เกาะติดตลาดอสังหาริมทรัพย์เดินหน้าฝ่าวิกฤติ งัดกลยุทธ์จูงใจคนซื้อบ้าน เมื่อพฤติกรรมเปลี่ยนไป ท่ามกลางหนี้ครัวเรือนทียังพุ่งสูง DDproperty รวบรวมมาให้ที่นี่
1. ของแถม-ฟรีโอนฯ โปรโมชันกระตุ้นคนซื้อบ้าน
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ในไตรมาส 2 ปี 2564 เป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ผู้ประกอบการมีความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว จึงลดราคาเพื่อกระตุ้นการขาย ควบคู่กับเสนอโปรโมชันของแถม และส่วนลดค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์
จากการสำรวจรายการส่งเสริมการขายบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาส 2 ปี 2564 พบว่า 40.8% เป็นของแถม เช่น เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน ปั๊มน้ำ แท้งก์น้ำ ฯลฯ รองลงมา 32.4% เป็นส่วนลดค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์และ/หรือฟรีค่าส่วนกลาง และ 26.8% เป็นส่วนลดเงินสด
ส่วนรายการส่งเสริมการขายห้องชุดใหม่ โดยเฉพาะโครงการที่ก่อสร้างเสร็จ พบว่า 50% เป็นของแถม เช่น เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง เครื่องใช้ไฟฟ้า 28.5% เป็นส่วนลดเงินและ/หรือการให้เข้าอยู่ฟรีในช่วง 1-2 ปีแรก หรือช่วยค่างวดเงินผ่อนกับธนาคาร 1-2 ปีแรก และ 21.5% เป็นส่วนลดเงินสดค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์
อย่างไรก็ดี คาดว่าโปรโมชันเหล่านี้ จะสามารถช่วยเร่งรัดการตัดสินใจเกี่ยวการซื้อและการโอนกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อที่ยังมีความสามารถในการซื้อและการขอสินเชื่อได้
อสังหาฯ ยังคงชะลอตัว รอวัคซีน-มาตรการรัฐช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ
2. 3 ปัจจัยสะท้อนพฤติกรรมคนซื้อบ้านหลังโควิด-19
ลุมพินี วิสดอม เปิดเผยแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัย ดังนี้
– พื้นที่ใช้สอยและวัสดุ (Function & Material)
ปัจจุบันบ้านเป็นทั้งที่ทำงานและสถานที่พักผ่อน เมื่อต้องทำงานที่บ้าน (Work from Home) มากขึ้น ทำให้การออกแบบที่อยู่อาศัยต้องมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้ในแบบ Multifunctional Space ขณะเดียวกันการเลือกใช้วัสดุต่าง ๆ ก็ต้องมีความเหมาะสม
– การออกแบบโดยให้ความสำคัญกับสุขอนามัย (Health)
จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทำให้ผู้บริโภคตระหนักและหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น การออกแบบที่อยู่อาศัยจึงต้องคำนึงถึงสุขอนามัยที่ดี เลือกใช้วัสดุที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ และมีพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน
– เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย (Smart Living Technology)
มีการนำเทคโนโลยี Home Automation เชื่อมต่อเข้ากับระบบสั่งการต่าง ๆ ทั้งทางเสียง หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อควบคุมการทำงานของระบบเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เปิด-ปิดไฟ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ โทรทัศน์ เครื่องเสียง ปลั๊กไฟ การปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ และการควบคุมแสงสว่างและอุณหภูมิภายในบ้าน รวมถึงการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์สั่งการด้วยเสียง เป็นต้น
ปัจจัยอะไรที่คนใช้ในการเลือกซื้อบ้าน-เช่าบ้าน
3. ต่อโปร MRT ตั๋วเที่ยว รถไฟฟ้าสีม่วง-น้ำเงิน
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ขยายระยะเวลาการจำหน่ายเที่ยวโดยสาร 3 ประเภท ราคาเดิม ถึงวันที่ 31 มกราคม 2565
โดยผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสาร MRT PLUS และบัตรโดยสาร MRT ประเภทบุคคลทั่วไป บัตรโดยสารธุรกิจ และบัตรร่วมธุรกิจ สามารถเลือกเติมเที่ยวโดยสารได้ตามความต้องการ ดังนี้
PL Adult Pass ใช้เดินทางใน MRT สายสีม่วง ค่าโดยสารสูงสุด 42 บาท
- 15 เที่ยว ราคา 450 บาท เฉลี่ย 30 บาท/เที่ยว
- 25 เที่ยว ราคา 700 บาท เฉลี่ย 28 บาท/เที่ยว
- 40 เที่ยว ราคา 1,040 บาท เฉลี่ย 26 บาท/เที่ยว
- 50 เที่ยว ราคา 1,100 บาท เฉลี่ย 22 บาท/เที่ยว
- 60 เที่ยว ราคา 1,200 บาท เฉลี่ย 20 บาท/เที่ยว
BL Adult Pass ใช้เดินทางใน MRT สายสีน้ำเงิน ค่าโดยสารสูงสุด 42 บาท
- 15 เที่ยว ราคา 450 บาท เฉลี่ย 30 บาท/เที่ยว
- 25 เที่ยว ราคา 700 บาท เฉลี่ย 28 บาท/เที่ยว
- 40 เที่ยว ราคา 1,040 บาท เฉลี่ย 26 บาท/เที่ยว
- 50 เที่ยว ราคา 1,250 บาท เฉลี่ย 25 บาท/เที่ยว
ML Adult Pass ใช้เดินทางข้ามสายระหว่าง MRT สายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน ค่าโดยสารสูงสุด 70 บาท
- 15 เที่ยว ราคา 810 บาท เฉลี่ย 54 บาท/เที่ยว
- 25 เที่ยว ราคา 1,300 บาท เฉลี่ย 52 บาท/เที่ยว
- 40 เที่ยว ราคา 2,000 บาท เฉลี่ย 50 บาท/เที่ยว
- 50 เที่ยว ราคา 2,250 บาท เฉลี่ย 45 บาท/เที่ยว
โดยสามารถเติมเที่ยวโดยสารได้ที่ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT บัตรนักเรียนนักศึกษารับส่วนลด 10% เด็กและผู้สูงอายุได้รับส่วนลด 50% ทุกเที่ยวเดินทาง
อัปเดต MRT เปิดกี่โมง ปิดกี่โมง รถไฟฟ้า BTS เปิดกี่โมง ปิดกี่โมง
4. หนี้ครัวเรือนพุ่งไม่หยุด สูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ระบุ หนี้ครัวเรือนไทย ไตรมาส 1 ปี 2564 เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 14.1 ล้านล้านบาท หรือขยายตัวที่ 4.6% จากปีก่อนหน้า (YoY) ซึ่งเป็นการขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และยังนับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส
ทั้งนี้ หนี้ครัวเรือนที่มีการขยายตัวมาตลอดแม้ในช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด-19 เป็นผลมาจากหลายปัจจัย อาทิ
– การชำระหนี้ที่ถูกพักหรือเลื่อนออกไปมีส่วนทำให้ระดับหนี้ครัวเรือนในภาพรวมปรับลดลงช้ากว่าปกติ
– วิกฤตโควิด-19 ได้ส่งผลทำให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนขาดรายได้ นำไปสู่การลดลงของสภาพคล่องของคนจำนวนมาก จึงเกิดการกู้ยืมเพื่อนำมาใช้จ่ายทดแทนสภาพคล่องที่หายไปของภาคครัวเรือน
– ครัวเรือนบางส่วนที่มีกำลังซื้อยังมีการใช้จ่ายซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงที่ผู้ประกอบการมีการลดราคาออกโปรโมชันจูงใจเป็นจำนวนมากเพื่อลดอุปทานคงค้าง ส่งผลทำให้หนี้ครัวเรือนในส่วนนี้เติบโตในช่วงวิกฤติ
ทั้งนี้ การขยายตัวของหนี้ครัวเรือนในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้อย่างช้า ๆ ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนของไทยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 90.5% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนภายในปีนี้ อาจปรับเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีก หากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความรุนแรงและต่อเนื่องจนทำให้ GDP ลดต่ำลงกว่าที่คาด
อ่านบทวิเคราะห์หนี้ครัวเรือนไทยไตรมาส 1/2564 (ฉบับเต็ม)
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า