[บทความประชาสัมพันธ์พิเศษ] ญี่ปุ่น ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึง นักท่องเที่ยวคนไทย โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่นักท่องเที่ยวไทยสามารถท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้นานถึง 15 วัน โดยไม่ต้องทำวีซ่า ประกอบกับมีสายการบิน Low Cost หรือสายการบินต้นทุนต่ำ และการเข้าถึงที่พักที่มีราคาย่อมเยาว์มากขึ้น ยิ่งทำให้คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจากจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง ที่นิยมเดินทางมาเที่ยวในญี่ปุ่นอย่างไม่ขาดสาย
แม้ว่าญี่ปุ่นจะยังคงเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่เสื่อมคลาย แต่ญี่ปุ่นเองก็ยังคงทำตลาดกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพราะประเมินแล้วว่า ภาคการท่องเที่ยวส่งผลบวกกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างมหาศาล จากการที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องที่ได้รับอานิสงส์จำนวนมาก โดยรูปแบบการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมีด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเดินทางท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์ และกลุ่มเดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง (เอฟไอที) ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มเอฟไอที ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าจับตามอง และมีอิทธิพลในตลาดท่องเที่ยวมากขึ้น
นอกจากเป็นเมืองสวยงาม อาหารการกินอร่อย ผู้คนเป็นมิตรที่ถือเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวของญี่ปุ่นแล้ว การปรับตัวเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้ดีขึ้นของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การท่องเที่ยวญี่ปุ่นเติบโตมาก ไม่ว่าจะเป็น การลดข้อจำกัดเรื่องภาษา เนื่องจากคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่สื่อสารด้วยภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ดังนั้น การเพิ่มสัญลักษณ์ตามจุดสำคัญต่างๆ หรือเพิ่มข้อความภาษาอังกฤษตามป้ายบอกทางในจุดท่องเที่ยวสำคัญ ก็มีส่วนช่วยนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
นอกจากนี้ การแนะนำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ นำเสนอกิจกรรมที่จะดึงให้นักท่องเที่ยวที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วยังคงกลับไปเที่ยวซ้ำ จะเป็นเมืองเดิม หรือไปยังเมืองใหม่ๆ ก็ตาม การสร้างความสะดวกสบายในการเข้าเมืองตั้งแต่จุดตรวจคนเข้าเมือง แม้จำนวนนักท่องเที่ยว นักธุรกิจที่เข้ามาจะมีจำนวนมาก แต่ก็ใช้เวลาในการตรวจคนเข้าเมืองไม่นาน ซึ่งช่วยสร้างความประทับใจแรกให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี รวมถึง การปรับกฎระเบียบต่างๆ ที่อาจจะเคยเป็นข้อจำกัดของการท่องเที่ยวให้ผ่อนคลายขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มประชุมสัมมนา ชมงานแสดง นิทรรศการ ก็เป็นอีกหนึ่งที่มีศักยภาพทั้งในแง่กำลังซื้อ และโอกาสในอนาคตที่จะทำให้คนกลุ่มนี้ประทับใจและกลับมาเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้ง
สำหรับเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่น นอกจากโตเกียว โอซาก้าแล้ว ปัจจุบันเกาะฮอกไกโด ก็เป็นอีกหนึ่ง Destination ยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยว ด้วยเพราะการเดินทางที่เข้าถึงง่ายขึ้น มีสายการบินให้เลือกหลากหลาย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมายังฮอกไกโดได้ทั้งแบบบินตรง หรือเลือกไฟล์ทแบบต่อเครื่องก็ได้ มีที่พักหลายระดับราคาที่ทำให้การเดินทางไปยังฮอกไกโดไม่สูงเกินไปเหมือนในอดีต โดยเกาะ ฮอกไกโด ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น มีศูนย์กลางและเมืองหลักอยู่ที่เมืองซัปโปโร ส่วนเมืองท่องเที่ยวอื่นที่สะดวกสบายและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวด้วยกัน ก็มีทั้งเมืองโอตารุ เมืองอาซาฮิคาวะ เมืองฮาโกดาเตะ
ฮอกไกโดถือเป็นอีกหนึ่งเมืองในฝันของนักท่องเที่ยวหลายคน ด้วยเพราะเป็นที่รู้ดีว่ามีหิมะที่นุ่มละเอียด ที่เรียกว่า พาวเดอร์ สโนว์ (Powder Snow) อยู่ที่ฮอกไกโด จึงเป็นแหล่งรวมของผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกีและสโนว์บอร์ด โดยเฉพาะจากประเทศในแถบเอเชียทั้งจากสิงคโปร์ ฮ่องกงและประเทศไทยที่นิยมไปเล่นสกีในญี่ปุ่น ด้วยระยะเวลาเดินทางที่สั้นกว่าและค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการเดินทางไปเล่นสกีที่ยุโรป พร้อมกับได้สัมผัสหิมะพาวเดอร์ สโนว์ ซึ่งถือเป็นที่สุดของหิมะ โดยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหญ่ที่มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
การเลือกที่พักในฮอกไกโดก็มีความหลากหลายมากขึ้น โดยปัจจุบันคอนโดมิเนียมที่ปล่อยเช่าเริ่มเป็นที่นิยม เพราะสามารถเข้าพักได้แบบเป็นครอบครัว ไม่ต้องแยกห้องพัก ลดข้อจำกัดในการใช้เวลาร่วมกันช่วงวันพักผ่อน ซึ่งกลุ่มที่นิยมพักในคอนโดมิเนียมมีทั้งกลุ่มที่ซื้อคอนโดมิเนียมในฮอกโกโดเลย เพราะถือว่าคุ้มค่า ทั้งสามารถเดินทางไปพักผ่อนได้ด้วยตัวเอง และปล่อยเช่าได้ด้วย (สำหรับใครที่ต้องการปล่อยเช่าอสังหาฯ ไม่ว่าจะทำเลไหน ลองอ่านเทคนิคและเรื่องน่ารู้ก่อนปล่อยเช่า เพื่อเพิ่มความมั่นใจ)
คิโรโระ จึงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ สำหรับคนที่ชื่นชอบการเล่นหิมะ และสกี อยากพักผ่อนในสถานที่ที่สงบ แต่ยังสะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และปัจจุบันยังมีคอนโดมิเนียมที่เปิดขายให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติด้วย โดยคิโรโระ อยู่ห่างจากสนามบินชิโตเสะ เพียง 90 นาทีและห่างจากเมืองโอตารุ เพียง 30 นาที ส่วนเมืองซัปโปโรและนิเซโกะก็ห่างไปเพียง 60 และ 45 นาทีตามลำดับ และแม้ว่าปัจจุบันรถไฟชินคันเซนจะมาถึงเกาะฮอกไกโดแค่เมืองฮาโกะดาเตะก็ตาม แต่ในปี 2030 รถไฟชินคันเซนจะครอบคลุมทั้งเกาะฮอกไกโดรวมไปถึงเมืองโอตารุ ซึ่งจะสามารถทำให้เดินทางมาคิโรโระ ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้นมาก
นอกจากนี้ด้วยความที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่าสกีรีสอร์ทอื่นทำให้มีฤดูหนาวยาวนาน โดยสามารถเล่นสกีตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม และมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีแม้ในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเหมาะกับกลุ่มที่ชื่นชอบการเล่นสกีหรือใช้เวลาพักผ่อนในบรรยากาศหิมะช่วงฤดูหนาวกับครอบครัว พร้อมสัมผ้สธรรมชาติได้เต็มอิ่ม ทั้งป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์รายรอบเขียวชอุ่มและเปลี่ยนเป็นสีส้มในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี มีทะเลสาบและลำธารธรรมชาติ รวมถึงน้ำตกถึง 4 แห่งในคิโรโระ
ความน่าสนใจของการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมในคิโรโระ ฮอกไกโด นั่นคือ การมีที่พักที่พร้อมสำหรับเราเสมอเมื่อเราต้องการเดินทางไปท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหิมะ ซึ่งที่พักส่วนใหญ่จะเต็ม และมีราคาสูง และยังปล่อยเช่าได้ผลตอบแทนในช่วงเวลาอื่นๆ ด้วย ทำให้คอนโดมิเนียมบนคิโรโระเป็นมากกว่าคอนโดมิเนียม มากกว่าพื้นที่สำหรับการพักผ่อน แต่เพื่อการลงทุนไปด้วยในตัว เช่นเดียวกับกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ได้มองเพียงแค่อัตราผลตอบแทนอย่างเดียว แต่มองถึงไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า คอนโดมิเนียมบนคิโรโระก็เป็นทางเลือกที่สวยงาม
