รัฐฯ ดึงต่างชาติกำลังซื้อสูงผ่านสมาชิกบัตรอีลิท คาร์ด กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ หวังช่วยระบายสต็อกคอนโด ผู้ประกอบการอสังหาฯ เร่งถกประเด็นหลังเสียงแตก มีทั้งเห็นพ้องและคัดค้าน
จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน กำลังซื้อในประเทศซบเซา ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รัฐบาลต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ หามาตรการนำกำลังซื้อจากต่างประเทศเข้ามาเติมกำลังซื้อในประเทศ
โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2563 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไฟเขียวเปิดประเทศรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งต้องอยู่มาตรการควบคุมโรคของไทยอย่างเคร่งครัด โดยหนึ่งในกลุ่มที่เดินทางเข้ามา คือกลุ่มชาวต่างชาติที่ถือบัตรสมาชิกพิเศษของประเทศไทย (Thailand Elite Card) หรือบัตรอีลิท คาร์ด (Elite Card)
รู้จักบัตรอีลิท คาร์ด เอกสิทธิ์เศรษฐีต่างชาติพำนักไทย
Thailand Elite Card เริ่มขึ้นในปี 2546 โดยเป็นโครงการของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ดำเนินการภายใต้บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ปัจจุบันอีลิท คาร์ด มีทั้งหมด 7 ประเภท มีความหลากหลายทั้งด้านราคาและสิทธิประโยชน์ โดยมีราคาตั้งแต่ 5 แสน ถึง 2 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
1. Elite Ultimate privilege เป็นแพ็กเกจหลัก ราคา 2 ล้านบาท อายุบัตร 20 ปี มาพร้อมสิทธิประโยชน์แบบเต็มรูปแบบ เหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัยในระยะยาว
2. Elite Family Premium เป็นแพ็กเกจที่พ่วงกับบัตรอีลิท อูทิเมท พริวิเลจ สำหรับบุคคลในครอบครัว ในราคา 1 ล้านบาท โดยอายุบัตรขึ้นอยู่กับบัตรหลัก
3. Elite Easy Access ราคา 5 แสนบาท อายุบัตร 5 ปี สำหรับการเข้าออกในประเทศไทยระยะสั้น สำหรับท่านที่เดินทางคนเดียว และสามารถอัปเกรดเป็นแพ็กเกจหลักได้
4. Elite Family Excursion ราคา 8 แสนบาท อายุบัตร 5 ปี เพื่อการเข้าออกในประเทศไทยระยะสั้น เหมาะกับกลุ่มครอบครัวโดยเฉพาะ ด้วยราคาพิเศษสำหรับ 2 ท่านเป็นต้นไป
5. Elite Family Alternative ราคา 8 แสนบาท อายุ 10 ปี เป็นบัตรที่เหมาะทั้งมาเดี่ยวและมาเป็นครอบครัว ในการพำนักระยะยาว เหมาะกับผู้อยู่อาศัยระยะยาว ไม่ว่าจะทำงานหรือพักผ่อน
6. Elite Privilege Access ราคา 1 ล้านบาท อายุบัตร 10 ปี อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการอาศัยในประเทศไทยในระยะยาว ไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมาเป็นครอบครัว และมีการเดินทางเข้าออกบ่อยครั้ง
7. Elite Superiority Extension ราคา 1 ล้านบาท อายุบัตร 20 ปี สำหรับผู้ต้องการอาศัยในประเทศไทยระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลใจ เหมาะกับกลุ่มเกษียณอายุ หรือผู้ที่ต้องการพำนักในประเทศไทยในระยะยาว
ดึงนักลงทุนต่างชาติ ผ่านอีลิท คาร์ด ดันอสังหาฯ
ล่าสุด บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด มีแนวคิดขยายสิทธิประโยชน์บัตรอีลิท คาร์ด รองรับกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีคุณภาพและมีกำลังซื้อสูง เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ ขายโครงการได้เร็วขึ้น สร้างกระแสเงินสด และทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ด้วยดี รวมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ผ่านโปรแกรม Elite Flexible One ค่าสมาชิก 5 แสนบาท สามารถถือครองวีซ่าได้ 5 ปี
ข้อกำหนดคือ สมาชิกบัตรอีลิท คาร์ด ต้องลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ที่ก่อสร้างเสร็จพร้อมอยู่อาศัยมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท จากผู้ประกอบการบริษัทเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องซื้อยูนิตเดียวราคา 10 ล้านบาท อาจจะซื้อหลายยูนิต แต่ราคารวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทก็ได้
โดยกำหนดคุณสมบัติดังนี้
– ผู้ซื้ออายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
– จะต้องนำหลักฐานการโอนเงินจากต่างประเทศเพื่อลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยและหลักฐานยืนยันกรรมสิทธิ์การถือครองอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่ารวมไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท มายื่นสมัครบัตร Elite Flexible One
– ต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามที่กำหนดด้วย โดยต้องไม่ใช่อาชญากรข้ามชาติ หรือแก๊งฟอกเงินที่มาแอบหลบในไทย
มีระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี (1 มกราคม 2564-31 ธันวาคม 2565) โดยเปิดให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งในเบื้องต้นได้เจรจาแล้วกับ 4 บริษัท ได้แก่ ไรมอนด์แลนด์ แสนสิริ ณุศาศิริ และโฟร์ซีซั่น โดยเท่าที่หารือกันผู้ซื้อส่วนใหญ่น่าจะมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน คาดจะขายได้จำนวน 100 ยูนิต
ไฟเขียวเปิดประเทศ ปลุกตลาดท่องเที่ยว ฟื้นตลาดเช่าคอนโด
เสนอลงทุนไทย 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ฟรีวีซ่า 10 ปี
อีกทั้งอยู่ระหว่างหารือกับอีกหลายภาคส่วน จัดทำโปรแกรม Elite Flexible Plus ฟรีวีซ่า 10 ปี ที่คาดว่าจะเป็นอีกโปรแกรมที่ช่วยกระตุ้นการลงทุนในประเทศ และช่วยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศได้ โดยมีข้อกำหนด คือ ต้องลงทุนในไทย 1 ล้านเหรียญสหรัฐใน 5 หมวด คือ ซื้อคอนโดมิเนียม เปิดบริษัท ซื้อพันธบัตร เงินฝาก และหุ้น ซึ่งในเบื้องต้นหากผ่านการพิจารณาจากศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) แล้ว จะนำเสนอต่อที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
3 สมาคมอสังหาฯ ค้าน ชี้หนุนอสังหาฯ ผิดจุด
ด้าน 3 สมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย ขอค้าน เนื่องจากแนวคิดดังกล่าวไม่ได้ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นการเน้นขายบัตรอีลิท คาร์ด หากจะให้ถูกต้องควรจูงใจให้ชาวต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยและแถมบัตรอีลิท คาร์ด ซึ่งจะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เดินหน้าได้มากกว่า
พร้อมเสนอขยายฟรีวีซ่าเป็น 10 ปี เนื่องจาก 5 ปี เป็นระยะเวลาที่น้อยเกินไป เหมาะสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยเพียงระยะสั้นเท่านั้น หากจะให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยระยะยาว ควรเป็นระยะเวลา 10 ปี
ที่ดินภูเก็ตยังเนื้อหอม นักลงทุนไทยผุดโครงการใหม่-บ้านตากอากาศ
เสนอ 2 ข้อกระตุ้นอสังหาฯ ดึงกำลังซื้อต่างชาติ
นอกจากนี้ ท่ามกลางการแข่งขันชิงลูกค้าในทุกประเทศ รวมถึงประเทศไทย โดยหนึ่งในนโยบายที่มีการนำมาใช้คือการให้วีซ่าระยะยาวแลกกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ดังนั้น รัฐบาลไทยอาจจะต้องพิจารณาการให้วีซ่าชาวต่างชาติระยะยาวเพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันระดับประเทศ และข้อเสนอเพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ดึงดูดกำลังซื้อจากลูกค้าชาวต่างชาติ ดังนี้
1. โฟกัสกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง โดยเสนอให้เจาะฐานลูกค้าหรือนักลงทุนต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ราคา 5-10 ล้านบาทขึ้นไป
2. รัฐพิจารณาให้วีซ่าระยะยาว 5-10 ปีโดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ชาวต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนซื้อห้องชุดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการป้องกันที่ประเทศไทยสามารถทำได้เป็นอย่างดีนั้น จะส่งผลให้มีดีมานด์ซื้อที่อยู่อาศัยทั้งเพื่อการพักผ่อน และซื้อเพื่อลงทุนจากลูกค้าต่างชาติทั่วโลก
ล้วงกลยุทธ์ราคาปลุกกำลังซื้อ คืนชีพตลาดคอนโด
เศรษฐกิจฝืด ดึงต่างชาติจ่ายเพิ่ม 5 แสน แลกวีซ่ายาก
อีกประเด็นที่ถูกจับตาคือ สมาชิกบัตรอีลิท คาร์ด หลังจากซื้อห้องชุด 10 ล้านบาท หรือรวมกัน 10 ล้านบาทแล้ว ยังจะต้องซื้อบัตร Elite Flexible One เพิ่ม โดยมีค่าธรรมเนียม อีก 5 แสนบาท ถือเป็นต้นทุนสูงมากในภาวะเศรษฐกิจฝืด
ขณะเดียวกันคอนโดมิเนียมที่หวั่นว่าจะเกิดโอเวอร์ซัพพลาย ก็มีการแข่งขันจัดแคมเปญโปรโมชั่นลด แลก แจก แถมอย่างรุนแรงอยู่แล้ว ดังนั้น การเพิ่มต้นทุนซื้อบัตร 5 แสนบาท เพื่อแลกกับวีซ่าระยะยาว 5 ปี อาจไม่กระตุ้นความสนใจอยากซื้อ
ประกอบกับลูกค้าเป้าหมายบัตรอีลิท คาร์ด เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ลูกค้าเป้าหมายซื้อห้องชุดในประเทศไทยเป็นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นลูกค้าคนละกลุ่มกัน
ตลาดอสังหาฯ ปี 64 ยังเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อ
ช่องโหว่ระบายสต็อกคอนโด 100 ยูนิตใน 2 ปี
นอกจากนี้ การที่ตั้งเป้ายอดขายคอนโดมิเนียม 100 ยูนิต ในระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสต็อกห้องชุด 5-10 ล้านบาท ที่มีอยู่ในตลาดมากกว่า 20,000 ยูนิต
จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC ที่ได้จัดทำรายงาน ณ ครึ่งปีแรก 2563 พบว่า สถิติห้องชุดราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป มีซัพพลายเหลือขายรวมกัน 21,479 ยูนิต มูลค่ารวม 250,576 ล้านบาท เทียบกับเป้าระบายสต๊อกห้องชุดของบัตร Elite Flexible One จำนวน 100 ยูนิต มูลค่า 1,000 ล้านบาทภายในเวลา 2 ปี จึงไม่ได้ช่วยกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เท่าที่ควร
ผู้ประกอบการเห็นพ้อง-มองต่าง พร้อมข้อเสนอแนะ
แม้จะมีเสียงคัดค้าน แต่อีกด้านก็มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่สนใจเข้าร่วมกับบัตร Elite Flexible One หวังระบายสต็อกคอนโดผ่านโครงการ แต่มองว่าการจะซื้อบัตรอีลิท คาร์ด เพิ่มอีก 5 แสนบาทนั้น อาจไม่สมเหตุสมผลนักกับสถานการณ์ปัจจุบัน
กรณีลูกค้าต่างชาติซื้อคอนโดราคา 5-10 ล้านบาท รัฐควรสนับสนุนให้แถมบัตร Elite Flexible One ฟรี ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือกรณีซื้อคอนโดในราคาที่กำหนด รัฐให้วีซ่าระยะยาว 5-10 ปีโดยทันที โดยไม่ต้องผ่านบัตรอีลิท คาร์ด
นอกจากนั้น หากต้องการให้ครอบคลุมคอนโดทุกระดับราคา อาจปรับลดราคาคอนโดมิเนียมที่เข้าร่วมโครงการ ในราคาที่กำหนด คือไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท ก็สามารถได้รับวีซ่านาน 10 ปี เช่นเดียวกัน รวมทั้งควรที่จะเปิดโอกาสให้ต่างชาติมาซื้อคอนโดได้มากกว่า 49% เช่น 60% หรือ 70% เพื่อดึงชาวต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้มากขึ้นในช่วงโควิด-19
บทสรุปจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องถกประเด็นนี้กันต่อ แม้บัตรอีลิท คาร์ดจะช่วยนำรายได้เข้าประเทศ จากกลุ่มต่างชาติที่มีกำลังซื้อ แต่จะสามารถช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะการระบายสต็อกคอนโดมิเนียมได้หรือไม่นั้น หรือรัฐบาลจะมีมาตรการอะไรออกมาหนุนเสริมต่อจากนี้ ยังต้องติดตาม
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า