หนี้ครัวเรือนไทยน่าห่วง ติดอันดับ 2 เอเชีย ถึงเวลามาตรการ DSR?

5 ก.ย. 2562

มูลค่าหนี้ครัวเรือนไทยที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความเปราะบางของเศรษฐกิจ กระทบต่อความสามารถชำระหนี้ รวมถึงภาคอสังหาฯ ถึงเวลาภาครัฐต้องคุมเข้มด้วยมาตรการ DSR แล้วหรือยัง

สภาพัฒน์ เผยหนี้ครัวเรือนไทยไตรมาส 2 ปี 2562 ทะลุ 13 ล้านล้านบาท สูงที่สุดในรอบ 27 เดือน นับตั้งแต่ปี 2560 ทะยานสู่อันดับ 2 ของเอเชีย รองจากเกาหลีใต้ และสูงเป็นอันดับ 11 ของโลก ต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 ปี 2562 พบหนี้เสียเพิ่ม 10% พร้อมจับตาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หลังภาครัฐออกมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan to Value: LTV ลุ้นบังคับใช้มาตรการ DSR คุมซ้ำ

Subscription Banner for Article

หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งติดอันดับ 2 ของเอเชีย

จากการเปิดเผยของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สคช.) หรือสภาพัฒน์ ระบุว่า หนี้ครัวเรือนไทยไตรมาส 2 ปี 2562 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากไตรมาส 1 ปี 2562 หนี้ครัวเรือนเท่ากับ 13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% คิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพีเท่ากับ 78.7% สูงสุดในรอบ 9 ไตรมาส หรือ 2 ปี 3 เดือน นับตั้งแต่ปี 2560 โดยหนี้ครัวเรือนไทยสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากเกาหลีใต้ และอันดับ 11 ของโลก จาก 74 ประเทศ และหนี้ที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ได้แก่ หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และรถยนต์

หนี้สินเชื่อส่วนบุคคลสูงสุดในรอบ 4 ปี

สำหรับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภาพรวมสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 9.2% โดยยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ขยายตัว 11.3% สูงสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2558 เป็นต้นมา ขณะที่ยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ขยายตัว 7.8% ชะลอลงจาก 9.1% ในไตรมาสก่อน และรถยนต์ ขยายตัว 10.2% ชะลอลงจาก 11.4% ในไตรมาสก่อน

Man with an empty wallet on a white background, not enough money

 

หนี้เสียไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 10%

ไตรมาส 2 ปี 2562 ยังต้องจับตาแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือน เพราะภาพรวมสินเชื่อด้อยคุณภาพหรือหนี้เสียเพิ่มขึ้น เช่น ยอดคงค้างหนี้เสียเพื่อการอุปโภคบริโภคในไตรมาส 2 ปี 2562 กว่า 127,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบันยอดหนี้เสียมีสัดส่วน 2.74% ต่อสินเชื่อรวม

อีกทั้งยังมีหนี้เสียที่ต้องจับตามอง ได้แก่ ยอดคงค้างหนี้เสียสินเชื่อรถยนต์ เพิ่มขึ้น 32.3% และบัตรเครดิต เพิ่มขึ้น 12.5% รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และสินเชื่อบัตรเครดิตที่มียอดค้างชำระเกิน 3 เดือนขึ้นไป ที่กลับมาขยายตัวอีกครั้ง

แบงก์คุมเข้มปล่อยกู้ ทำยอดสินเชื่อบ้านหดตัว

แนวโน้มหนี้สินในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 คาดว่าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะชะลอตัวลง เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มลดลง และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยกู้ เนื่องจากในช่วงก่อนหน้ามีมาตรการ LTV ธนาคารพาณิชย์มีการแข่งขันปล่อยสินเชื่อในลักษณะที่ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การอนุมัติ ประกอบกับมีการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในวงเงินสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้ผู้กู้ได้เงินสดกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น

จากตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่สูงนี้ สะท้อนถึงความเปราะบางและการขาดภูมิคุ้มกันของภาคครัวเรือน ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา ครัวเรือนที่อ่อนไหวต่อปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ (income shock) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้

แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกมามาตรการมาเพื่อดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือนในช่วงก่อนหน้า เช่น มาตรการ LTV จะส่งผลดีทำให้การก่อหนี้ในหมวดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยชะลอลง แต่ยังคงต้องติดตามภาวะหนี้ครัวเรือนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความสามารถในการรองรับ income shock ของภาคครัวเรือนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอลง

Bank calculates the home loan rate

ธปท. คุมซ้ำหนี้ครัวเรือน แจงบังคับใช้ DSR

แม้ว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังไม่มีแผนที่จะนำมาตรการคุมภาระหนี้ต่อรายได้สูงสุด หรือ Debt Service Ratio: DSR มาบังคับใช้ในปีนี้ แต่ก็มีความคืบหน้าในส่วนนี้พอสมควร โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการร่วมกับสถาบันการเงินใน 2 เรื่อง ได้แก่

1. การกำหนดมาตรฐานกลางในการคำนวณ DSR ทั้งในส่วนภาระหนี้และรายได้ของผู้กู้ ซึ่งปัจจุบันสถาบันการเงิน แต่ละแห่งมีวิธีการคำนวณที่แตกต่างกัน โดยล่าสุดได้มีข้อตกลงมาตรฐานกลาง DSR ร่วมกันแล้ว คาดว่าจะเริ่มรายงานข้อมูล DSR ตามมาตรฐานกลางให้ ธปท. ได้ ภายในไตรมาส 4 ปีนี้

2. การผลักดันให้สถาบันการเงินนำหลักการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบไปใช้ โดยลูกหนี้ต้องมีเงินเพียงพอสำหรับดำรงชีพหลังชำระหนี้

ธอส. เบรก หวั่นกระทบอสังหาฯ บ้านล้านหลัง

อย่างไรก็ตาม ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แสดงความคิดเห็นว่า การที่ภาครัฐหรือ ธปท. ออกเกณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อมาคุมสินเชื่อโดยใช้เกณฑ์หนี้ต่อรายได้ หรือ DSR ออกมาในช่วงนี้ อาจไม่เป็นผลดีนัก เพราะหากออกมาในช่วงนี้เท่ากับเป็นการซ้ำเติมภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยช่วงที่เหมาะสมคือต้องให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นก่อน

หลังจากที่มีการคาดหวังว่าช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นจากการคลายกฎมาตรการ LTV และหากเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบกับนโยบายบ้านล้านหลังได้ เพราะหากมีการใช้ DSR ที่นำค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาหักรายได้ จะทำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านกลุ่มนี้ได้ต้องมีเงินเหลือไม่น้อยกว่าเดือนละ 4,800 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก

DDproperty เผยในระยะยาว DSR จะช่วยตลาดอสังหาฯ

Kamolpat PropertyGuru Thailand Property Awards 2019

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย DDproperty.com

ด้านนางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย DDproperty.com เปิดเผยว่า มาตรการ DSR จะส่งผลดีในระยะยาวเหมือนกับมาตรการ LTV แต่ในระยะสั้นตลาดคงต้องใช้เวลาในการปรับตัวสักระยะ โดยมาตรการ DSR จะเข้ามาช่วยป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำหนี้ครัวเรือนเปราะบางมากขึ้น หลักจากที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า ยอดปล่อยกู้แก่ผู้ที่มีภาระหนี้ต่อรายได้เกินกว่า 70% ในทุกหมวดสินเชื่อ โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านแลกเงินที่มีสัดส่วนสูงสุดถึง 46% ถือเป็นการป้องปรามไม่ให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจในอนาคต

จะเห็นได้ว่าหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยและความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือน ภาครัฐจึงได้ออกมาตรการมาสกัดหนี้ครัวเรือน แต่ก็คงได้แต่หวังว่าช่วงที่เหลือของปี 2562 ภาครัฐอาจจะมีมาตรการออกมากระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์บ้าง แต่จะมีหรือไม่ยังคงต้องติดตามกันต่อไป

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

เปิดประเด็น: อสังหาฯ ไตรมาส 2 ชะลอตัวจริงหรือ?

ตลาดอสังหาฯ กรุงเทพฯ ไตรมาสที่ 2 ชะลอตัวลงทั้งด้านราคาและจำนวนที่อยู่อ

อ่านต่อ23 ส.ค. 2562