ข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์นี้ มีหลากหลายประเด็นร้อน ทั้งราคาที่ดินเปล่าแนวรถไฟฟ้า ราคาที่ดินแพงสุด และการขยายเวลาช่วยเหลือลูกหนี้ NPL การชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมกำลังซื้อตลาดบ้านหรูมาแรง DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่
1. ราคาที่ดินเปล่าแนวรถไฟฟ้า พุ่งสูงสุด 8.5%
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแนวเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าผ่านในไตรมาส 1 ปี 2565 พบว่าเส้นทางรถไฟฟ้า 5 อันดับแรกที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่มีแผนจะพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าในอนาคต
แผนที่รถไฟฟ้า BTS-MRT ฉบับสมบูรณ์ อัปเดตเส้นทาง-ราคา-เวลา ปี 65
อันดับ 1 สายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) ซึ่งเป็นโครงการที่กำลังจะก่อสร้างในอนาคต มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 8.5% ราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นมากในเขตทวีวัฒนา และเขตตลิ่งชัน
อันดับ 2 สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีความคืบหน้าการก่อสร้างไปแล้วกว่า 90.7% มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 8.2% ราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นมากในเขตหลักสี่ และเขตคันนายาว
อันดับ 3 สายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2559 มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 6.7% ราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นมากในอำเภอเมืองนนทบุรี และอำเภอบางบัวทอง
อันดับ 4 สายสีน้ำเงิน (บางแค-พุทธมณฑล สาย 4) ซึ่งเป็นโครงการที่กำลังจะก่อสร้างในอนาคต มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 6.3% ราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นมากในเขตหนองแขม และเขตบางแค
อันดับ 5 สายสีเขียว (สมุทรปราการ-บางปู) ซึ่งเป็นโครงการที่กำลังจะก่อสร้างในอนาคต และสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้ว โดยราคาที่ดินทั้ง 2 เส้นทาง มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.8% ราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นมากในอำเภอเมืองสมุทรปราการ
ส่วนราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในทำเลที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่านในไตรมาสนี้ พบว่า 5 อันดับแรกที่มีการปรับเพิ่มของราคาที่ดินน้อยที่สุด YoY ส่วนใหญ่เป็นแนวรถไฟฟ้าที่ราคาที่ดินมีการปรับเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องมาก่อน
อันดับ 1 สายสีเขียว (คูคต-ลำลูกกา) ซึ่งเป็นโครงการที่กำลังจะก่อสร้างในอนาคต มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเพียง 1.7%
อันดับ 2 สายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และสายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-ม.ธรรมศาสตร์รังสิต) ซึ่งรถไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการ เป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้ว มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 2.2%
อันดับ 3 สายสีน้ำเงิน MRT ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้ว และสายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-หัวลำโพง) เป็นโครงการที่มีแผนจะก่อสร้างในอนาคต ที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการ มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 2.3%
อันดับ 4 สายสีแดงเข้ม (หัวลำโพง-มหาชัย) เป็นโครงการที่กำลังจะก่อสร้างในอนาคต มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 2.5%
อันดับ 5 สายสีเทา (วัชรพล-พระราม 9-ท่าพระ) เป็นโครงการโครงการในอนาคต มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 3%
2. ปรับเกณฑ์ลูกหนี้ NPL เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาโครงการคลินิกแก้หนี้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL) ในกลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายระยะเวลาจ่ายคืนและลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ภาระรายเดือนของลูกหนี้ลดลงมาอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้
จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงปี 2563-2564 โครงการคลินิกแก้หนี้ ได้มีมาตรการเพิ่มเติมให้กับลูกหนี้ในโครงการที่ได้รับผลกระทบโดยผ่อนปรนการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง ล่าสุด ภายใต้มาตรการช่วยเหลือ ระยะที่ 3 “ยาสูตรจ่ายเท่าที่ไหว” (กรกฎาคม-ธันวาคม 2564) กำหนดให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ตั้งแต่ 40% ของค่างวดเดิมขึ้นไป จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 1-2% ต่อปี
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา พบว่า รายได้ของลูกหนี้แต่ละอาชีพยังฟื้นตัวต่างกัน โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นช้ากว่ากลุ่มอื่น คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ (กคน.) จึงเห็นชอบให้ปรับเกณฑ์คุณสมบัติลูกหนี้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อขยายความช่วยเหลือให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPL ก่อนวันที่ 1 เมษายน 2565 จากเดิมที่กำหนดให้เป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยลูกหนี้ที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าว สามารถเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดโครงการคลินิกแก้หนี้ จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2565 มีลูกหนี้เข้าร่วมโครงการสะสมทั้งสิ้นจำนวน 26,701 ราย รวม 80,844 บัญชี ภาระหนี้เงินต้น 6,120 ล้านบาท โดยเฉลี่ยลูกหนี้ 1 ราย มีเจ้าหนี้ 2 ราย และมีค่าเฉลี่ยเงินต้นคงเหลือ 233,457 บาท
ในจำนวนนี้เป็นลูกหนี้ที่เข้าโครงการในช่วงปี 2563-2564 ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวน 20,425 ราย 60,356 บัญชี
สำหรับมาตรการช่วยเหลือ ระยะที่ 3 “ยาสูตรจ่ายเท่าที่ไหว” (กรกฎาคม-ธันวาคม 2564) พบว่า ในช่วงดังกล่าว มีลูกหนี้ในโครงการถึง 85% ที่ได้รับส่วนลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
สรุปข่าวจากเดลินิวส์: ‘คลินิกแก้หนี้’เกณฑ์ใหม่ ขยายถึงคนที่เป็นหนี้เสียก่อน 1 เม.ย.65
3. ขยายเวลาชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 65 ได้ถึง 31 ก.ค. นี้
กรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างดำเนินการเปลี่ยนฐานข้อมูลและโปรแกรมระบบการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อให้การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องครบถ้วน จึงได้ขยายกำหนดเวลาดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 มีรายละเอียดดังนี้
1) ขยายกำหนดเวลาการแจ้งการประเมินภาษี โดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี จากภายในเดือนเมษายน เป็นภายในเดือนพฤษภาคม 2565
2) ขยายกำหนดเวลาการชำระภาษีตามแบบแจ้งการประเมินภาษี จากภายในเดือนมิถุนายน เป็นภายในเดือนกรกฎาคม 2565
3) ขยายกำหนดเวลาการผ่อนชำระภาษี งวดที่ 1 จากภายในเดือนมิถุนายน เป็นภายในเดือนกรกฎาคม 2565 งวดที่ 2 จากภายในเดือนกรกฎาคม เป็นภายในเดือนสิงหาคม 2565 และงวดที่ 3 จากภายในเดือนสิงหาคม เป็นภายในเดือนกันยายน 2565
4) ขยายกำหนดเวลาการมีหนังสือแจ้งเตือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ จากภายในเดือนกรกฎาคม เป็นภายในเดือนสิงหาคม 2565
5) ขยายกำหนดเวลาการแจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขาทราบ จากภายในเดือนสิงหาคม เป็นภายในเดือนกันยายน 2565
สรุปข่าวจากประชาชาติธุรกิจ: กทม. ขยายเวลาชำระเงินภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง ถึง ก.ค. 2565
4. กำลังซื้อไม่กระทบ ตลาดบ้านหรู 60 ล้าน อัตราการขายสูงถึง 72%
คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกปี 2565 มีโครงการบ้านจัดสรร ราคาขายมากกว่า 20 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการขายมากกว่า 2,593 ยูนิต จำนวน 58 โครงการ อัตราการขาย 62% เกือบทั้งหมดเป็นโครงการบ้านเดี่ยว และเริ่มมีทาวน์โฮมขนาดใหญ่ ใจกลางเมือง เช่น สุขุมวิท อารีย์ พระราม 3 หรือสาธุประดิษฐ์ เกิดขึ้นเช่นกัน
หากโฟกัสที่บ้านหรู ราคาขายสูงกว่า 60 ล้านบาทขึ้นไป มีอัตราการขายสูงสุดที่ 72% และอีกกลุ่มที่น่าสนใจ คือบ้านช่วงราคา 20-40 ล้านบาทต่อยูนิต ที่มีอัตราการขายอยู่ที่ 69%
สะท้อนภาพกำลังซื้อจำนวนมากที่ต้องการบ้านระดับราคานี้ ทั้งในเมืองและนอกเมืองกรุงเทพฯ ทำให้การซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นไปอย่างคึกคัก เพื่อตอบรับลูกค้าศักยภาพสูง นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องของการขอสินเชื่อจากธนาคารมากเท่ากับที่อยู่อาศัยราคาต่ำ ๆ
ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายเริ่มมองหาที่ดินบริเวณที่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า โดยเฉพาะแนวถนนสุขุมวิท, รัชดาภิเษก, พระราม-9, ลาดพร้าว, รามอินทรา, ศรีนคริทร์, พัฒนาการ, กรุงเทพกรีฑา และราชพฤกษ์ รวมทั้งทำเลใกล้ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ (CBD) เช่น ถนนพระราม 3, นราธิวาสราชนครินทร์, เย็นอากาศ และสาธุประดิษฐ์
โดยคาดว่าปีนี้จะมีโครงการเปิดใหม่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ยูนิต เนื่องจากมองว่าตลาดลักชัวรีของไทย ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากความแข็งแกร่งของลูกค้าระดับบนกำลังซื้อสูงที่ไม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
สรุปข่าวจากฐานเศรษฐกิจบ้านหรู 20 ล้านอัพ ทะลัก 2 พันหน่วย รับเศรษฐีใหม่โควิด
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า