หลายๆ คนคิดว่าจากการพัฒนาและเจริญของห้าแยกลาดพร้าวที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะทำให้ลาดพร้าวถูกมองว่าเป็นทำเลทอง และศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ฝั่งเหนือ ซึ่งปัจจุบันบริเวณห้าแยกลาดพร้าวเป็นจุดตัดของระบบรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT ส่วนต่อขยายไปทางทิศเหนือ
ทำให้บริเวณห้าแยกลาดพร้าวซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว และสำนักงานใหญ่ชั้นนำของประเทศ อย่าง กลุ่มบริษัทปตท., เอ็นเนอยี่คอมเพล็กซ์, การบินไทย, เอไอเอส, สำนักงานใหญ่ธนาคารทหารไทยและสำนักงานกลต.บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต จากการสำรวจพบว่ามีคนทำงานกว่า 50,000 คนที่ทำงานอยู่บริเวณโดยรอบนี้และเป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพสูง
นอกจากนี้รัฐบาลและการรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่ในระหว่างการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ บางซื่อ คอมเพล็กซ์ซึ่งประกอบด้วย โครงการการพัฒนาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณบางซื่อจนถึงบริเวณพหลโยธิน เนื้อที่ดินรวม 2,325 ไร่ โดยการพัฒนาที่ดินแบ่งออกเป็นสองส่วน
- บริเวณสถานีกลางบางซื่อ มาจนถึงถนนกำแพงเพชร แผนการพัฒนาจะประกอบด้วยอาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และโรงแรม รวมพื้นที่ก่อสร้างประมาณ 2 ล้านกว่าตารางเมตร
- เป็นการพัฒนาพื้นที่กม.11 บริเวณโดยรอบของอาคารสำนักงานปตท. และ เอ็นเนอยี่คอมเพล็กซ์
ซึ่งในระยะยาวเมื่อโครงการสถานีกลางบางซื่อและนิคมกม.11 เสร็จสิ้นจะทำให้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็น ศูนย์กลางของการคมนาคม และเป็นแหล่งรวมกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพทั้ง ที่มีทั้ง อาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ ตลอดจนถึงที่อยู่อาศัยที่มีความครบครันไม่ต่างจากใจกลางเมืองเลยทีเดียว
ในอนาคตเมื่อส่วนต่อขยายสายสีเขียวเสร็จสิ้น และพร้อมเปิดใช้บริการในเดือน กุมภาพันธ์ 2563 จะทำให้พื้นที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าวนี้สามารถเชื่อมต่อรถไฟใต้ดินและรถไฟฟ้าได้สะดวกยิ่งขึ้น ทำการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพชั้นในและย่านธุรกิจก็จะใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น และเมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการคาดว่าบริเวณนี้จะมีความพลุกพล่านมากขึ้น เพราะผู้โดยสารที่อาศัยอยู่กรุงเทพตอนเหนือแต่ทำงานอยู่ในบริเวณพระราม 9 หรือสีลม เมื่อเดินทางมากจากรถไฟใต้ดินไม่ต้องนั่งรถไฟไปถึงสถานีจตุจักร แต่สามารถเปลี่ยนที่สถานีพหลโยธินแล้วต่อรถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าวได้เลย
ซึ่งเป็นการประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและระยะเวลาการเดินทาง ประกอบกับในอนาคตผู้โดยสารที่เดินทางจากมาจากกรุงเทพชั้นในด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวน่าจะลงสถานีหมอชิตน้อยลงและเลือกลงสถานีห้าแยกลาดพร้าวแทนเพราะ บริเวณนี้มีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวที่เป็นแหล่วงรวมและสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนในย่านนี้ เรียกได้ว่าหากรถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าวเปิดใช้บริการ ความหนาแน่นของผู้คนบริเวณสถานีหมอชิตน่าจะลดลงและกระจายมาสู่บริเวณ 5 แยกลาดพร้าวมากขึ้นอย่างแน่นอน
