คัดข่าวเด่นประเด็นร้อนในแวดวงอสังหาฯ ทั้งสัญญาณคอนโดโอเวอร์ซัพพลาย ตลาดสำนักงานให้เช่าหลังโควิดซา ปัญหาหนี้ครัวเรือนกระทบกำลังซื้อที่ต้องเร่งแก้ไข คืบหน้ารถไฟฟ้า 3 สาย ในปี 2565 สายไหนได้ใช้ DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่
1. จับสัญญาณคอนโดล้นตลาด แห่เก็งกำไรคอนโดไม่เกิน 3 ล้าน
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA) เผยผลสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2565 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่อยู่อาศัยเปิดตัวรวมทั้งสิ้น 22,958 หน่วย รวมมูลค่า 80,397 ล้านบาท มีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 3.5 ล้านบาท
คาดตลอดปี 2565 น่าจะมีหน่วยขายที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 95,000 หน่วย สูงกว่าปี 2564 ที่เปิดตัวเพียง 60,489 หน่วย รวมมูลค่าประมาณ 340,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 2564 ที่อยู่ที่ 277,626 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จำนวนที่ประมาณการนี้อาจมีโอกาสลดลง เนื่องจากค่าก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นมาก ขณะเดียวกันเศรษฐกิจไทยก็อาจไม่เติบโตสูงเท่าที่ควร ดังนั้นโอกาสที่จะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยน้อยลงกว่าที่คาดการณ์ข้างต้นก็อาจเป็นไปได้
สินค้าส่วนใหญ่ในไตรมาสที่ 1/2565 ถึง 66% เป็นสินค้าประเภทห้องชุดพักอาศัย รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ 18% และบ้านเดี่ยว 9% สินค้ากลุ่มใหญ่ที่สุด 34% เปิดขายในราคา 1-2 ล้านบาท รองลงมาเปิดขายในราคา 3-5 ล้านบาท
บ้านเดี่ยวส่วนมากเปิดขายในราคา 5-10 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์กลุ่มใหญ่ที่สุดเปิดขายในราคา 2-3 ล้านบาท ส่วนห้องชุดส่วนใหญ่เปิดขายในราคา 1-2 ล้านบาท
หากพิจารณาด้านมูลค่าจะพบว่า ห้องชุดพักอาศัยยังเป็นสินค้าที่มีมูลค่ารวมสูงสุดถึง 43,096 ล้านบาท หรือ 54% ของมูลค่าการเปิดตัวทั้งหมด รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว มีมูลค่ารวมกัน 21% สูงกว่าทาวน์เฮ้าส์ที่มีมูลค่ารวมกันเพียง 16% ที่เป็นเช่นนี้เพราะบ้านเดี่ยวมีราคาเฉลี่ยสูงกว่าทาวน์เฮ้าส์เป็นอย่างมาก ส่วนห้องชุดจำนวนมากสร้างขึ้นมาเพื่อการซื้อลงทุนหรือเก็งกำไร
ทั้งนี้ เชื่อว่าสัดส่วนนักเก็งกำไรในอาคารชุด โดยเฉพาะที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท น่าจะมากถึง 40% ข้อนี้เป็นสัญญาณอันตรายว่าภาวะล้นตลาดอาจเกิดขึ้น และในเงื่อนไขที่ค่าก่อสร้างแพงขึ้น บางโครงการอาจไม่สามารถสร้างได้แล้วเสร็จตามที่ได้วางแผนไว้
ด้านราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3.5 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคาเมื่อปีที่แล้วที่มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 4.6 ล้านบาท โดยบ้านเดี่ยวมีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยที่ 7.973 ล้านบาท บ้านแฝด 5.204 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์ 3.048 ล้านบาท ตึกแถว 7.555 ล้านบาท และห้องชุด 2.833 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินค้าสำหรับการเก็งกำไร
สรุปข่าวจากทีเอ็นเอ็นออนไลน์: คนแห่เก็งกำไรคอนโดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทชี้สัญญาณเสี่ยงอันตราย
2.วาง 5 แนวทางแก้หนี้ครัวเรือน โฟกัสกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า รายได้น้อย
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและต้องบูรณาการความร่วมมือในการช่วยกันแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนของคนไทย
โดยมีมาตรการเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า คนรายได้น้อยถึงปานกลาง เช่น วิธีการเสริมรายได้ให้คนไทย เพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่รายได้ไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 และระหว่างนี้ต้องทำมาตรการปัจจุบันให้เกิดประสิทธิผลและเกิดเป็นรูปธรรม เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ และการรวมหนี้ เป็นต้น
8 วิธีปรับโครงสร้างหนี้ ที่คนมีหนี้ต้องรู้
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนมี 5 แนวทาง ประกอบด้วย
1) ให้ความรู้ความเข้าใจด้านการเงินกับประชาชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้ก่อนกู้ยืมหรือลงทุน เริ่มต้นจากกลุ่มนักเรียนนักศึกษา
2) สถาบันการเงินต้องมีความรับผิดชอบในการปล่อยสินเชื่อ และต้องดูเรื่องความสามารถชำระหนี้และต้องดูว่าหลังจากกู้แล้วมีเงินเพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ แม้หากชำระหนี้ได้แต่เหลือเงินใช้น้อย ก็จะไม่ทำให้การแก้หนี้เกิดความยั่งยืน
3) หน่วยงานกำกับอย่าง ธปท. ต้องส่งเสริมให้เกิดความรู้ทางการเงินและกำหนดนโยบายต่าง ๆ แก่สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกหนี้
4) เมื่อเกิดปัญหาและต้องแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. และสถาบันการเงินได้ร่วมกันแก้ไขออกมาตรการ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ หลังจากเดิมที่มาการพักหนี้ซึ่งเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อหมดมาตรการพักหนี้แล้ว ลูกหนี้ก็ต้องกลับมาชำระหนี้เหมือนเดิม และจะมีกระบวนการไกล่เกลี่ย เจรจาลูกหนี้ก่อนที่จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
5) ธปท.อยากเห็นการรวมศูนย์ข้อมูลลูกหนี้ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะมีหน่วยงานต่าง ๆ เช่น เครดิตบูโรแล้วก็ตาม และทุกวันนี้ข้อมูลลูกหนี้ยังกระจาย และล่าช้าในเรื่องการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งหากมีข้อมูลลูกหนี้ที่รวมศูนย์จะทำให้สถาบันการเงินเห็นข้อมูลได้มากขึ้น
สรุปข่าวจากไทยโพสต์: ‘ธปท.’ เร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน! ลุยโฟกัสกลุ่มแม่ค้า
3. เกาะติดความคืบหน้ารถไฟฟ้า 3 สาย “เหลือง-ชมพู-ส้ม”
กระทรวงคมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร วงเงิน 51,810 ล้านบาท ภาพรวมการก่อสร้างคืบหน้า 92.38% งานโยธา 92.98% งานระบบรถไฟฟ้า 91.60% อยู่ระหว่างทดสอบการเดินรถ
โดยจะมีการทดสอบเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ 2565 เป็นเวลา 3 เดือน เปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการฟรี ก่อนจะเปิดให้บริการบางช่วงอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่สถานีสำโรง-สถานีพัฒนาการ จำนวน 13 สถานี ในเดือนธันวาคม 2565
ในส่วนของขบวนรถที่จะนำมาให้บริการ ผู้ผลิตได้ส่งขบวนรถจากจีนมาถึงไทยแล้ว จำนวน 26 ขบวน 104 ตู้ คาดว่าจะได้รับมอบครบ 30 ขบวน 120 ตู้ ภายในเดือนมิถุนายน 2565
ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ระยะทาง 34.5 กม.วงเงิน 53,490 ล้านบาท ภาพรวมการก่อสร้างคืบหน้า 87.47% งานโยธา 89.14% งานระบบรถไฟฟ้า 85.87% อยู่ระหว่างทดสอบการเดินรถ
โดยจะมีการทดสอบเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) เปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการฟรี ก่อนเปิดให้บริการบางช่วงอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่สถานีมีนบุรี-สถานีหลักสี่ จำนวน 17 สถานี ในช่วงเวลาเดียวกับสายสีเหลือง
ในส่วนของขบวนรถ ผู้ผลิตได้ส่งขบวนรถจากจีนมาถึงไทยแล้ว จำนวน 24 ขบวน 96 ตู้ คาดว่าจะได้รับมอบครบ 42 ขบวน 168 ตู้ ภายในเดือนมิถุนายน 2565
ทั้งนี้ ค่าโดยสารจะคิดอัตราเริ่มต้นที่ 14 บาท สูงสุดไม่เกิน 42 บาท ไม่คิดค่าแรกเข้าซ้ำอีก หากผู้โดยสารเดินทางเชื่อมต่อมาจากรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ได้แก่ สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง และสายสีส้ม ส่วนรถไฟฟ้าสายสีอื่น ๆ จะมีการเจรจาเพื่อยกเว้นค่าแรกเข้า และใช้ตั๋วร่วมกันได้ เช่น สายสีแดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย และสายสีเขียวของกรุงเทพมหานคร
แผนที่รถไฟฟ้า BTS-MRT ฉบับสมบูรณ์ อัปเดตเส้นทาง-ราคา-เวลา ปี 65
ด้านโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างจัดทำร่างเอกสารประกวดราคา (RFP) คาดว่าจะสามารถประกาศรายละเอียด และเริ่มขั้นตอนจัดหาเอกชนร่วมลงทุนภายในเดือนพฤษภาคม 2565
ดำเนินการก่อสร้างในเดือนกันยายน 2565 เพื่อเปิดให้บริการโครงการส่วนตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ในเดือนสิงหาคม 2568 และเปิดให้บริการโครงการส่วนตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ ภายในเดือนธันวาคม 2570
ทั้งนี้ ในการคัดเลือกเอกชน ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะต้องก่อสร้างลอดผ่านย่านชุมชนหนาแน่น (ห้วยขวางประชาสงเคราะห์) ย่านเศรษฐกิจการค้าสำคัญ (ประตูน้ำ เพชรบุรีตัดใหม่)
ย่านเมืองเก่า (ถนนราชดำเนินกลาง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สนามหลวง โรงละครแห่งชาติ ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา โรงพยาบาลศิริราช สถานีรถไฟธนบุรี) ผ่านพื้นที่ซึ่งมีโบราณสถานและอาคารอนุรักษ์จำนวนมาก ซึ่งหากประสบปัญหาจากเทคนิคก่อสร้างที่ไม่ดีพอ จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
สรุปข่าวจากฐานเศรษฐกิจ: เร่งสปีดสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย 2.45 แสนล้าน
4. ลุยสร้างบ้านเช่า 100,000 หน่วยตามเป้า ควบคู่สร้างอาชีพผู้อยู่อาศัย
บมจ.เคหะสุขประชา ในเครือการเคหะแห่งชาติ เดินหน้าทำงานเต็มรูปแบบและเต็มกำลัง ในภารกิจโครงการ “บ้านเคหะสุขประชา” บ้านเช่า 100,000 หน่วย สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ได้เข้าถึงโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐานในราคาที่เหมาะสม
ทั้งยังสามารถพัฒนาทักษะอาชีพภายในชุมชนเพื่อสร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน โดยในช่วงแรกนี้ ได้ประเดิม “สร้างโอกาส สร้างอาชีพ” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
1) เปิดรับสมัครพนักงาน 500 อัตรา ได้แก่ ตำแหน่งผู้จัดการ วิศวกร/สถาปนิก เจ้าหน้าที่เทคนิค บัญชี ธุรการ แม่บ้าน/รปภ. เพื่อร่วมกันปฏิบัติงานใน 77 จังหวัด ทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกภูมิภาค รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล รองรับการจ้างงานที่ใกล้ครอบครัวและที่อยู่อาศัย เป็นการสร้างอาชีพพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นแบบครบวงจร
2) เปิดรับสมัครพร้อมลงทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง ดำเนินการก่อสร้างบ้านเคหะสุขประชา 100,000 หน่วย 77 จังหวัด ทั่วประเทศ
โดยมีหลักเกณฑ์และคุณสมบัติ ได้แก่ เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดที่จดทะเบียนในจังหวัดนั้น ๆ หรือจังหวัดใกล้เคียงในภาคนั้น ระยะทางไม่เกิน 200 กิโลเมตร และมีผลงานที่เคยก่อสร้างไม่น้อยกว่า 3 ปี ทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท และมีฐานะทางการเงินและงบการเงินที่ดี
3) เปิดรับสมัครพร้อมลงทะเบียนผู้ให้เช่าที่ดินระยะยาว 30 ปี กรุงเทพฯ และปริมณฑล ขนาด 5-50 ไร่ และต่างจังหวัด ขนาด 20-200 ไร่ เพื่อนำมาพัฒนา เป็นการสร้างมูลค่าให้กับที่ดินเปล่า และบริเวณใกล้เคียงอย่างยั่งยืน
โดยมีทำเลที่ดี และเป็นที่ดินเปล่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ปลอดภาระจำนอง และการคมนาคมสะดวก มีสาธารณูปโภคครบครัน ติดถนนอย่างน้อย 1 ด้าน ที่สำคัญคือน้ำไม่ท่วม
พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ต้องรู้ก่อนซื้อบ้าน
โครงการบ้านเคหะสุขประชา มีเป้าหมายสร้างจำนวน 100,000 หน่วย ภายในระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2564-2568 โดยสร้างปีละ 20,000 หน่วย รวมทั้งพัฒนาอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับผู้อยู่อาศัย
โดยจะมี 6 อาชีพ ได้แก่ เกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์ บริการชุมชนและชุมชนข้างเคียง ตลาด อุตสาหกรรมขนาดเล็ก และศูนย์การค้าปลีก-ส่ง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนตามภูมิสังคมของพื้นที่นั้น ๆ เริ่มตั้งแต่การผลิตไปจนถึงช่องทางการจัดจำหน่าย
สรุปข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ: เคหะสุขประชาประกาศเช่าที่ดิน กทม.-ตจว. 30 ปีพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เช่า
5. แนวโน้มตลาดอาคารสำนักงาน ยึด 4 ทำเลใจกลางเมือง ค่าเช่ายังปรับตัว
คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดพื้นที่สำนักงานในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2565 ผู้เช่าส่วนใหญ่ยังคงมีความต้องการต่อสัญญาเช่าพื้นที่ แต่ขณะเดียวกัน ยังคงมีความต้องการขอปรับลดขนาดพื้นที่ และราคาเช่าลงจากเดิม
ขณะที่ผู้เช่ารายใหญ่ที่มีการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ในแต่ละอาคารสำนักงานมีอำนาจการเจรจาต่อรองที่สูงขึ้น เพื่อที่จะได้รับเงื่อนไขที่ดีขึ้นจากเจ้าของอาคาร
อุปทานพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขยับมาอยู่ที่ 9.276 ล้านตารางเมตร หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.97% จากในช่วงไตรมาสก่อนหน้า จากการเปิด 3 โครงการอาคารสำนักงานใหม่ในกรุงเทพฯ มีซัพพลายใหม่ของพื้นที่ออกสู่ตลาดรวมอีก 89,488 ตารางเมตร
คาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีอุปทานพื้นที่สำนักงานใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จในพื้นที่กรุงเทพฯ กว่า 620,000 ตารางเมตร และในอนาคตอุปทานของอาคารสำนักงานทั้งหมดในกรุงเทพฯ 58% ของพื้นที่สำนักงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ เช่น พระราม 4 สุขุมวิท สีลม หรือสาทร เป็นต้น และ 82% เป็นพื้นที่สำนักงานเกรดเอ
ทั้งนี้ เจ้าของอาคารบางส่วนมีการเสนอส่วนลดค่าเช่าหรือราคาเช่าที่ถูกลงเพื่อรักษาผู้เช่าเดิมไว้ คาดว่าอุปสงค์ (ความต้องการใช้) ของพื้นที่สำนักงานจะยังคงไม่สามารถปรับตัวได้มากนักในปี 2565 พื้นที่ของอาคารสำนักงานในอนาคตจะถูกเปลี่ยนจากพื้นที่ดั้งเดิมไปเป็นพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นที่มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรและสังคมของพนักงานต่อธุรกิจและบุคลากร
ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา พื้นที่สำนักงานทั้งหมดในกรุงเทพฯ ถูกใช้ไปแล้วกว่า 8.578 ล้านตารางเมตร ส่งผลให้อัตราการเช่าโดยรวม ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 91.49% ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 0.67% พื้นที่สุขุมวิทยังคงเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเช่าสูงสุดในย่านศูนย์กลางธุรกิจที่ 94.23% ขณะที่พื้นที่รอบเมืองฝั่งทิศตะวันตก มีอัตราการเช่าสูงสุดในพื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจที่ 95.43%
โดยพบว่าในไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา มีพื้นที่สำนักงานถูกใช้ไป 20,051 ตารางเมตร ซึ่งอุปทานส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากกลุ่มธุรกิจสถาบันทางการเงิน กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และกลุ่มบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค และบริษัทดังกล่าวส่วนใหญ่ยังคงมองหาพื้นที่สำนักงานใหม่ในพื้นที่ใจกลางเป็นส่วนใหญ่
สำหรับราคาเสนอเช่าเฉลี่ยในทุกระดับ และพื้นที่ของอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.18% มาอยู่ที่ 751 บาทต่อตารางเมตร ที่ราคาเสนอเช่าที่สูงกว่าราคาเฉลี่ยของตลาด มาจากอาคารสำนักงานเกรดเอในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ ราคาค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 1,117 บาท โดยพื้นที่ลุมพินีมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 1,087 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า