ด้วยความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์บนเกาะฮอกไกโดในแถบสกีรีสอร์ทมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุด “ยู คิโรโระ” (YU Kiroro) คอนโดสุดหรูในคิโรโระ รีสอร์ท ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เตรียมเปิดพรีเซลในประเทศไทย เดือนสิงหาคมนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ และกลุ่มนักลงทุนที่สนใจทางเลือกใหม่ๆ ในการลงทุน โดยโครงการ “ยู คิโรโระ” (YU Kiroro) พัฒนาขึ้นโดย พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท
จุดเด่นของ “ยู คิโรโระ” (YU Kiroro) คือ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Ski-in Ski-out แห่งแรกบนคิโรโระ ฮอกไกโด ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่สุดของอสังหาริมทรัพย์ในเมืองสกี ซึ่งการที่คิโรโระมีฤดูหนาวยาวนานที่สุดในญี่ปุ่นรวมถึงขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพหิมะที่ดีที่สุด อากาศเย็นสบายทั้งปีแม้ในหน้าร้อน โดยที่นี่มีจำนวนวันที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเพียง 10 กว่าวันต่อปี จึงทำให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ลักษณะนี้มีสูง แต่ซัพพลายในตลาดมีน้อยมาก จึงทำให้คอนโดมิเนียมแบบ Ski-in Ski-out มีแนวโน้มด้านราคาที่ดี
สำหรับคอนโดมิเนียมแบบ Ski-in Ski-out ผู้พักอาศัยสามารถเข้าถึงลานสกีได้ทันทีที่ก้าวออกจากอาคารที่พัก จึงให้ความรู้สึกที่มากกว่าการเป็นบ้านพักตากอากาศ โดย “ยู คิโรโระ” (YU Kiroro) ยังเป็นคอนโดมิเนียมตกแต่งครบ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้งออนเซ็น, Ski Valet ขนาดพื้นที่โครงการ 4 ไร่ พื้นที่อาคารรวม 14,471 ตารางเมตร มีจำนวน 108 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 62-267 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3 แสนกว่าๆ ต่อตารางเมตร
ทุกยูนิตพร้อมตกแต่งครบ โดย ILYA Corporation บริษัทออกแบบชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ดำเนินการก่อสร้างโดย Itogumi Construction บริษัทก่อสร้างที่มีชื่อเสียงยาวนานถึง 125 ปี โดยเริ่มก่อสร้างเดือนมิถุนายน 2561 จะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2562 ภายในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องอาหาร ออนเซนทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง ยิม เล้าจน์ ตลอดจน บริการรับฝากอุปกรณ์สกี (Ski Valet) โดยผู้อยู่อาศัยยังสามารถใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกของคิโรโระ รีสอร์ท ทั้ง ลานสกี โรงเรียนสอนสกี สโนว์พาร์คที่มีกิจกรรมต่างๆ ภัตตาคารอีก 11 แห่ง รวมถึง Super Market และร้านค้าภายในรีสอร์ท
โครงการ “ยู คิโรโระ” (YU Kiroro) นอกจากจะใช้เป็นบ้านพักตากอากาศได้ทุกๆ ฤดูแล้ว ยังมีบริการดำเนินการปล่อยเช่าให้กับผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 3-5% ต่อปีโดยประมาณ ซึ่งตอบโจทย์ทั้งคนที่ต้องการซื้อไว้พักผ่อนและนักลงทุนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี
8-9 กันยายน 2561 ตั้งแต่ 11.00 – 18.00 น. นี้ ที่ Park Hyatt Hotel ลงทะเบียนรับส่วนลดสุดพิเศษและลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ที่พัก 4 วัน 3 คืนใน Kiroro ช่วงฤดูหนาว https://mailchi.mp/0ca0e1622ac3/yukiroro
เจาะลึกทุกทำเลในกรุงเทพฯ ที่น่าสนใจ และหากคุณมีบ้าน-คอนโดฯ ในดวงใจอยู่แล้ว สามารถคำนวณสินเชื่อเพื่ออยู่อาศัย ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโดฯ ทาวน์เฮ้าส์ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของคุณ