์ในประเทศต่าง ๆ หรือไปตั้งสำนักงานขายในจีน โดยมีทีมงานชาวจีนเป็นผู้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางประสานงานตัวแทนในแต่ละเมือง รวมถึงรองรับการจัดกิจกรรมโรดโชว์และอีเวนต์ต่าง ๆ ควบคู่กันไป

ตลาดคนไทยยังไม่ถึงทางตัน

ขณะเดียวกัน การทำตลาดภายในประเทศก็ใช่ว่าจะหมดหวังเสียทีเดียว โดยมีอานิสงส์จากโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ทั้งที่กำลังจะเปิดและอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีใหม่ที่คาดว่าจะมีนโยบายต่าง ๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมและอสังหาริมทรัพย์ให้สดใสขึ้น

“ครึ่งปีหลังนี้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ยังเน้นพัฒนาโครงการในทำเลรถไฟฟ้าสายใหม่ โฟกัสกลุ่มเรียลดีมานด์ ระดับราคา 3.5-8.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่เราวิเคราะห์ออกมาว่าเป็นราคาที่คนซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและสามารถผ่อนจนหมดได้ จึงอยากให้ผู้ประกอบการโฟกัสในเซกเมนต์นี้” นางกมลภัทร กล่าว

จากข้อมูลการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ในเว็บไซต์ของ DDproperty ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในไทยมีการเติบโตถึง 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ช่วงเดือน 3-5 มีความต้องการอสังหาริมทรัพย์สูงกว่าปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการประกาศใช้มาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan to Value: LTV เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปิดการขายผ่านโปรโมชันต่าง ๆ ก่อนจะเริ่มใช้มาตรการ

โดยคำค้นตามพื้นที่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด 3 อันดับแรกใน 5 เดือนแรกของปีนี้คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี และเชียงใหม่ ซึ่งยังคงเหมือนกับข้อมูล 3 อันดับแรกของปีก่อน นอกจากนี้ ข้อมูลจาก 8 ใน 10 อันดับแรกเป็นคำค้นสำหรับพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สะท้อนให้เห็นความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากกว่าพื้นที่อื่นในประเทศ

สำหรับประเภทอสังหาฯ ที่มีการค้นหามากที่สุด 3 อันดับแรก คือ บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ ทำเลคอนโดฯ ที่มีการค้นหามากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ห้วยขวาง จตุจักรและวัฒนา ส่วนการค้นหาที่ดิน พบว่า 3 ทำเลที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือ ลาดพร้าว บางนาและบางกะปิ

Wooden houses in a supermarket cart and up arrow. Growing demand for housing and real estate. The growth of the city and its population. Investments. concept of rising prices for housing or rent.

ผู้บริโภคไทยยังคงพอใจต่อตลาดอสังหาฯ

ข้อมูลจาก DDproperty Consumer Sentiment Survey รอบล่าสุด พบว่า ผู้บริโภคยังมีความต้องการที่จะซื้อที่อยู่อาศัยในอนาคตอันใกล้ โดยส่วนใหญ่ให้ความสนใจทั้งสินค้าใหม่และ Resale เหตุผลที่คนไทยยังคงพึงพอใจกับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ คือ ราคาของอสังหาริมทรัพย์ ยังไม่สูงมากนัก ในขณะที่บางกลุ่มไม่พึงพอใจต่อสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ให้เหตุผลว่าเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และราคาอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นและแพงเกินไป

โดยรวมจะเห็นได้ว่าแม้อสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเผชิญกับผลกระทบต่าง ๆ มากมาย แต่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ทั้งจากกลุ่มผู้ซื้อชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่ยังคงเชื่อมั่นต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ประกอบกับมาตรการ LTV ที่ประกาศใช้ควบคู่กันไป เชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงห่างไกลจากภาวะฟองสบู่แตก

 

อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า สนใจรับบทความดีดี กดติดตาม

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