กู้สินเชื่อ เพื่อสร้างหอพัก อพาร์ทเม้นท์ให้เช่า การลงทุนที่คุณก็ทำได้

DDproperty Editorial Team
กู้สินเชื่อ เพื่อสร้างหอพัก อพาร์ทเม้นท์ให้เช่า การลงทุนที่คุณก็ทำได้

HIGHLIGHTS

  • การกู้เพื่อสร้างหอพัก อพาร์ทเมนท์ให้เช่า เป็นการกู้สินเชื่อเพื่อประกอบการไม่ใช่สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย

  • สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการหอพัก อพาร์ทเมนต์ และโรงแรม สามารถกู้ได้นานสุดถึง 15 ปีเท่านั้น

แม้ว่ากิจการหอพัก แมนชั่น อพาร์ทเมนท์ เรสซิเดนท์และโรงแรมจะใช้เงินลงทุนในระยะแรกเริ่มที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการมีรายได้เข้ามาในระยะยาวก็คุ้มค่า
และถึงจะต้องการขายที่ดินเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปว่าจะขาดทุน เพราะอาคารของหอพักที่สร้างบนที่ดินนั้นจะเป็นตัวที่เพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินอีกทางหนึ่ง ครั้งนี้ DDproperty จึงมีความรู้เกี่ยวกับการกู้สร้างหอพักมาฝากกัน

ความสำคัญของกิจการโรงแรมและหอพัก

ที่อยู่อาศัยนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงค์ชีวิต ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของมนุษย์โดยตรง ดังนั้นประชาชนทุกกลุ่มจึงมีความต้องการที่อยู่อาศัยด้วยกันทั้งนั้น
แต่กลุ่มที่ภาครัฐให้ความสำคัญคือกลุ่มประชาชนที่ไม่มีรายได้เพียงพอที่จะเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย จึงมีความจำเป็นต้องการที่อยู่อาศัยประเภทให้เช่า เช่น หอพัก อพาร์ทเมนต์ หรือแมนชั่น เป็นต้น
และเพื่อส่งเสริมธุรกิจประเภทนี้ในปี พ.ศ. 2529 ธนาคารอาคารสงเคราะห์จึงเริ่มให้สินเชื่อเพื่อการพัฒนากิจการอพาร์ทเมนต์ขึ้น โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการเร่งสร้างที่อยู่อาศัยประเภทอพาร์ทเมนต์ให้แก่ผู้ที่รายได้น้อยและรายได้ปานกลางขึ้นโดยเร็ว ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการให้กู้สร้างหอพัก
นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2533 มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อประเภทแฟลตให้เช่า หรืออพาร์ทเมนต์ ให้สอดคล้องกับกฎหมายควบคุมอาคารที่กำหนดให้อพาร์ทเมนต์ต้องมีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 60 ตารางวา
และแต่ละห้องพักมีขนาดไม่ต่ำกว่า 20 ตารางเมตร และหน้ากว้างไม่น้อยกว่า 3 เมตร ซึ่งจะช่วยให้ผู้พักอาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย

ถ้าต้องการกู้เพื่อสร้างหอพักหรือโรงแรมต้องขอสินเชื่อประเภทไหน

สถาบันการเงินและธนาคารต่างๆ มีสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการที่ต้องการกู้สร้างหอพัก อพาร์ทเมนต์ แมนชั่น หรือโรงแรมไว้บริการ สินเชื่อประเภทนี้จะเป็นคนละประเภทกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยทั่ว ๆ ไป ซึ่งเราขอกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่เอง
แต่สินเชื่อประเภทนี้จะจัดอยู่ในหมดหมู่สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ ภายใต้ชื่อต่าง ๆ ตามแต่ละธนาคาร เช่น สินเชื่อเพื่อการพัฒนาอพาร์ทเมนต์ให้เช่าของธนาคารอาคารสงเคราะห์ สินเชื่อเพื่อธุรกิจอพาร์ทเมนต์และโรงแรมของธนาคารกสิกรไทย และสินเชื่อเพื่อสร้างอพาร์ทเมนต์-หอพักของธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย เป็นต้น

กู้เพื่อจุดประสงค์อะไรได้บ้าง

เงื่อนไขของสินเชื่อนั้นจะแตกต่างไปตามแต่ละสถาบันการเงินและธนาคาร บางธนาคารนอกจากสามารถกู้ค่าก่อสร้างได้แล้ว ผู้ประกอบการยังสามารถกู้เพื่อการตกแต่งภายในหรือต่อเติมอาคาร รวมไปถึงการกู้เพื่อไถ่ถอนจำนองอาคารจากสถาบันการเงินอื่น เพื่อซื้อหรือชำระหนี้อาคารได้อีกด้วย

กู้ได้มากแค่ไหน เกณฑ์พิจารณาวงเงินกู้เป็นอย่างไร

วงเงินกู้นั้นก็จำแตกต่างกันไปตามเงื่อนไข และข้อกำหนดของธนาคาร บางธนาคารสามารถกู้ได้มากถึง 100% ของมูลค่างานก่อสร้างสำหรับการกู้เพื่อก่อสร้าง แต่บางธนาคารให้กู้เพียง 80% ของมูลค่าโครงการเท่านั้น นอกจากนี้บางธนาคารก็กำหนดอีกด้วยว่าที่ดินที่จะก่อสร้างนั้นจะต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้กู้
ส่วนเกณฑ์ที่ธนาคารใช้ประกอบการพิจารณาวงเงินกู้นั้น ธนาคารอาจพิจารณาจากรายรับค่าเช่าห้องพักอาศัยที่เป็นไปได้จาก การประเมินรายรับของกิจการ ถ้าเป็นหอพักจะประเมินจากการสำรวจข้อมูลของกิจการหอพักที่มีอยู่ในบริเวณใกล้เคียง อย่าง ธอส. จะกำหนดเขตพื้นที่ภายในรัศมี 10 กิโลเมตร
และคิดอัตราการเช่าอยู่ที่ 80% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด แล้วจึงหักออกด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็จะได้เป็นรายรับคงเหลือสุทธิ ถ้าเป็นโรงแรมก็จะพิจารณาโรงแรมในบริเวณใกล้เคียงด้วยหลักการเช่นเดียวกัน
เมื่อได้รายรับคงเหลือสุทธิออกมาแล้ว สิ่งที่จะพิจารณาลำดับต่อไปก็คือรายรับคงเหลือสุทธิจะต้องมากกว่าจำนวนเงินที่จะต้องชำระหนี้ต่องวด โดยธนาคารจะใช้อัตราส่วน DCR (Debt Coverage Ratio) เข้ามาคำนวณ โดยให้รายรับคงเหลือสุทธิเป็นเศษ และหารด้วยจำนวนเงินชำระต่องวดเป็นส่วน

DCR = รายรับคงเหลือสุทธิ / จำนวนเงินชำระต่องวด

อัตราส่วนนี้จะบ่งชี้ว่า รายรับคงเหลือสุทธิที่คาดว่าจะทำได้นั้นจะสามารถนำไปชำระงวดหนี้ได้กี่ครั้ง ซึ่งถ้าหากค่า DCR ที่มากกว่าหมายถึงมีความสามารถในการชำระหนี้ที่สูงกว่า จึงมีแนวโน้มมากกว่าที่จะได้รับพิจารณาวงเงินกู้ตามที่ขอ
โดยทั้งนี้ธนาคารจะมีตัวเลขอัตราส่วน DCR กำหนดเอาไว้เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำโดยไม่ไม่อนุมัติวงเงินกู้ในกรณีที่ DCR ต่ำกว่าตัวเลขที่ตั้งไว้ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กำหนดไว้ว่า DCR จะต้องมากกว่า 1.20 เท่า ซึ่งหมายถึงต้องมีรายรับสุทธิมากกว่างวดชำระหนี้ 1.20 เท่า
อย่างไรก็ตาม DCR เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อและวงเงินกู้ ธนาคารยังพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆ อีก โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติของผู้กู้ซึ่งเราจะกล่างถึงในลำดับต่อไป

กู้ได้นานเพียงใด

สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการหอพัก อพาร์ทเมนต์ และโรงแรมนั้น ส่วนใหญ่แล้วธนาคารกำหนดระยะเวลากู้เอาไว้อยู่ในช่วง 7-10 ปี แต่ก็มีธนาคารหรือสถาบันการเงินบางแห่งที่ให้กู้นานถึง 15 ปี

ระยะปลอดเงินต้นคืออะไร นานเท่าไร

ช่วงเวลาระหว่างการก่อสร้างหอพักหรือโรงแรมนั้นเป็นช่วงเวลาที่รายรับยังไม่เกิดขึ้น และจะเกิดรายรับขึ้นก็ต่อเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์จนเปิดให้เช่าได้แล้ว
แต่เกิดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างขึ้นแล้วเป็นงวด ๆ ที่เจ้าของกิจการจ่ายให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง ธนาคารไม่ได้ยกเว้นการคิดดอกเบี้ยในช่วงเวลานี้ แต่หลายธนาคารจะยกเว้นการคิดดอกเบี้ยจากวงเงินกู้ และเรียกระยะเวลานี้ว่าเป็นระยะเวลาปลอดเงินต้น (Grace Period)
ซึ่งดอกเบี้ยที่คิดจะจากยอดจริงที่เบิกไปจ่ายให้แก่ผู้รับเหมาเท่านั้น ดังนั้นการเลือกสินเชื่อที่มีระยะเวลาปลอดเงินต้นที่นานกว่าย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อผู้กู้ ซึ่งระยะเวลาปลอดเงินต้นนั้นมีตั้งแต่ 12-18 เดือน แตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคาร
เมื่อพ้นระยะปลอดหนี้แล้ว ธนาคารจะเริ่มคิดอัตราดอกเบี้ยจากวงเงินกู้ตามปกติ และผ่อนสินเชื่อตามวิธีการผ่อนลดต้นลดดอก
สำหรับการเบิกจ่ายงวดแก่ผู้รับเหมานั้นธนาคารจะพิจารณาจ่ายตามความคืบหน้าจริงของงาน โดยธนาคารจะมาตรวจงานแล้วจึงอนุมัติจ่ายเงินให้ผู้รับเหมาในแต่ละงวด ซึ่งเป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้รับเหมาไม่ทิ้งงาน

