ไฮไลท์…
– เรื่องควรรู้ “พระเมรุมาศ” เป็นสถาปัตยกรรมเกี่ยวกับพระราชพิธีพระบรมศพ ส่วน “พระเมรุ” ใช้สำหรับพระพิธีพระศพในพระราชวงศ์
– งานเขียนแบบพระเมรุมาศ ถือได้ว่าเป็นขั้นตอนสำคัญและจำเป็นต้องเขียนขนาดเท่าของจริง จึงต้องสร้างโรงเขียนแบบชั่วคราวขนาดใหญ่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
– ภูมิสถาปัตย์โดยรอบพระเมรุมาศร.9 สื่อถึงพระราชกรณียกิจและพระอัจฉริยภาพของพระองค์
[สกู๊ปข่าว] นับถอยหลังอีก 5 วัน จะถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 โดยกำหนดเวลาวางดอกไม้จันทน์ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.30 น. และ 18.00 – 22.00 น. ซึ่งขณะนี้หลายภาคส่วนต่างเร่งเตรียมความพร้อมทั้งส่วนของพื้นที่โดยรอบท้องสนามหลวง รวมไปถึงความวิจิตรงดงามของพระเมรุมาศ ที่มีรายละเอียดซับซ้อนเพื่อให้สมพระเกียรติและตรงกับตามวัฒนธรรมประเพณีโบราณ ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อันเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์สำคัญที่คนไทยควรรู้

พระราชพิธีพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ไทย ภาพ via www.kingrama9.net
ประวัติราชประเพณีพระบรมศพ ถูกบรรจุอยู่ในไตรภูมิพระร่วง
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ หรืองานออกพระเมรุ มีราชประเพณีถูกพบหลักฐานการจัดพระราชพิธี ปรากฎอยู่ในหนังสือไตรภูมิกถาหรือไตรภูมิพระร่วง โดยมีการกล่าวขานในจดหมายเหตุและพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาถึงการสร้างพระเมรุมาศอันยิ่งใหญ่ตระการตา อย่างพระเมรุมาศของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่มีการก่อสร้างพระเมรุสีทองอันถูกครอบด้วยพระเมรุใหญ่อีกที ทำให้มีความสูงถึง 7 วา (14 เมตร) 2 ศอก (1 เมตร) สูง 2 เส้น (80 เมตร) 1 วาศอกคืบ (23 เมตร) และประกอบยอดด้วย 5 ยอด ซึ่งถือว่ายิ่งใหญ่อลังการอย่างมาก ประกอบกับยังสร้างสถิติพระเมรุมาศสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยอีกด้วย
ต่อมาเมื่อครั้นสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 5 มีพระกระแสพระราชดำรัสสั่งถึงการพระบรมศพของพระองค์ไว้ในพระราชหัตถเลขา (จดหมาย) ถึงการเปลี่ยนแปลงตัดทอนพระเมรุมาศ ให้มีขนาดเล็กเพียงพอแก่ถวายพระเพลิงได้เท่านั้น ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีพระราชบันทึกตัดทอนปลูกสร้างพระเมรุมาศและบำเพ็ญพระราชกุศลของพระองค์อีกหลายประการ ดังนั้นพระเมรุมาศจึงถูกลดขนาดลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นแบบแผนของงานออกพระเมรุมาศ ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้พระเมรุมาศนี้จะใช้วัสดุการออกสร้างที่เตรียมพร้อมรื้อทอนภายหลังเสร็จพระราชพิธี
เครดิตจาก BK Magazine
การสร้างพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง
ความเป็นมาของการก่อสร้างพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงสันนิษฐานถึงการสร้าง ตามความเชื่อคนไทยต่างยึดมั่นเรื่องไตรภูมิตามคติของพระพุทธศาสนา ที่กล่าวถึงเขาพระสุเมรุอันเปรียบเสมือนศูนย์กลางของโลก ดังนั้นจึงนำคติความเชื่อจากไตรภูมิมาใช้ในการประกอบพิธีถวายพระเพลิง พร้อมจำลองพระเมรุมาศให้ละม้ายคล้ายคลึงกับดินแดนเขาพระสุเมรุ โดยมีสัตว์หิมพานต์หลากหลายนานาพันธุ์เข้าขบวนแห่อัญเชิญพระศพสู่สวรรคาลัย
ทั้งนี้ท้องสนามหลวง หรือทุ่งพระเมรุ มีความเป็นมาตั้งแต่ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ และอยู่เคียงคู่ราชวงศ์จักรีมาอย่างช้านาน โดยเมื่อครั้นสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดขอบเขตพระบรมมหาราชวัง และเว้นพื้นที่ท้องพระเมรุ ซึ่งมีลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมูไว้เพื่อประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ รวมไปถึงใช้เป็นสถานที่สร้างพระเมรุมาศ สำหรับประกอบพระราชพิธีออกพระเมรุส่งเสด็จพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศ์ชั้นสูง ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อท้องพระเมรุ เป็นท้องสนามหลวงเมื่อสมัยรัชกาลที่ 4
วิจิตรงดงามสมพระเกียรติ พระเมรุมาศ ร.9
เบื้องหลังความวิจิตรงดงามของพระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระปรมินมหาภูมิพลอดุลยเดช เต็มเปี่ยมไปด้วยความบรรจงปราณีตของนายช่างผู้ออกแบบ เริ่มตั้งแต่งานเขียนแบบพระเมรุมาศ ซึ่งถือได้ว่าเป็นขั้นตอนสำคัญและจำเป็นต้องเขียนขนาดเท่าของจริง จึงต้องสร้างโรงเขียนแบบชั่วคราวขนาดใหญ่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ทั้งนี้มีการกำหนดรายละเอียดประกอบไปด้วยอาคารทรงบุษบก จำนวน 9 องค์ ตั้งอยู่บนฐานชาลารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 3 ชั้น มีบันไดทางขึ้น ทั้ง 4 ทิศ ทิศตะวันตกหันหน้าเข้าพระที่นั่งทรงธรรม ทิศตะวันออกติดตั้งลิฟต์ และทิศเหนือติดตั้งสะพานเกรินสำหรับเชิญพระบรมโกศจากราชรถปืนใหญ่ขึ้นบนพระเมรุมาศ โดยโครงสร้างพระเมรุมาศประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้

พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภาพ via www.kingrama9.net
ลานอุตราวรรต หรือ พื้นรอบฐานพระเมรุมาศ มีการออกแบบให้มีสระอโนดาดทั้ง 4 ทิศ โดยมีการนำสัตว์หิมพานต์มาประดับ
ฐานชาลาชั้นที่ 1 หรือชั้นล่างสุด บริเวณนี้จะมีประติมากรรมเทวดา และท้าวจตุโลกบาล
ฐานชาลาชั้นที่ 2 ใช้สำหรับเก็บพระโกศทองใหญ่และพระโกศไม้จันทน์ รวมถึงอุปกรณ์สำหรับงานพระราชพิธี
ฐานชาลาชั้นที่ 3 ประดับประติมากรรมเทพชุมนุม จำนวน 132 องค์โดยรอบ ใช้สำหรับพระพิธีธรรม
จุดกึ่งกลางชั้นบนสุด เป็นที่ประดิษฐานพระบรมโกศ
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความพิเศษของพระเมรุมาศคือ การปรับภูมิสถาปัตย์โดยรอบ ให้สื่อถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ อย่างส่วนแปลงนาเลข 9 ไทย บริเวณทางทิศเหนือของพระเมรุมาศ โดยใช้แนวคิดจากโครงการในพระราชดำริเป็นส่วนประกอบทั้งหมด ตั้งแต่คันดินสีทอง อันมีส่วนผสมดินจากโครงการชั่งหัวมัน รวมไปข้าวที่ใช้ปลูก กรมการค้าข้าวยังได้นำข้าวมาปลูก 3 สายพันธุ์ หนึ่งในนั้นมีพันธุ์ปทุมธานี 80 ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่ตั้งชื่อ ในโอกาสที่ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ทั้งนี้ยังมีการสร้างฝายน้ำล้น 2 ฝาย พร้อมติดตั้งกังหันชัยพัฒนา 1 เครื่อง ส่วนบริเวณหัวมุมแปลงมีการปลูกต้นมะม่วงมหาชนก ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วเกิดขึ้นจากพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9
ความวิจิตรงดงาม สมพระเกียรติของพระเมรุมาศ ร.9 ทางคณะกรรมการฝ่ายจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เตรียมเปิดให้ประชาชนเข้าชมพระเมรุมาศและจัดนิทรรศการตลอดเดือนพฤศจิกายน 2560 หลังจากพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เสร็จสิ้น โดยกำหนดให้เข้าชมรอบละ 5,000 คน ตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. ระหว่างวันที่ 2-30 พฤศจิกายน 2560 ประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการดังกล่าวต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ทั้งนี้ ในเวลา 07.00 น. ของวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จเป็นองค์ประธานเปิดนิทรรศการ
แหล่งข้อมูลจาก www.kingrama9.net และ www.finearts.go.th
เรื่องข้างต้นเขียนโดย อารยา ศิริพยัคฆ์ Content Writer ประจำเว็บไซต์ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ araya@ddproperty.com
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน