ใครที่คิดกำลังจะตกแต่งบ้าน หรือสร้างบ้าน สิ่งหนึ่งที่จะช่วยสร้างมิติให้กับบ้านคงหนีไม่พ้นวัสดุปูพื้น ที่มีให้เลือกหลายหลายวัสดุ และสามารถช่วยให้บ้านดูมีพื้นผิวสัมผัสที่สวยงามและน่าอยู่อาศัยยิ่งขึ้น โดยส่วนใหญ่พื้นที่ใช้ปูบ้านทั่วไปจะแบ่งออกเป็นสามวัสดุด้วยกัน คือ พื้นกระเบื้อง พื้นไม้ และพื้นหินธรรมชาติ ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วยกัน ตามลักษณะงาน สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกพื้นแบบไหนให้เหมาะสมกับบ้าน ลองมาทำความเข้าใจและศึกษากันก่อนว่าวัสดุพื้นแต่ละชนิดนั้นเป็นอย่างไร แบบไหนเหมาะกับการปูพื้นห้องอะไร โดยจะแบ่งออกเป็น
วัสดุปูพื้นไม้
พื้นไม้ถือเป็นวัสดุปูพื้นสำหรับคนที่ต้องการให้บ้านดูอบอุ่น มีผิวสัมผัสที่นุ่มนวล เหมาะกับคนที่ต้องการให้บ้านดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งจะแตกออกเป็นวัสดุไม้จริงไปจนถึงไม้สังเคราะห์ ซึ่งจะมีราคาแตกต่างกันพอสมควร โดยแบ่งออกเป็น
ไม้จริง

ภาพ via jbestfloor.com
ไม้จริงถือว่าเป็นหนึ่งวัสดุที่ได้รับความนิยมสำหรับบ้านระดับ Luxury เพราะเป็นวัสดุที่มีความทนทาน และหรูหรามีราคา เนื่องจากปัจจุบันเป็นวัสดุที่หาได้ยาก ซึ่งไม้ที่นิยมใช้ในการตกแต่งพื้นบ้านจะเป็น ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้โอ๊ค ไม้มะฮอกกานี เป็นต้น ขนาดพื้นไม้ที่นิยมใช้งานปูพื้นทั่วไปจะมีความหนาที่ 1 นิ้ว หน้ากว้าง 4-6 นิ้ว และมีความยาวไม้มาตรฐานตั้งแต่ 40, 60 ,75, 100, 120 และ 150 ซม. ซึ่งความหนาระดับดังกล่าวจะช่วยป้องกันการชำรุดได้ง่าย รวมไปถึงความกว้างที่เมื่อนำมาปูพื้นจะเน้นให้มีรอยต่อน้อยที่สุด ส่วนใหญ่ผู้ที่เลือกใช้พื้นไม้จริงจะทำการเคลือบไม้ทุกๆ 3-5 ปี
ไม้ลามิเนต

ภาพ via tj-interior.com
ไม้ลามิเนตคือวัสดุปูพื้นยอดฮิตสำหรับคอนโดมิเนียม เป็นพื้นที่นำวัสดุ MDF และ HDF (แผ่นใยไม้อัดที่มีความหนาแน่นสูง มีความหนาตั้งแต่ 2.5 มม. – 25 มม.) มารองพื้นชั้นล่าง แล้วปิดผิวจริงสไลด์บางๆ หรือแผ่นฟิล์มพิมพ์ลายไม้ เคลือบผิวด้วยเมลามีนเรซิน เป็นสารเคลือบเพื่อป้องกันรอยขูดขีด แต่ลักษณะการใช้งานจะคงทนน้อยกว่าไม้จริง ส่วนใหญ่จะใช้ปูพื้นภายในบ้าน ในห้องหรือบริเวณที่ห่างจากความชื้นสูง
ไม้สังเคราะห์

ภาพ via siamwoodmall.com
พื้นไม้สังเคราะห์หรือไม้เทียมเป็นผลิตภัณฑ์ที่สังเคราะห์ขึ้นมาทดแทนไม้จริง จึงมีราคาถูกกว่า แต่มีความแข็งแรงทนทานจากการผลิตออกมาจากโรงงานและมีความหนาถึง 25 มม. แต่พื้นผิวอาจจะไม่เนียนนุ่มสัมผัสเท่ากับไม้จริง ส่วนใหญ่จะมีระยะ 30 ซม. สำหรับหน้ากว้าง 6 นิ้ว และ 25 ซม. สำหรับหน้ากว้าง 4 นิ้ว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งวัสดุไม้ที่นิยมในการปูพื้นสำหรับคนที่อยากรักษาธรรมชาติภายในบ้าน และอยากลดต้นทุน เพราะมีความทนทานต่อสภาวะอากาศและการกัดกินของปลวก
วัสดุปูพื้นกระเบื้อง
พื้นกระเบื้องถือเป็นวัสดุที่ใช้งานได้หลากหลายที่สุด เนื่องจากมีให้เลือกหลายแบบ หลายราคา ตลอดจนสีสันลวดลาย และขนาด จึงใช้ได้ทั้งงานพื้นและงานผนัง โดยกระเบื้องปูผนังส่วนใหญ่จะเป็นกระเบื้องโมเสค และกระเบื้องเซรามิกที่มีลวดลายจากการตกแต่งกระเบื้องชิ้นเล็กๆ เข้าด้วยกัน และเทคโนโลยีพิมพ์ลาย แต่ในส่วนของกระเบื้องปูพื้นจะมีสีสันไม่ค่อยหวือหวามาก มักเน้นความเรียบหรู และมีคุณสมบัติที่ทนทาน ดูดซึมน้ำได้ดี ไม่ทำปฏิกิริยากับกรดและด่าง โดยกระเบื้องที่นิยมใช้กันแบ่งออกเป็น
Marmo Granito

ภาพ via dueemmemarmi.com
Marmo Granito เป็นกระเบื้องที่ให้ผิวสัมผัสใกล้เคียงกับหินธรรมชาติ เพราะลวดลายส่วนใหญ่จะเป็นลายริ้วหินแทรกอยู่ตลอดทั้งแผ่น และมีการดูดซึมน้ำดีกว่ากระเบื้องอื่นๆ ที่ 0.1% (กระเบื้องทั่วไปจะอยู่ที่ 5-7%) และยังทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมทั้งยังไม่ขึ้นราเหมือนหินธรรมชาติ
กระเบื้องเซรามิก

ภาพ via bangkok-today.com
หนึ่งในวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เพราะมีจุดเด่นตรงความสวยงาม มีรูปแบบให้เลือกมากมาย และมีความทนทาน รวมไปถึงความสามารถในการทำความสะอาดได้ง่าย นิยมนำไปใช้กับพื้นระเบียง พื้นห้องน้ำ พื้นที่ซักล้าง โดยมีให้เลือกชนิดผิวหน้าที่โดนน้ำแล้วไม่ลื่นด้วย
กระเบื้องเกลซพอร์ซเลนหรือกระเบื้องเนื้อพอร์ซเลน

ภาพ via g03.s.alicdn.com
กระเบื้องพอร์ซเลน คือ กระเบื้องที่มีกระบวนการเคลือบสีและตกแต่งลวดลายได้ออกมาคล้ายหินธรรมชาติมาก ด้วยคุณลักษณะที่เป็นกระเบื้องเนื้อเดียว จึงมีความแข็งแกร่งสูง และมีขนาดใหญ่กว่ากระเบื้องเซรามิก ข้อดีก็คือทำให้พื้นผิวบ้านมีรอยต่อน้อย ไม่โก่งงอ รวมไปถึงมีค่าการดูดซึมน้ำต่ำมาก
กระเบื้องแกรนิโต้

ภาพ via 1.bp.blogspot.com
เป็นกระเบื้องเนื้อเดียว จัดอยู่ในกระเบื้องพอร์ซเลนชนิดหนึ่ง แต่มีหินเป็นส่วนผสม ส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่ที่ประมาณ 60×60 ซม. นิยมปูพื้นและเว้นรอยต่อ 1-2 มม. เหมาะกับบ้านที่ต้องการความพื้นที่มีความเรียบต่อเนื่องกันทั้งชั้น ดังนั้นการปูกระเบื้องแกรนิโต้ที่มีขนาดใหญ่จึงจำเป็นต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญ จึงจะออกมาราบเรียบสวยงาม และพื้นผิวไม่เสียหาย โครงการบ้านจัดสรรนิยมนำไปใช้เพราะมีราคาไม่แพงมาก และวัสดุมีคุณภาพ
วัสดุปูพื้นหินธรรมชาติ
หินธรรมชาติถือเป็นวัสดุที่ให้ความเป็นธรรมชาติบวกกับความเรียบหรูสไตล์เมืองนอก มีให้เลือกทั้งแบบที่ผลิตในไทยและต่างประเทศ สามารถใช้กระเบื้องหินธรรมชาตินี้กรุผนัง ปูพื้นได้ตามความเหมาะสม ซึ่งตัวหินเองจะมีหลายเกรด ดั้งนั้นหากอยากได้งานที่เรียบร้อยควรใช้ช่างปูหินโดยเฉพาะในการปูพื้นบ้าน
หินอ่อน

ภาพ via renovate.in.th/
หินอ่อนมีจุดเด่นที่ลวดลายที่สวยงาม มีหลายชนิด สีสันแตกต่างกันไปส่วนใหญ่นิยมเอาไปทำพื้น ผนัง และท็อปเคาท์เตอร์ครัว ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่ต้องใช้งานหนัก เพราะหินอ่อนเป็นหินที่มีรูพรุนเล็กๆ ในเนื้อหิน จะไม่แข็งแรงมากนัก รวมไปดึงมีผลข้างเคียงกับกรดและด่าง พื้นหินอ่อนจึงไม่เหมาะกับ ห้องน้ำ ห้องครัว หรืองานภายนอก
หินกาบ

ภาพ via banindy.com
หินกาบเป็นหินเนื้อละเอียดที่มีลักษณะเป็นชั้นหิน มีความแกร่งสูง มีรูพรุนน้อยกว่าหินอ่อน จึงดูดซึมน้ำได้น้อยกว่า นิยมนำมาปูพื้นหรือกรุผนังทั้งภายนอกและภายใน ส่วนใหญ่หากนำมาใช้งานควรลงน้ำยาเคลือบหินเคลือบเงาหรือขี้ผึ่ง เพื่อป้องกันการดูดซึมสิ่งสกปรก ช่วยให้มีผิวมันเงา และสีเข้มขึ้นด้วย
หินแกรนิต

ภาพ via 1.bp.blogspot.com
วัสดุปูพื้นหินชนิดนี้เป็นหินที่มีความแข็งแรง และทนทานต่อแรงกระแทกรอยขีดข่วน และสารเคมี รวมไปถึงความชื้นด้วย สามารถอยู่ได้ในทุกสภาวะอากาศ และทำความสะอาดง่าย มีหลากหลายสีให้เลือกสรร และมีทั้งผิวมันและผิวเรียบ ประกอบไปด้วยผิวขัดเรียบมันที่นิยมใช้ปูพื้นภายในบ้าน และผิวพ่นทรายที่มีความหยาบเล็กน้อยช่วยกันลื่น มักจะนำไปใช้บริเวณโซนซักล้าง ลานจอดรถ สุดท้ายคือผิวพ่นไฟ ซึ่งมีความหยาบมากกว่าทุกพื้นผิวเหมาะกับการตกแต่งผนังบ้านสไตล์โมเดิร์น
เมื่อทราบถึงวัสดุปูพื้นต่างๆ แล้วก็อย่าลืมเช็คงบประมาณและราคา รวมไปถึงความเหมาะสมของตัวบ้านด้วย เพราะวัสดุปูพื้นมีหลากหลายชนิด หลากหลายรูปแบบ ลักษณะการใช้งานจึงต่างกันไป แต่เมื่อทราบแล้วถึงคุณสมบัติต่างๆ ก็สามารถนำไปใช้ตกแต่งพื้นหรือผนังบ้านได้อย่างถูกจุด
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กิตติคม พจนี Content Writer ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kittikom@ddproperty.com