กู้สินเชื่อ เพื่อสร้างหอพัก อพาร์ทเมนท์ให้เช่า การลงทุนที่คุณก็ทำได้

DDproperty Editorial Team
กู้สินเชื่อ เพื่อสร้างหอพัก อพาร์ทเมนท์ให้เช่า การลงทุนที่คุณก็ทำได้
แม้ว่ากิจการหอพัก แมนชั่น อพาร์ทเมนท์ เรสซิเดนท์ และโรงแรม จะใช้เงินลงทุนในระยะแรกเริ่มที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการมีรายได้เข้ามาในระยะยาวก็คุ้มค่า
และถึงจะต้องการขายที่ดินเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปว่าจะขาดทุน เพราะอาคารของหอพักที่สร้างบนที่ดินนั้นจะเป็นตัวที่เพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินอีกทางหนึ่ง ในบทความนี้ DDproperty มีความรู้เกี่ยวกับการกู้สินเชื่อ เพื่อสร้างหอพัก อพาร์ทเมนท์ให้เช่ามาฝากกัน

ความสำคัญของกิจการโรงแรมและหอพัก

ที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 เป็นปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของมนุษย์โดยตรง ดังนั้นประชาชนทุกกลุ่มจึงมีความต้องการที่อยู่อาศัยด้วยกันทั้งนั้น
แต่กลุ่มที่ภาครัฐให้ความสำคัญ คือ กลุ่มประชาชนที่ไม่มีรายได้เพียงพอที่จะเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย จึงมีความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทให้เช่า เช่น หอพัก อพาร์ทเมนท์ หรือแมนชั่น เป็นต้น
เพื่อส่งเสริมธุรกิจประเภทนี้ ในปี พ.ศ. 2529 ธนาคารอาคารสงเคราะห์จึงเริ่มให้สินเชื่อเพื่อการพัฒนากิจการอพาร์ทเมนท์ขึ้น โดยมีจุดประสงค์ต้องการเร่งสร้างที่อยู่อาศัยประเภทอพาร์ทเมนท์ให้แก่ผู้ที่รายได้น้อยและรายได้ปานกลางโดยเร็ว ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการให้กู้สินเชื่อ เพื่อสร้างหอพัก อพาร์ทเมนท์ให้เช่า
นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2533 มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อประเภทแฟลตให้เช่า หรืออพาร์ทเมนท์ ให้สอดคล้องกับกฎหมายควบคุมอาคารที่กำหนดให้อพาร์ทเมนท์ต้องมีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 60 ตารางวา และแต่ละห้องพักมีขนาดไม่ต่ำกว่า 20 ตารางเมตร หน้ากว้างไม่น้อยกว่า 3 เมตร ซึ่งจะช่วยให้ผู้พักอาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ถ้าต้องการกู้เพื่อสร้างหอพักหรือโรงแรมต้องขอสินเชื่อประเภทไหน

สถาบันการเงินและธนาคารต่าง ๆ มีสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการที่ต้องการกู้สร้างหอพัก อพาร์ทเมนท์ แมนชั่น หรือโรงแรมไว้บริการ สินเชื่อประเภทนี้จะเป็นคนละประเภทกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยทั่ว ๆ ไป ที่เราขอกู้ซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่เอง
แต่สินเชื่อประเภทนี้จะจัดอยู่ในหมวดหมู่สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ ภายใต้ชื่อต่าง ๆ ตามแต่ละธนาคาร เช่น
สินเชื่อธนาคาร
สินเชื่อแฟลตให้เช่า/อพาร์ทเม้นท์/บ้านเช่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์
สินเชื่อเพื่อธุรกิจอพาร์ทเมนท์ ธนาคารกสิกรไทย
สินเชื่อสำหรับธุรกิจ อพาร์ทเมนท์ธนาคารไทยเครดิต

กู้เพื่อจุดประสงค์อะไรได้บ้าง

เงื่อนไขของสินเชื่อจะแตกต่างไปตามแต่ละสถาบันการเงินและธนาคาร บางธนาคารนอกจากสามารถกู้ค่าก่อสร้างได้แล้ว ผู้ประกอบการยังสามารถกู้เพื่อการตกแต่งภายในหรือต่อเติมอาคาร รวมไปถึงการกู้เพื่อไถ่ถอนจำนองอาคารจากสถาบันการเงินอื่น เพื่อซื้อหรือชำระหนี้อาคารได้อีกด้วย