และด้วยความครบถ้านทางองค์ประกอบนี้เองทำให้ดีเวลลอปเปอร์ หลายๆ เจ้าส่งแบรนด์คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ของตัวเองลงยึดหัวหาด ตลอดแนวรถไฟฟ้า บริเวณรอบห้าแยกลาดพร้าว ไม่ว่าจะเจ้าแรกๆ อย่าง “SYM VIBHA LADPRAO” ของ ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ตามมาด้วย “The ISSARA LADPRAO” ของชาญอิสสระ ดีเวลลอปเม้นท์ “M Ladprao” ของ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ รวมไปถึง The Line จตุจักร – หมอชิต ของ บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง วัน จำกัด และ “The Saint Residences” ของ ซาแลน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่กำลังเดินหน้าเปิดขาย “เบเนดิกต์ แอท เดอะเซนต์ เรสิเดนเซส” (Benedict @ The Saint Residences) ที่ชูจุดขายวิวสวนจตุจักร สระว่ายน้ำ และวิวเมือง เพื่อรองรับดีมานด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในย่านนี้
จากที่เห็นโครงการส่วนใหญ่ที่ติดถนนในทำเลนี้ ล้วนแต่เป็นโปรเจตก์ระดับลักชูรี่ ราคาตั้งแต่ 4 – 5 ล้านบาทขึ้นไป ที่ชูศักย์ภาพของลาดพร้าว – พหลโยธินทั้งนั้น และมีจุดขายในเรื่องของวิวสวนจตุจักรไม่ต่างกัน โดยเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าย่านนี้กำลังจะกลางเป็นศูนย์กลางในอนาคตของของกรุงเทพฯ ฝั่งเหนืออย่างแน่นอน และเพื่อเป็นการตอกย่ำในเรื่องศักยภาพของทำเล ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
เบเนดิกต์ แอท เดอะเซนต์ เรสิเดนซ์ (Benedict @ The Saint Residences)
ชื่อโครงการ: เบเนดิกต์ แอท เดอะเซนต์ เรสิเดนเซส (Benedict @ The Saint Residences)
เจ้าของโครงการ: บริษัท ซาแลน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
ที่ตั้งโครงการ: ถนนวิภาวดีรังสิต – ลาดพร้าว
โทร: 081 554 7575, 081 554 3030
เว็บไซต์: www.thesaint-residences.com
โครงการ เดอะ เซนต์ เรสิเดนเซส เป็นอาคารสูง 41 ชั้น ประกอบด้วย 3 ทาวเวอร์ มีชื่อว่า Anthony, Benedict และ Charlie รวมจำนวนห้องชุดพักอาศัยทั้ง 3 ทาวเวอร์ 1,500 ยูนิต มีพื้นที่สำหรับการพาณิชย์ประมาณ 400 ตารางเมตร โดย Benedict Tower เป็นเฟสใหม่ของโปรเจกต์นี้ซึ่งมีทั้งหมด 400 ยูนิต ประกอบด้วยแบบ 1 ห้องนอน แบบ 2 ห้องนอน และ แบบ 3 ห้องนอน (แต่ยังไม่ได้เปิดขายตอนนี้) ภายในโครงการครบครันด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นแบบ Double Facilities อาทิ ล็อบบี้หลักในแต่ละอาคาร, Grand Atrium ขนาดใหญ่พร้อม Outdoor Pavilion อยู่กึ่งกลางระหว่าง 3 อาคาร, สระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 จุดขนาด 50 ม. (อาคาร A และ B ใช้ร่วมกัน) และ 25 ม. (อาคาร C) ,ห้องโยคะและฟิตเนส 2 จุด, ห้องอบไอน้ำ และ และห้องอบซาวหน้า พร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ รวมไปถึงสวนบนดาดฟ้าของแต่ละอาคาร, ห้องสมุด 2 จุดและในอนาคตจะมีพื้นที่สำหรับร้านค้า 3 – 4 ร้าน ที่จอดรถคิดเป็น 48% ประมาณ 700 คัน/ 1 อาคาร
ระบบรักษาความปลอดภัยระดับห้าดาว อาทิเช่นระบบ Key Card Access ที่ทางเข้า-ออกโถงลิฟท์อาคาร และในตัวลิฟท์ของอาคาร, รปภ.24 ชม., กล้องวงจรปิด CCTV (ทางเข้าหลักของโถงล็อบบี้, ลิฟท์, ทางเข้า – ออกอาคารจอดรถ, บริเวณทางเดินเข้าห้องพักและบันไดหนีไฟ), ระบบการบันทึกภาพกล้องวงจรปิด DVR, ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้อัตโนมัติ และระบบดับเพลิงอัตโนมัติภายในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง, อุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยทุกชั้นตาม พรบ. ควบคุมอาคารมาตรฐานประกอบการออกแบบอาคารเพื่อต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ทั้งนี้ตัวโครงการได้ผ่านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และได้รับอนุญาตก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องของการก่อสร้างได้เริ่มขึ้นตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนธันวาคม 2561 อย่างแน่นอน
คุณสามารถชมรีวิวโครงการ: เบเนดิกต์ แอท เดอะเซนต์ เรสิเดนซ์ (Benedict @ The Saint Residences) เต็มๆ ได้ที่นี่…
หรือชมรีวิวโครงการอื่นๆ บนทำเลห้าแยกลาดพร้าว – จตุจักร ได้ที่นี่…
รวมไปถึงรีวิวโครงการใหม่ๆ หรือข่าวอสังหาริมทรัพย์ที่คุณอาจสนใจได้ที่ DDproperty.com
เรื่องข้างต้นเขียนโดย วัชระ วงศ์สง่า Content Writer ประจำเว็บไซต์ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ Watchara@ddproperty.com