จากการที่รัฐบาลเปิดให้ประชาชนมาลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ล่าสุดการคัดกรองคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนรอบแรก จากผู้ลงทะเบียน 14.2 ล้านคน ถูกคัดกรองเหลือประมาณ 11.6 ล้านคน โดยเตรียมแจกบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยวันที่ 21 กันยายนนี้ แต่จากการตรวจสอบดังกล่าวพบข้อมูลที่น่าตกใจว่ามีผู้ที่จบปริญญาโทและปริญญาเอกมาลงทะเบียนคนจนด้วยหลายพันคน
ตัดสิทธิ์ 2.6 ล้านคน ไม่ตรงคุณสมบัติ
จากจำนวนผู้ทะเบียนทั้งหมด 14.2 ล้านคน แบ่งเป็น ผู้ไม่มีรายได้ 2.9 ล้านคน ผู้มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาท/ปี 7.3 ล้านคน และผู้มีรายได้เกิน 3 หมื่นบาท แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี 4 ล้านคน ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้มีการกลั่นกรองถึง 2 ชั้น ทั้งการตรวจสอบผ่านบัญชีธนาคาร กระทรวงมหาดไทย และการให้นักศึกษาลงพื้นที่ไปสำรวจเก็บข้อมูล พบว่า มีจำนวน 2.6 ล้านคน ที่ต้องโดนตัดสิทธิ์ เนื่องจากมีรายได้และทรัพย์สินเกิน 1 แสนบาท คือ มีการถือครองสินทรัพย์ทั้งประเภทที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ เงินฝาก รวมถึงผู้มีรายได้น้อยไม่ได้แจ้งรายชื่อเข้ามาอีกจำนวนหนึ่ง จึงเหลือผู้ที่ผ่านการคัดกรอง 11.6 ล้านคน โดยเตรียมยื่นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
จบ ป.โท-เอก มาลงทะเบียนคนจนอื้อ
จากการตรวจสอบคุณสมบัติพบว่า มีผู้ที่จบปริญญาโท และปริญญาเอก มาลงทะเบียนมากถึง 6,600 คน โดยแบ่งเป็น ปริญญาโท 6,000 คน และปริญญาเอก 600 คน ซึ่งทาง สศค. จะเข้าไปตรวจสอบว่าเหตุใดผู้ที่เรียนจบสูงแบบนี้ถึงมาลงทะเบียน หากพบว่าเป็นผู้มีความสามารถอาจชักชวนเข้ามาทำงานที่ สศค. ส่วนผู้ที่จบปริญญาตรีมีมาลงทะเบียนจำนวน 3.5 แสนคน
เริ่มแจกบัตรคนจน 21 ก.ย.นี้
บัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยจะเริ่มแจกในวันที่ 21 กันยายนนี้ ซึ่งขณะนี้ร้านค้าธงฟ้า และหน่วยงานภาครัฐอย่างการไฟฟ้า การประปา ได้ทยอยติดตั้งเครื่องรูดบัตร (อีดีซี) แล้ว ส่วนรถ บขส. รถไฟ และรถโดยสารประจำทาง ที่จะมีการนำระบบตั๋วร่วมหรือบัตรแมงมุมเข้ามาใช้ด้วย เชื่อว่าทางกระทรวงคมนาคมจะดำเนินการแล้วเสร็จเพื่อเปิดใช้ทันกำหนดในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
ช่วยคนจนระยะที่ 2 เริ่มปี 61
ในอนาคตการเก็บข้อมูลผู้มีรายได้น้อยจากการลงทะเบียนและสำรวจจะนำมารวมกัน เพื่อที่ต่อไปจะได้ไม่ต้องลงทะเบียนอีก ซึ่งจะนำมาใช้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง โดยในระยะต่อไปมีแนวคิดจะเติมเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี ซึ่งพบว่ามีมากถึง 7-8 ล้านคน โดย 3 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ไม่มีรายได้เลย ในรูปแบบเงินคืนภาษีคนจน หรือ NIT (Negative Income Tax) ควบคู่กับการพัฒนาอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ โดยจะประสานกับธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้เป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติบัญชีครัวเรือน และคาดว่าจะได้ข้อสรุปและดำเนินการแจกสวัสดิการระยะที่ 2 ได้ประมาณต้นปี 2561
ก.คลัง เตรียมหาแหล่งทุนเพิ่ม
ประเทศไทยมีสวัสดิการดูแลประชาชนกว่า 44 สวัสดิการ ใช้งบต่อปี 2.86 แสนล้านบาท อาทิ อุดหนุนเด็กแรกเกิด การศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วยเหลือเกษตรกร ค่าไฟฟรี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังศึกษามาตรการดูแลกลุ่มคนพิการและคนชรา ที่มีปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งแนวทางช่วยเหลือจะแตกต่างกัน แต่หลักการช่วยเหลือของรัฐบาลจะต้องถูกตัว เพื่อประหยัดงบประมาณให้ได้มากที่สุด และนำเงินมาช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้เพิ่มขึ้น
สำหรับมาตรการสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย จะใช้วงเงินกว่า 4 หมื่นล้านบาท จากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งปัจจุบันกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากได้รับเงินจัดสรรจากงบประมาณเท่านั้น จึงไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย กระทรวงการคลังจึงมีแนวคิดที่จะหาแหล่งเงินเพิ่มโดยเปิดโอกาสให้เอกชน และรัฐวิสาหกิจ บริจาคเงินเข้ากองทุน แล้วสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า ซึ่งจะมีการเสนอต่อ ครม. เร็ว ๆ นี้
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน