ที่ผ่านมา จะเห็นว่าย่านชุมชนของกรุงเทพฯ ชั้นใน และถนนรอบนอก ทั้งย่านพระราม 2 พระราม 3 รามอินทรา บางนา เกษตร-นวมินทร์ ไปจนกระทั่งหัวเมืองใหญ่ เมืองรอง ล้วนมีกลุ่มทุนทั้งหน้าเก่า-รายใหม่ ทยอยเปิดตลาดคอมมูนิตี้มอลล์ด้วยคอนเซปต์ที่แตกต่างกันออกไป เพื่อสร้างจุดเด่น – จุดขาย ดึงดูดลูกค้าในชุมชนและลูกค้ารัศมีใกล้เคียงเข้ามาใช้บริการ
ล่าสุด ได้มีการเปิดตัว “อีส พาร์ค” (ease park) คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ติดถนนรามอินทรา ซึ่งสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว บนพื้นที่โครงการรวมประมาณ 3.5 ไร่ หน้ากว้าง 60 เมตร พื้นที่ก่อสร้างประมาณ 7,000 ตารางเมตร มูลค่าโครงการประมาณ 200 ล้านบาท
อะไรคือตัวแปรสำคัญที่จะนำมาดึงดูดใจลูกค้า และตั้งเป้าความสำเร็จกับโครงการนี้อย่างไรบ้าง แผนในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไปหลังจากนี้ และนี่คือประเด็นทั้งหมดที่จะพูดคุยกันในครั้งนี้ …
DDproperty.com มีโอกาสได้ยืนพูดคุยกับ คุณบอย – ธัชชัย ศีลพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคเอเอ็น พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด หนุ่มไฟแรงผู้ปลุกปั้นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ “อีส พาร์ค” (ease park) The landmark of happiness ชีวิตที่ง่ายในสไตล์ไม่ซ้ำใคร
ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าประมาณ 15 ร้าน ชั้น 1 เป็น Supermarket ซึ่งเป็น Villa market และร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่าง Starbucks ที่เป็นแบบ Drive thru ส่วนชั้น 2 เป็นโซนของ ร้านอาหาร ซึ่งมีอาหารหลากหลายชนิดให้ได้เลือกสรรอาทิ King Kong ,Neo suki&shabu ,ตำยั่วครกยักษ์,ก๋วยเตี๋ยวไข่ย้อนยุค และส่วนพื้นที่ ชั้น 3 เป็นส่วนของ Health, Beauty and Lifestyle ซึ่งประกอบไปด้วย Fitness, คลินิคเสริมความงามที่ตอนนี้ได้คลินิคชื่อดังอย่าง Natacha clinic มาเปิดให้บริการแล้ว นอกจากนี้ยังมีการจัดยังจัดโซนร้านนั่งชิลล์ เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อนในบรรยากาศสบายๆ อีกด้วย
“เรายังตั้งเป้าที่จะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ของคนรามอินทรา ที่มีบริการครบครัน สะดวก ทันสมัย และใกล้บ้าน เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในทุกๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน กลุ่มครอบครัว กลุ่มวัยรุ่น นักเรียนนักศึกษา เป็นต้น ผ่านการจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ อาทิ ตลาดนัดร้านดังใน IG, กิจกรรมในวันสำคัญต่างๆ เช่น ในช่วงวันสงกรานต์ขึ้นปีใหม่ไทย จะมีกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมด้วยการเปิดโครงการให้มีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และล่าสุดได้จัดภัตตาคารอาหารติดล้อ Food Truck มากมายให้ได้ลิ้มรสกัน กระแสการตอบรับดีมาก ในรอบถัดไปก็จะอีก แต่กำลังดูว่าจะใช้เป็นธีมไหนดี”
ปัจจุบันช่วงวันธรรมดา วันจันทร์ -วันศุกร์ มีคนเข้ามาที่นี้เฉลี่ยแล้ว 2,000 -2,500 คน แต่ถ้าเป็นช่วงวันหยุด วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เฉลี่ยราว 3,000 คนขึ้นไป เรากังวัลกับปัญหาที่จอดรถบ้างไหม? เพราะขนาดเปิดตัววันนี้ ที่จอดรถแทบไม่เพียงพอ เราหาทางหรือมีวิธีการแก้ไขเตรียมไว้อย่างไรบ้าง ? ณ วันนี้ ที่จอดรถ 120 คันยังเพียงพอกับกลุ่มลูกค้า ทุกวันนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อของกลับบ้านเลย แต่ถ้าในอนาคตไม่พอจริง ๆ ยังมีที่ดินว่างด้านหลังคอมมูนีตี้มอลล์ซึ่งปัจจุบันเป็นบ้านผมอยู่เอง อาจจะนำมาทำเป็นที่จอดรถ แล้วตัวผมไปหาซื้อบ้านใหม่แทนจะง่ายกว่า อย่างที่รู้กันดีว่าราคาที่ดินย่านรามอินทราค่อนข้างสูง
ปัจจุบัน “อีส พาร์ค” เรียกได้ประสบความเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ณ วันนี้ พื้นที่เช่าเต็ม 70% โดยยังเหลือพื้นที่ว่างอีก 2 ยูนิตสุดท้าย ขนาด 129 และ 160 ตารางเมตร ซึ่งก็มีลูกค้าเข้ามาดูพื้นที่ตลอด ซึ่งราคาเช่าต่อตารางเมตรปรับขึ้นมานิดหน่อย จากเดิม 800 – 1,000 บาท ปัจจุบันเริ่มที่ตารางเมตรละ 1,000 บาท คาดการณ์ว่าไม่เกินภายใน 2-3 เดือนนี้ น่าจะเต็ม 100% ได้อย่างแน่นอน
อย่างที่รู้กันดีว่า แข่งขันในธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ย่านรามอินทราค่อนข้างสูง อีสพาร์ค ต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง ? และ เรามีจุดเด่นอย่างไร ? เรื่องทำเลเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจอสังหาฯ คอมมูนิตี้มอลล์ก็เช่นจะประสบความสำเร็จได้ดี ทำเลเป็นหัวใจหลัก “อีสพาร์ค” อยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา สังเกตง่าย เดินทางได้สะดวก ที่สำคัญในอนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู ใกล้สถานีมัยลาภ ก็จะยิ่งเสริมศักยภาพให้กับคอมมูนีตี้มอลล์ของเราได้อีกด้วย
ถามต่อถึงแผนในปีนี้ วางไว้อย่างไรบ้าง ตั้งเป้าจะเปิดสักกี่โครงการดี ? ผมมองว่าภายในสิ้นปีนี้ น่าจะเปิดโครงการแนวราบ แถวรามอินทรา เป็นทาวน์เฮ้าส์ ระดับ B บวก ราคาอยู่ที่ 4- 5 ล้านบาท ประมาณ 30 ยูนิต มูลค่าโครงการราว 150 ล้านบาท แล้วจะเห็นคอมมูนีตี้มอลล์แบบนี้อีกทำเลไหนบ้างอีกไหม ? ตอนนี้คงไม่ แต่ยินดีจะร่วมจอยส์ธุรกิจกับพันธมิตรที่สนใจทำคอมมูนีตี้มอลล์แบบนี้ ซึ่งส่วนตัวผมเองถือว่ามีประสบการณ์ในการทำธุรกิจตรงนี้มาแล้ว มองว่าคอมมูนีตี้มอลล์ยังมีโอกาสที่ดีทั้งอัตราค่าเช่า ถ้าเรารู้จักการสร้างทราฟฟิคให้กับโครงการของเรา ธุรกิจตรงนี้ก็ไปรอด ปกติแล้วคอมมูนีตี้มอลล์จะคืนทุนภายใน 5 – 7 ปีขึ้นไป
ปิดท้ายกันที่ คำถามยอดฮิต ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มองว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง? ตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว ถ้ามีนโยบายของภาครัฐออกมากระตุ้นเหมือนปีที่ผ่านมา เชื่อว่าจะดีขึ้น แต่แปลกนะ ผมงงกับ เมืองไทยหลายอย่าง คนมีรายได้บางกลุ่มกลับไม่เข้าระบบ มีรายได้แต่ก็ไม่เสียภาษี ในขณะที่คนที่มีรายได้บางกลุ่มกับต้องเผชิญปัญหาหนี้ครัวเรือน ทำให้ทุกวันนี้ แบงก์เข้มงวดปล่อยกู้กับลูกค้าค่อนข้างยาก จะทำให้ลูกค้าในกลุ่มนี้มีปัญหาในการกู้ซื้อบ้าน.
จะว่าไปแล้ว การจะทำให้คอมมูนิตี้มอลล์ประสบความสำเร็จนั้น ยอมมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ คอนเซ็ปต์ต้องชัดเจนและต่างจากคู่แข่ง ทำเลคือหัวใจหลัก ยิ่งย่านนั้นใกล้แหล่งชุมชน ความหนาแน่นของประชากรพลุกพล่าน ธุรกิจอยู่รอดแน่นอน สุดท้ายแล้ว การบริหารจัดการต้องมืออาชีพ มิใช่เปิดแล้วคิดแต่จะขึ้นค่าเช่า แต่ต้องหากิจกรรม หาอีเวนท์ที่น่าสนใจช่วยหนุนและส่งเสริมการขายให้กับผู้ประกอบการในโครงการด้วย….
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
