อสังหาฯ ผนึกกลุ่มทุนต่างชาติต่อยอดธุรกิจให้แข็งแกร่ง

จากการเปิดประเทศเป็นหนึ่งเดียวกันของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รวมถึงการผลักดันนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และเขตเศรษฐกิจพิเศษในจุดต่าง ๆ ส่งผลผลให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศน่าลงทุน เป็นที่สนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยง นักลงทุน รวมถึงกลุ่มทุนขนาดใหญ่จากต่างชาติ เข้ามาในประเทศเพิ่มมากขึ้น

โอกาสที่เปิดกว้างนี้มีผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก โดยในส่วนของผู้ซื้อนอกจากจะมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ยังมีกลุ่มผู้ซื้อที่กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือปล่อยเช่าคนไทย แต่ยังมีผู้ซื้อจากต่างชาติ เช่น จีน ฮ่องกง เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าที่เข้ามาในตลาดมากขึ้น หลังจากเปิด AEC แล้ว ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยจากชาวต่างชาติและความต้องการเช่าอยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย (รวมข้อมูลเอเจ้นท์สำหรับชาวต่างชาติที่สนใจอสังหาฯ ไทย ) 

ด้านโครงสร้างผู้ประกอบการก็เปลี่ยนไปเช่นกัน มีทั้งจุดขายและรูปแบบโครงการที่เปลี่ยนไป ไม่จำกัดการแข่งขันแค่เรื่องสินค้า ทำเล และราคา แต่มีการแข่งขันด้านการพัฒนาโครงการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น มีโครงการขนาดใหญ่ในรูปแบบผสมผสานมากขึ้น ทั้ง ห้างสรรพสินค้า ค้าปลีก ที่อยู่อาศัย โรงแรม คอนโดมิเนียม คอมมูนิตี้มอลล์ และ โครงการมิกซ์ยูส

นอกจากนั้นลักษณะการลงทุน ก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จากที่มักจะเป็นผู้เล่นรายเดียว เพื่อพัฒนาโครงการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ก็เปลี่ยนเป็นรูปแบบการผนึกกำลังหรือร่วมลงทุนกับพันธมิตร ทั้งกับนักลงทุนไทยด้วยกันเอง รวมไปถึงกลุ่มทุนจากต่างประเทศ เช่น จีน และ ญี่ปุ่น ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยง ปิดจุดอ่อนที่อาจจะยังไม่ชำนาญในการพัฒนาบางด้าน และเพื่อดึงเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน เสริมสร้างความน่าเชื่อถือของโครงการ และ นำความรู้เทคโนโลยีใหม่มาเสริมในการก่อสร้าง หรือสร้างโอกาสลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในเชิงรายได้ และเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ

หนึ่งในการร่วมทุนที่จะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ต่อวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย คือ การร่วมทุนระหว่าง บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ และอิมเพรสชั่น ที่ล่าสุดประกาศการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่ คือ กลุ่ม เจอาร์ คิวชู (JR Kyushu) และกลุ่ม ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ (Hoosiers Holdings) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเกี่ยวโยงกับอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่โดดเด่น โดยเฉพาะด้านคุณภาพการออกแบบสถาปัตยกรรม และการบริหารพื้นที่ใช้สอยอย่างยั่งยืน รวมถึงทีมออกแบบและทีมควบคุมคุณภาพที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของ ออลล์ อินสไปร์ฯ ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และให้สามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยก้าวสู่ระดับสากลได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

โดยมีแผนจะดำเนินธุรกิจร่วมกันภายใต้ชื่อ บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด มีวงเงินลงทุนเริ่มต้น (ทุนจดทะเบียน) 100 ล้านบาท โดย ออลล์ อินสไปร์ฯ จะถือครองหุ้นในสัดส่วน 51 % กลุ่มฮูซิเออร์ส 29 % และ กลุ่มเจอาร์ คิวชู 20 % เพื่อเพิ่มศักยภาพ เสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ ยกระดับความเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ไทย รองรับอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า

ภายใต้ความร่วมมือของ 3 พันธมิตรทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ในนามของ บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด เบื้องต้นได้กำหนดแผนการดำเนินงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรกใน “ย่านเอกมัย” ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพทั้งด้านการคมนาคมที่สะดวกสบาย แหล่งชุมชน ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมไปถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยจะพัฒนาโครงการผ่านการเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง สามารถรองรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนญี่ปุ่นในไทย รวมถึงคนไทยและชาวต่างชาติอื่น ๆ ได้ดี ซึ่งถือเป็นโครงการคอนโดมิเนียม โครงการแรกภายใต้ความหวังของยกระดับอสังหาฯ ไทยสู่ระดับสากล

ทั้งนี้สามารถติดตามความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจและความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ของ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้ที่ www.allinspire.co.th/ 

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)