สรุปข่าวเด่นอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 16-20 ส.ค. 64 

21 Aug 2021

โควิด-19 ทำพิษ ไทยว่างงาน 3 ล้าน

ในรอบสัปดาห์นี้ ยังคงต้องจับตาโควิด-19 ที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ รายได้ กำลังซื้อ และการใช้ชีวิตของผู้บริโภค DDproperty รวบรวมมาอัปเดตให้ที่นี่

Subscription Banner for Article

1. โควิด-19 ทำพิษ ไทยว่างงาน 3 ล้าน

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด โดยเฉพาะใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่

เรื่องที่ 1 รายได้คนไทยถูกกระทบรุนแรงมาก ธปท.ประเมินว่า ใน 3 ปีของโควิด-19 คือ ปีที่แล้ว ปีนี้ และปีหน้า รายได้ครัวเรือนหายไป 2.6 ล้านล้านบาท โดยปี 2563 หายไป 800,000 ล้านบาท ปี 2564 หายไป 1,000,000 ล้านบาท และปี 2565 หายไป 800,000 ล้านบาท

หนี้ครัวเรือนกับอสังหาฯ

เรื่องที่ 2 คนว่างงานสูงขึ้นอยู่ที่ 3 ล้านคน โดยมีคนตกงานนานกว่า 1 ปีสูงถึง 170,000 คน เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว จากช่วงก่อนโควิด-19 มีเด็กจบใหม่ที่ไม่มีงานทำ 290,000 คน และมีแรงงานที่ย้ายกลับถิ่นฐาน ซึ่งอาจมีงานทำแต่มีรายได้ลดลงมาก 1.6 ล้านคน

เรื่องที่ 3 การฟื้นตัวในประเทศที่ไม่เท่าเทียมกันเป็นรูปตัว K โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) 11-12%

ทั้งนี้ จากการประมาณการเศรษฐกิจของ ธปท. ที่ 0.7% นั้น คาดว่าจะควบคุมโรคได้ก่อนไตรมาส 4 ปีนี้ แต่ถ้าหากล็อกดาวน์ไปถึงไตรมาส 4 ผลกระทบของเศรษฐกิจจะมีมากขึ้น เพราะล็อกดาวน์ 1 เดือนกระทบ 0.3-0.4% ของจีดีพี

อ่านข่าวเพิ่มเติม: คนไทยรายได้หาย 2.6 ล้านล้าน พิษโควิด 3 ปีทำเศรษฐกิจฟื้นช้าแนะรัฐกู้เพิ่ม

 

2. แนวโน้มบ้านราคาแพงขึ้น สะเทือนกำลังซื้อ

ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า การขยายตัวของ โควิด-19 ระลอกที่ 3-4 ทำให้ผู้ประกอบการลดปริมาณการขออนุญาตจัดสรรลงในไตรมาส 2/2564 ลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ระบาดถึง -41.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่าหน่วยจัดสรรรายเดือน ลดลง -37% ถึง -46% ระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2564 และเริ่มกระเตื้องขึ้นบ้างในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564 และคาดว่าไตรมาส 4/2564 จะเริ่มดีขึ้นบ้าง แต่คาดว่าทุกไตรมาสจะยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยฯ

ขณะที่ผู้ประกอบการ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่มีราคาสูง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อในปัจจุบัน และลดการจัดสรรกลุ่มบ้านราคาต่ำ

อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังทำให้กำลังซื้อของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง ในช่วงไตรมาส 2/2564 มีหน่วยเปิดตัวใหม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ระบาดถึง -76.4% และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 หดตัวลง-46.2% และคาดว่าไตรมาส 3-4 อาจจะเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนหน่วยที่ขายได้ในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2564 จะยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับสู่สภาวะสมดุลทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะก่อนเกิดโควิด-19 ราวปี 2568-2570 หรือประมาณ 5-6 ปีข้างหน้า

ดูแนวโน้มตลาดอสังหาฯ จากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ฉบับล่าสุด

ประเมินเศรษฐกิจปี 65 ขยายตัว หากโควิด-19 คลี่คลาย

3. ประเมินเศรษฐกิจปี 65 ขยายตัว หากโควิด-19 คลี่คลาย 

ศูนย์วิจัยกรุงไทยประเมินเศรษฐกิจไทย คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.9% ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มคลี่คลายได้ในไตรมาส 2/2565 ท่ามกลางความคืบหน้าในการเร่งกระจายวัคซีน ส่วนอุปสงค์ในประเทศจะทยอยฟื้นตัวได้อย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเริ่มเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง

โดยเศรษฐกิจไทยอาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปี (ปี 2566) กว่าจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤต เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำนับตั้งแต่หลังวิกฤตการเงินโลกปี 2551 โดยขยายตัวเฉลี่ย 4.8% ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลก (ปี 2541-2551) ก่อนทยอยเติบโตชะลอลงเหลือเพียงเฉลี่ย 3.3% ในช่วง 10 ปีให้หลัง (ปี 2551-2561)

ทั้งนี้ วิกฤตโควิด-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ก็ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ให้หดตัวถึง 6.1% และมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มถดถอยต่อเนื่องเป็นปีที่สอง

อ่านข่าวเพิ่มเติม: ศูนย์วิจัยกรุงไทยประเมินเศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ระดับก่อนวิกฤตในปี 66

 

4. ขสมก.ปรับเวลาเดินรถใหม่ เริ่ม 21 ส.ค.นี้

ตามที่รัฐบาลได้ออกมาตรการในการแก้ไขและบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้คลี่คลายลง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จึงได้ออกมาตรการให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนด ดังนี้ 

1. จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทางทุกคัน ไม่ให้เกิน 50% ของความจุผู้ใช้บริการ ตามที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

2. ปรับเปลี่ยนเวลาให้บริการรถโดยสารประจำทาง จากเวลาปกติเป็นให้บริการเวลา 05.00-21.00 น. (เวลา 21.00 น. คือ เวลาที่รถโดยสารกลับถึงอู่จอดรถตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

โดยเพิ่มความถี่ในการปล่อยรถ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า (05.00-08.00 น.) และช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น ถึงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ (16.00-21.00 น.) ให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 5-10 นาที หรือจัดเดินรถให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของประชาชน

3. ให้บริการรถโดยสารวันธรรมดา จำนวน 18,000-20,000 เที่ยว วันเสาร์-อาทิตย์ ให้บริการรถโดยสาร จำนวน 16,000 เที่ยว หรือจัดเดินรถให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา

4. ปล่อยรถโดยสารคันสุดท้าย ออกจากท่าปลายทางประมาณ 20.00 น. เพื่อให้พนักงานสามารถนำรถกลับเข้าอู่จอดรถได้ทันเวลา 21.00 น. โดยปรับเพิ่มความถี่ในช่วงการปล่อยรถ 3 คันสุดท้าย ให้มีระยะห่างกัน 5-10 นาที ซึ่งรถโดยสาร 3 คันสุดท้าย จะติดป้ายข้อความบ่งชี้บริเวณหน้ารถโดยสาร

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ เตรียมตัวกลับบ้านก่อนเวลา 18.00 น. เพื่อลดความแออัดของผู้ใช้บริการบนรถโดยสาร ในช่วงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ (20.00-21.00 น.)

อ่านข่าวเพิ่มเติม: ขสมก. ยืดมาตรการคุมโควิด นั่ง 50%-รอบสุดท้าย 20.00 น.

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

POST COMMENT

You may also like these articles