ไทยหนี้ครัวเรือนพุ่ง: สะเทือนเศรษฐกิจ-อสังหาฯ ครึ่งหลังปี 62

13 Jun 2019

ไทยหนี้สินครัวเรือนติดอันดับ 10 ของโลก อันดับ 3 ของเอเชีย พบดัชนีอุปทานไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น ส่งสัญญาณกำลังซื้อยังไม่ฟื้น

ผ่านพ้นครึ่งปีแรกของปี 2562 ทำให้เริ่มมองเห็นภาพของเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว ดังจะเห็นได้จากอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปี 2562 ต่ำสุดในรอบ 17 ไตรมาส โดยเติบโตเพียง 2.8% สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้มีการปรับลดคาดการณ์จีดีพีปี 2562 จาก 3.8% ลงมาอยู่ที่ 3.6% และประเมินสถานการณ์กันต่อแบบรายไตรมาส เนื่องจากมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และสะเทือนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน โดยหนึ่งในนั้นคือปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

หนี้ครัวเรือนไทยสูงสุดในรอบ 5 ปี

จากรายงานภาวะสังคมไทย ไตรมาสหนึ่งปี 2562 โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ชี้ให้เห็นถึงหนี้สินครัวเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 4 ปี 2561 หนี้สินครัวเรือนเท่ากับ 12.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพี เท่ากับ 78.6% เพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน และเมื่อเทียบกับต่างประเทศ พบว่าประเทศไทยมีสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ในอันดับที่ 10 จาก 89 ประเทศทั่วโลก และเป็นอันดับที่ 3 จาก 29 ประเทศในเอเชีย

สำหรับไตรมาสแรกปี 2562 หนี้สินครัวเรือนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ขยายตัว 10.1% สูงสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2557 เป็นต้นมา

Businessman hands pulling red folder DEBT concept on brown walle

มาตรการ LTV ดันหนี้ครัวเรือนพุ่ง

สถานการณ์หนี้ครัวเรือนในไตรมาสแรกปี 2562 ที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเร่งก่อหนี้ก่อนการบังคับใช้มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อคุมเข้มสินเชื่อบ้าน ด้วยการกำหนดสัดส่วนวงเงินสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน สำหรับการซื้อบ้านหลังที่ 2-3 จะต้องวางเงินดาวน์ 20-30% ของราคาอสังริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นเงินก้อนจำนวนไม่น้อย

ในช่วงปลายปี 2561 จึงได้เห็นตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความคึกคัก เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แข่งขันทำโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ส่งแคมเปญการตลาดร้อนแรงออกมาเพื่อกระตุ้นยอดขายโครงการสร้างเสร็จ เร่งการตัดสินใจให้รีบโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2562 ก่อนมาตรการ LTV บังคับใช้ สอดคล้องกับยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมีการปรับเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน

แบงก์สกัดหนี้ สแกนขอสินเชื่อเข้ม

จากหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยและความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือน รวมทั้งมีหลายประเด็นที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่

1. การก่อหนี้เพื่อที่อยู่อาศัยของครัวเรือนภายหลังการบังคับใช้มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อใหม่ โดยคาดว่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง และทำให้หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัว เนื่องจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นสัดส่วนประมาณ 49.9% ของสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคล

2. การขยายตัวของสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลอื่น ๆ รวมถึงบัตรเครดิตอาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ภาครัฐยังควรให้ความสำคัญกับการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อกำกับดูแลและควบคุมการปล่อยสินเชื่อให้รัดกุมและมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ดังนี้

  • การออกแบบมาตรการกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยงจากการปล่อยกู้ให้กับกลุ่มที่มีภาระหนี้สูง โดยเฉพาะมาตรการเกี่ยวกับสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR)
  • การออกมาตรการกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ เนื่องจากคุณภาพของสินเชื่อรถยนต์ที่มีแนวโน้มลดลง
  • การติดตามมาตรการกำกับดูแลธุรกิจสินเชื่อที่มีรถยนต์เป็นหลักประกันให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรมและมีอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม
  • การเร่งประชาสัมพันธ์โครงการคลินิกแก้หนี้ ระยะที่ 2
  • การกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกหนี้รายเดิมและรายใหม่ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการก่อหนี้ครัวเรือนมากยิ่งขึ้น

Credit Card Debt Calculator

กำลังซื้อชะลอ กระทบอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง

แม้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ แต่จากมาตรการต่าง ๆ และการคุมเข้มของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้มีการปฏิเสธสินเชื่อ ส่งผลทางด้านจิตวิทยาให้เกิดการชะลอการตัดสินใจ ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่เองหรือซื้อเพื่อลงทุน และแน่นอนว่ากำลังซื้อที่ถดถอยนี้ย่อมกระทบผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีอุปทานคงค้าง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ยังต้องเร่งระบายออกก่อนจะโอเวอร์ซัพพลาย

จากรายงาน DDproperty Property Index รอบล่าสุด พบว่า ดัชนีอุปทานที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ในไตรมาสแรกปี 2562 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 17% โดยคอนโดมิเนียมยังคงมีสัดส่วนอุปทานมากที่สุดในตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ คิดเป็น 91% ของจำนวนอุปทานที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 29% โดยระดับราคาส่วนใหญ่อยู่ที่ 3.5-8.5 ล้านบาท

ทำเลที่มีอุปทานคอนโดมิเนียมสูงสุดยังคงเป็นเขตวัฒนาต่อเนื่องมาจากปี 2561 คิดเป็น 21% ของอุปทานคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ทั้งหมด เพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาสก่อนหน้า โดย 53% อยู่ในแขวงคลองตันเหนือ อาทิ ย่านเอกมัยทองหล่อ และพร้อมพงษ์

ขณะที่เขตวัฒนามีอุปทานทาวน์เฮ้าส์สูงที่สุด โดยมีสัดส่วน 7% ของอุปทานทาวน์เฮ้าส์ทั้งหมดในกรุงเทพฯ ส่วนเขตประเวศมีสัดส่วนจำนวนอุปทานบ้านเดี่ยวสูงที่สุดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561 โดยมีสัดส่วน 9% ของอุปทานบ้านเดี่ยวทั้งหมดในกรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตาม จากอุปทานที่เพิ่มขึ้นในตลาดเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอัตราการดูดซับลดลงจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลให้ผู้ซื้อชะลอการซื้อออกไป

Condominium

ด้านแผนกวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย พบว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ช่วงไตรมาสแรกปี 2562 มีการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยมีการเปิดตัวโครงการทั้งสิ้น 18 โครงการ จำนวน 8,443 ยูนิต ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 12,438 ยูนิต และลดลงจากช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2561 ที่ประมาณ 5,607 ยูนิต

โดยตลอดปี 2562 มีการคาดการณ์คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 55,000 ยูนิต ลดลงจากปีก่อนหน้าประมาณ 16.6% ซึ่งการเปิดโครงการที่ลดลง จะทำให้อุปทานสะสมไม่เพิ่มขึ้นมาก ถือว่าดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

POST COMMENT

You may also like these articles

Home Sharing กับโอกาสที่จะมาแทนที่ธุรกิจโรงแรม

ธุรกิจ Home Sharing อาทิ Airbnb กำลังเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดของโรงแรมในไทย โดยเฉพ

Continue Reading11 Jun 2019