คุณสมบัติของผู้กู้ และเงื่อนไขอื่น ๆ

คุณสมบัติของผู้กู้นั้นเป็นสิ่งที่ธนาคารกำหนดขึ้น มีความแตกต่างกันไปในรายละเอียดตามแต่ละธนาคาร จึงควรศึกษาเงื่อนไขของทางธนาคารอีกครั้ง
  • 1. ผู้กู้สามารถกู้ในนามบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจอพาร์ทเมนต์หรือโรงแรมก็ได้
  • 2. ผู้กู้เป็นผู้ที่มีประวัติการเงินดี และยินยอมให้ธนาคารตรวจสอบเครดิตบูโร
  • 3. กรณีกู้สร้างหอพัก อพาร์ทเมนต์และโรงแรม กรรมสิทธิ์ในที่ดินต้องเป็นของผู้กู้ หรือผู้เกี่ยวข้องทางตรง เช่น บิดา มารดา คู่สมรส บุตร เป็นต้น โดยจะต้องสามารถตรวจสอบสถานภาพได้ตามนิตินัย
  • 4. พิจารณาถึงรายได้รายเดือนขึ้นต่ำของธุรกิจตามที่ธนาคารกำหนด
  • 5. พิจารณาที่ตั้งของธุรกิจโดยจะต้องอยู่ในเขตพื้นที่ที่ธนาคารกำหนด
  • 6. พิจารณาสาธารณูปโภคที่พื้นที่ที่โครงการตั้งอยู่ ได้แก่ ประปา ไฟฟ้า ถนน
  • 7. พิจารณาประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจของผู้กู้
  • 8. พิจารณารายได้ประจำ หรือรายได้จากธุรกิจอื่น หรือธุรกิจเดียวกันของผู้กู้

เอกสารประกอบการพิจารณาสินเชื่อเพื่อสร้างหอพัก อพาร์ทเมนต์และโรงแรม

กรณีบุคคลธรรมดา

  • 1. สำเนาบัตรประชาชนของผู้กู้
  • 2. สำเนาบัตรประชาชนของคู่สมรส (ถ้ามี)
  • 3. รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนของผู้กู้
  • 4. ประวัติผู้กู้ และประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ
กรณีนิติบุคคล
  • 1. สำเนาหนังสือรับรองบริษัท (อายุไม่เกิน 3 เดือนนับแต่วันที่ออกเอกสาร)
  • 2. สำเนารายชื่อผู้ถือหุ้น
  • 3. สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ
  • 4. สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม
  • 5. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีอำนาจลงนาม
  • 6. งบการเงินย้อนหลัง 3 ปี
  • 7. รายการเดินบัญชีนิติบุคคลย้อนหลัง 6 เดือน
  • 8. รายการเดินบัญชีของกรรมการนิติบุคคลย้อนหลัง 6 เดือน
  • 9. ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • 10. สำเนาโฉนดที่ดินซึ่งเป็นหลักประกัน
  • 11. รายละเอียดการก่อสร้าง ใบอนุญาตก่อนสร้าง และแผนผังสิ่งปลูกสร้าง
ข้อมูลอ้างอิง: ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย เชษฐพล มานิตย์ นักเขียนออนไลน์ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kittikom@ddproperty.com
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

คำนวณยอดผ่อนต่อเดือน

คำนวณยอดผ่อนชำระต่อเดือนตามอัตราดอกเบี้ยของคุณด้วยเครื่องมือคำนวณสินเชื่อนี้

คำนวณวงเงินกู้สูงสุด

คำนวณสินเชื่อบ้าน ยอดวงเงินกู้บ้านใหม่ที่คาดว่าจะได้รับจากแบงก์และยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือน

คำนวณสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน

เช็กยอดผ่อนชำระต่อเดือนอัตราใหม่และจำนวนเงินที่คุณสามารถประหยัดได้หลังจากการทำรีไฟแนนซ์