ถึงแม้ว่าวันหยุดยาวพึ่งจะผ่านพ้นไปได้ไม่นาน แต่ด้วยพลังและความแอ็คทีฟที่ล้นเหลือทำให้เราเกิดความ “อยาก” ที่จะออกไปเที่ยวอีกสักครั้ง แต่ด้วยวันหยุดที่จำกัดเพียงเสาร์-อาทิตย์ คงจะไปไหนไกลๆ ไม่ได้ คราวนี้เราเลยหาที่เที่ยวใกล้ๆ แบบวันเดย์ทริปกันดีกว่า
การรวมกลุ่มของผองเพื่อนที่มีทักษะและประสบการณ์ท่องเที่ยวระดับวิกฤตจึงถูกเรียกตัวเป็นการด่วนเพื่อระดมความคิด แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าเราจะไปตะลุยเขาใหญ่กัน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเห็นพ้องคล้อยตามกันได้ขนาดนี้เพราะว่าเขาใหญ่นั้นนอกจากจะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ทำให้ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานแล้ว ถนนหนทางก็ยังสะดวกสบาย ไม่ซับซ้อนเนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมานานหลายปี ทริปนี้รับรองไม่มีหลง แต่กว่าจะได้แพลนของทริปนี้ออกมาก็ต้องเถียงกันพอสมควรเพราะเขาใหญ่นั้นมีที่กินที่เที่ยวมากจริงๆ แต่อย่างที่รู้ๆ กันว่าแผนมันก็คือแผน แม้จะหาข้อมูลมาแน่น แต่ทุกอย่างอาจมีผิดแผนไปบ้าง เพราะยังมีตัวเลือกสำรองรายทางอีกเพียบ ตามมาเลย จะเล่าให้ฟังว่าทริปเขาใหญ่ของเราที่ผ่านมาเราไปที่ไหนมาบ้าง
หลังจากรับเพื่อนร่วมทางคนสุดท้ายขึ้นอีโคคาร์คันเล็กๆ มาแล้ว เราก็มุ่งหน้าเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2 หรือถนนมิตรภาพสายเลือดหลักของภาคอีสาน นาฬิกาบนหน้าปัดบอกเวลา 8 โมงพอดิบพอดี เขาใหญ่จ๋าเดี๋ยวเราเจอกัน ขับรถไปตามถนนมิตรภาพเรื่อยๆ แต่อย่าชิลกันเพลินจนลืมดูป้ายละ เพราะเราจะพบกับป้ายทางแยกเข้าสู่ทางหลวงหมายเลขที่ 1016 ทางด้านขวามือ เลี้ยวเข้าไปโลดเลย จุดสังเกตคือก่อนถึงทางแยกจะเป็นที่ตั้งของ Dairy Home ที่ขากลับเราจะแวะซื้อไอศกรีมกลับบ้านกัน
พีบีวัลเล่ย์ (PB Valley)
ภาพ via khaoyaiwinery.com
จากทางหลวงหมายเลข 1016 นั้นวิ่งไปเรื่อยๆ จะเจอทางแยกขวามือเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2140 วิ่งไปอีกไม่ไกลจะพบกับ “พีบีวัลเล่ย์” จุดแวะแรกของเราตั้งอยู่ด้านขวามือนั่นเอง ภาพที่ปรากฎตรงหน้าก็คือไร่องุ่นที่ทอดตัวไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่คิดว่าในประเทศไทยจะมีไร่องุ่นที่ใหญ่ขนาดนี้ บนพื้นที่กว่า 500 ไร่เลยทีเดียว เราเดินทางมาถึงพีบีวัลเลย์ตอนประมาณ 10 โมง นอกจากการเดิมชมไร่องุ่นแล้ว ที่นี่ยังมีบริการนำชมไร่องุ่นโดยวิทยากรที่รู้ลึกรู้จริงอีกด้วย สนนราคาแค่คนละ 250 บาทเท่านั้น สำหรับเด็กๆ ก็จ่ายเพียง 150 บาท
นอกจากจะพานั่งรถชมไร่องุ่นแล้วก็ยังมีไวน์ประเภทต่างๆ ให้ชิมกันด้วย รวมไปถึงน้ำองุ่นเย็นเจี๊ยบที่แสนจะสดชื่น เพียงชั่วโมงเดียวเราก็ได้ความรู้มาเพียบเอากลับไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังได้อีกเป็นวันเลยล่ะ ถ้าใครมาที่นี่สายๆ จะรับประทานอาหารที่นี่ก็มีห้องอาหาร The Great Hornbill Grill เอาไว้บริการด้วย ได้ข่าวมาว่าพิซซ่าของที่นี่อร่อยเด็ดไม่แพ้ต้นตำรับเชียวล่ะ หลังจากเก็บภาพวิวไร่องุ่นจนจุใจแล้วเราก็รีบขึ้นรถบ่ายหน้าไปยังที่หมายถัดไป
ปาลิโอ้ พริโม่ (Palio Primo)
ภาพ via facebook.com/welovepalio
จากพีบีวัลเลย์วิ่งรถย้อนทางเดิมกับขามาจนถึงทางแยกเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1016 ให้เลี้ยวขวาจากนั้นวิ่งไปเพลินๆ จนกระทั่งถึงเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท ก็จะพบทางบรรจบกับถนนธนะรัชต์ หรือทางหลวงหมายเลข 2090 ให้เลี้ยวซ้าย ขับขึ้นไปเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้นก็จะพบกับปาลิโอ้ เสียค่าเข้าชมกันไปคนละ 20 บาท เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปกันกระหน่ำ ที่นี่มีมุมสวยงามให้ถ่ายรูปเยอะมากก่อนมาควรเคลียร์เมมโมรี่กล้องให้ว่าง หรือมีเมมโมรี่สำรองเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะเสียดายมาก เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน เรามาถึงปาลิโอ้เอาก็ตอน 11 โมงนิดๆ แดดแรงขึ้นเยอะมาก แต่สถานที่แบบนี้ยิ่งแดดจัดยิ่งถ่ายสวยนะจะบอกให้ เพราะมันจะช่วยขับสีส้มๆ ของหมู่อาคารสไตล์ทัสคานีให้สวยแจ่มเชียวล่ะ
ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้ว ที่นี่ยังมีร้านขายของที่ระลึกให้ซื้อติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านได้ด้วยนะ จะเสื้อผ้า ของใช้ หรือโปสการ์ดสวยๆ ทั้งนั้น ถ้าหิวก็มีขนม เครื่องดื่มไว้บริการ หรือถ้าใครอยากทานมื้อใหญ่ที่นี่ก็มีร้านอาหาร รวมไปถึงโรงแรมปาลิโอ อินน์เอาไว้บริการได้ แต่นั่นไม่ได้อยู่ในแผนเราหรอกนะ
ครัวเขาใหญ่
ภาพ via wongnai.com
ร้านอาหารที่เราจะฝากท้องเอาไว้สำหรับมื้อกลางวันนี้คือครัวเขาใหญ่อันเลืองชื่อนั่นเอง ตัวร้านนั้นหาไม่ยากเพียงแค่ขับตรงขึ้นไปอีกเล็กน้อยบนถนนธนะรัชต์เส้นเดิมนั่นแหละ ซ้ายมือจะผ่านพรีโม่ พอสโต้ กลุ่มอาคารสวยๆ และด้านหลังยังมีไร่องุ่นด้วย ใครที่ไม่มีเวลามากอยากได้ทั้งถ่ายรูปกับไร่องุ่นและติดสไตล์ทัสคานีที่นี่มีให้แบบทูอินวันเลยมีทุกอย่างในจุดเดียว เยื้องกับคอฟฟี่เมมโมรี่นั่นเองเป็นที่ตั้งของครัวเขาใหญ่ เวลาขับรถจะตั้งอยู่ทางด้านขวามือเลี้ยวรถเข้าไปได้เลย
ภาพ via thaidphoto.com
สำหรับเมนูของที่นี่อร่อยๆ ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น ฉู่ฉี่ปลารสจัดจ้าน แกงป่าหมูที่เข้มข้นถึงเครื่อง และที่พลาดไม่ได้ก็คือแฮมซี่โครงหมูอ่อนที่กรอบนอกนุ่มใน พวกเราทานแล้วติดใจกันทุกคนเลย
น้ำตกกองแก้ว
ทริปนี้คงไม่อาจเรียกได้ว่าทริปเขาใหญ่อย่างเต็มปากตราบใดก็ตามที่เรายังคงวนเวียนอยู่แถวๆ ปากช่อง ซึ่งเป็นแค่บริเวณเชิงเขาใหญ่เท่านั้น ดังนั้นเราจึงแวะเข้าไปในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กันสักเล็กน้อย จากร้านอาหารครัวเขาใหญ่มุ่งหน้าย้อนกลับผ่านปาลิโอตรงไปเรื่อยๆ ตามถนนธนะรัชต์ก็จะพบกับด่านเข้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งนี้นอกจากจะเป็นอุทยานที่มีอาณาเขตใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี ปราจีนบุรีและนครนายก และที่นี่ ยังเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทยอีกด้วย เราเดินทางมาถึงเขตอุทยานฯ ประมาณบ่ายโมงกว่าๆ น้ำตกกองแก้วที่เราจะไปกันนั้นอยู่ห่างจากจุดบริการนักท่องเที่ยวของทางอุทยานฯ เพียงแค่ 100 เมตรเท่านั้น แต่ก็มีความสวยงามมาก เพราะการจะเดินทางไปยังน้ำตกต้องเดินข้ามสะพานแขวนถึงสองแห่งด้วยกัน
ลักษณะของน้ำตกกองแก้วจะเป็นน้ำตกเตี้ยๆ ที่มีน้ำไหลอยู่ตลอด โดยน้ำจะไหลมาจากห้วยลำตะคองอีกทีหนึ่ง ใครที่ถึงน้ำตกแล้วอดใจไม่ไหวก็อย่าลืมเตรียมชุดสำหรับเล่นน้ำมาเปลี่ยนให้พร้อมเพราะจุดนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย อากาศที่นี่ก็เย็นสบายมีบรรยากาศร่มรื่น
น้ำตกผากล้วยไม้
ภาพ via panglovers.blogspot.com
พวกเราเริ่มติดใจกับน้ำตกแรก และก็ทราบมาว่าในพื้นที่อุทยานฯ เขาใหญ่นั้นยังมีน้ำตกอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะน้ำตกชื่อดังอย่าง น้ำตกเหวสุวัต น้ำตกเหวนรก ซึ่งมีความสวยงามมากจากน้ำตกที่สูงใหญ่ แต่น้ำตกที่เราเลือกไปก็คือน้ำตกผากล้วยไม้ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงกันมากเท่า น้ำตกแห่งนี้อยู่ห่างออกไปจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวราว 7 กิโลเมตร แถมยังเข้าถึงได้ด้วยรถยนต์และการเดินเท้าด้วยล่ะ เราเลือกจอดรถไว้ใกล้ๆ กับจุดกางเต๊นท์แล้วเดินเท้าเข้าไป ขั้นแรกนั้นเราจะต้องเดินเท้าไปที่ผากล้วยไม้ ชื่อเหมือนน้ำตกเลย แถมชื่อนี้มีที่มาด้วยนะเพราะระหว่างทางเดินเท้าระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตรนั้นเราจะเพลิดเพลินไปกับการชมดอกกล้วยไม้ป่าที่ผลิบานระหว่างสองข้างทาง กล้วยไม้จะขึ้นอยู่บนหน้าผาลดหลั่นกันลงมาเป็นภาพที่น่าดู เรียกได้ว่าชมดอกไม้เพลินจนลืมระยะทางไปเลย รู้ตัวอีกทีก็ถึงน้ำตกแล้ว น้ำตกจะมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำ ตัวน้ำตกสูง 10 เมตรและไหลลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นทำให้กระแสน้ำไม่แรง เป็นอีกจุดที่เล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย แถมรอบๆ น้ำตกยังมีกล้วยไม้ขึ้นตามคาคบไม้ ที่มีมากคือหวายแดงที่ออกดอกเป็นรวงยาวสวยในหน้าร้อนแบบนี้ ตั้งใจจะแวะอุทยานฯ สักเล็กน้อยแต่ไปๆ มาๆ เรากลับอยู่ยาวจนถึงบ่ายสี่โมงครึ่ง
มิดวินเทอร์ กรีน (Midwinter Green)
ภาพ via issue247.com
ปิดทริปด้วยมื้อค่ำบรรยากาศดี๊ดีที่ร้านมิดวินเทอร์ กรีน ขับรถกลับลงมาตามถนนธนะรัชต์ เลยครัวเขาใหญ่ที่เราแวะทานมื้อเที่ยงกันไป จุดสังเกตคือต้นศิลป์ อาร์ต โฮม ฝั่งซ้ายมือแสดงว่าใกล้จะถึงมากแล้ว ก็จะสังเกตเห็นหมู่ปราสาททรงสูงของมิดวินเทอร์ กรีน ตั้งอยู่บนเนินเห็นมาแต่ไกล หากใครเคยมาที่สโมคเฮ้าส์มาก่อนที่นี่คือที่เดียวกันเลยเพียงแต่เปลี่ยนชื่อใหม่เท่านั้นแหละ สำหรับอาหารของที่นี่ยังคงมีรสชาติดีเหมือนเดิม เราเปิดมื้อด้วยเมนูเบาๆ อย่างซีซาร์สลัดที่มีเบคอนกรอบให้เคี้ยวอร่อยๆ ผักที่นี่สดและหวานกรอบน่าประทับใจมาก ตามด้วยขาหมูเยอรมันที่กรอบนอกนุ่มในถูกใจพวกเราอีกตามเคย แต่ที่โดดเด่นก็คือแฮมคอหมูที่เนื้อนุ่มชุ่มน้ำมาพร้อมน้ำจิ้มหวานอมเปรี้ยวเข้ากันได้ดี ถ้าหากชอบพิซซ่าที่นี่ก็มีเมนูพิซซ่าให้เลือกหลากหลาย แนะนำให้ลองพิซซ่าพัฟที่ห่อด้วยแป้งกรอบๆ อร่อยมาก หรือจะเป็นพาสต้าที่นี่ก็มีให้เลือกทานกันได้ สำหรับเราแล้วมื้อนี้เป็นมื้อที่เต็มไปด้วยความดื่มด่ำทั้งบรรยากาศสวยๆ และอาหารรสชาติดีๆ ก่อนจะจบทริปกันไปด้วยความประทับใจ
การเดินทางทริปนี้ทำเอาหลายๆ คนถึงกับอินในบรรยากาศสงบ เป็นธรรมชาติของเขาใหญ่จนถึงกับอยากมีบ้านพักตากอากาศสักหลังอยู่ที่นี่ ซึ่งฝันนั้นไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริงเลยเพราะที่เขาใหญ่นั้นมีโครงการเปิดมากมายให้จับจองเป็นเจ้าของได้ เพราะถนนธนะรัชต์นี้ก็เป็นที่ตั้งของโครงการใหม่หลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ โบทานิก้า (Botanica) คอนโดฯ ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติและแมกไม้ หรือวิวทะเลสาบสวยๆ ที่มีทิวเขาเป็นฉากหลังจากโครงการ 23 องศา เขาใหญ่ (23 degree Khao Yai) หรือจะเป็นโครงการธารา พนา เขาใหญ่ (Thara Pana Khaoyai) ที่มาในสไตล์โคซี่น่าหลงใหลท่ามกลางบรรยากาศขุนเขา แต่หากใครชอบอยู่ติดถนนสายหลักมากกว่า บนถนนมิตรภาพนี้ก็มีอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการเดอะ เครสตัน ฮิลล์ เขาใหญ่ (The Creston Hills Khao Yai) ที่ออกแบบผังโครงการเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ ริมฝั่งคลอง และโครงการเขาใหญ่ ฟอเรสต้า (Khao Yai Foresta) สำหรับคนรักกิจกรรมเพราะภายในโครงการมีทั้งสวนสนุก สวนน้ำและไลฟ์พาร์คพร้อมกิจกรรมหลากหลายที่จะสร้างสีสันให้ช่วงเวลาพักผ่อนของคุณ
ภาพหลัก via mocyc.com
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย เชษฐพล มานิตย์ นักเขียนออนไลน์ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ chetapol@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่