กู้ได้มากแค่ไหน เกณฑ์พิจารณาวงเงินกู้เป็นอย่างไร

วงเงินกู้สินเชื่อ เพื่อสร้างหอพัก อพาร์ทเมนท์ให้เช่านั้นก็จะแตกต่างกันไปตามเงื่อนไข และข้อกำหนดของธนาคาร บางธนาคารสามารถกู้ได้มากถึง 100% ของมูลค่างานก่อสร้างสำหรับการกู้เพื่อก่อสร้าง แต่บางธนาคารให้กู้เพียง 80% ของมูลค่าโครงการเท่านั้น นอกจากนี้บางธนาคารก็กำหนดอีกด้วยว่าที่ดินที่จะก่อสร้างนั้นจะต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้กู้
ส่วนเกณฑ์ที่ธนาคารใช้ประกอบการพิจารณาวงเงินกู้ ธนาคารอาจพิจารณาจากรายรับค่าเช่าห้องพักอาศัยที่เป็นไปได้จากการประเมินรายรับของกิจการ ถ้าเป็นหอพักจะประเมินจากการสำรวจข้อมูลของกิจการหอพักที่มีอยู่ในบริเวณใกล้เคียง อย่าง ธอส. จะกำหนดเขตพื้นที่ภายในรัศมี 10 กิโลเมตร และคิดอัตราการเช่าอยู่ที่ 80% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด แล้วจึงหักออกด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็จะได้เป็นรายรับคงเหลือสุทธิ
ถ้าเป็นโรงแรมก็จะพิจารณาโรงแรมในบริเวณใกล้เคียงด้วยหลักการเช่นเดียวกัน
เมื่อได้รายรับคงเหลือสุทธิออกมาแล้ว สิ่งที่จะพิจารณาลำดับต่อไป คือ รายรับคงเหลือสุทธิจะต้องมากกว่าจำนวนเงินที่จะต้องชำระหนี้ต่องวด โดยธนาคารจะใช้อัตราส่วน DCR (Debt Coverage Ratio) เข้ามาคำนวณ โดยให้รายรับคงเหลือสุทธิเป็นเศษ และหารด้วยจำนวนเงินชำระต่องวดเป็นส่วน
DCR = รายรับคงเหลือสุทธิ / จำนวนเงินชำระต่องวด
อัตราส่วนนี้จะบ่งชี้ว่า รายรับคงเหลือสุทธิที่คาดว่าจะทำได้นั้นจะสามารถนำไปชำระงวดหนี้ได้กี่ครั้ง ซึ่งถ้าหากค่า DCR ที่มากกว่าหมายถึงมีความสามารถในการชำระหนี้ที่สูงกว่า จึงมีแนวโน้มมากกว่าที่จะได้รับพิจารณาวงเงินกู้ตามที่ขอ
โดยทั้งนี้ธนาคารจะมีตัวเลขอัตราส่วน DCR กำหนดเอาไว้เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำโดยไม่ไม่อนุมัติวงเงินกู้ในกรณีที่ DCR ต่ำกว่าตัวเลขที่ตั้งไว้ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กำหนดไว้ว่า DCR จะต้องมากกว่า 1.20 เท่า ซึ่งหมายถึงต้องมีรายรับสุทธิมากกว่างวดชำระหนี้ 1.20 เท่า
อย่างไรก็ตาม DCR เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อและวงเงินกู้ ธนาคารยังพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆ อีก โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติของผู้กู้ซึ่งเราจะกล่าวถึงในลำดับต่อไป

กู้ได้นานแค่ไหน

สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการหอพัก อพาร์ทเมนท์ และโรงแรม ส่วนใหญ่แล้วธนาคารกำหนดระยะเวลากู้เอาไว้อยู่ในช่วง 7-10 ปี แต่ก็มีธนาคารหรือสถาบันการเงินบางแห่งที่ให้กู้นานถึง 15 ปี

ระยะปลอดเงินต้นคืออะไร นานเท่าไหร่

ช่วงเวลาระหว่างการก่อสร้างหอพักหรือโรงแรมนั้นเป็นช่วงเวลาที่รายรับยังไม่เกิดขึ้น และจะเกิดรายรับขึ้นก็ต่อเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์จนเปิดให้เช่าได้แล้ว
แต่เกิดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างขึ้นแล้วเป็นงวด ๆ ที่เจ้าของกิจการจ่ายให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง ธนาคารไม่ได้ยกเว้นการคิดดอกเบี้ยในช่วงเวลานี้ แต่หลายธนาคารจะยกเว้นการคิดดอกเบี้ยจากวงเงินกู้ และเรียกระยะเวลานี้ว่าเป็นระยะเวลาปลอดเงินต้น (Grace Period) ซึ่งดอกเบี้ยที่คิดจะคิดจากยอดจริงที่เบิกไปจ่ายให้แก่ผู้รับเหมาเท่านั้น
ดังนั้นการเลือกสินเชื่อที่มีระยะเวลาปลอดเงินต้นที่นานกว่าย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อผู้กู้ ซึ่งระยะเวลาปลอดเงินต้นนั้นมีตั้งแต่ 12-18 เดือน แตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคาร
เมื่อพ้นระยะปลอดหนี้แล้ว ธนาคารจะเริ่มคิดอัตราดอกเบี้ยจากวงเงินกู้ตามปกติ และผ่อนสินเชื่อตามวิธีการผ่อนลดต้นลดดอก
สำหรับการเบิกจ่ายงวดแก่ผู้รับเหมานั้นธนาคารจะพิจารณาจ่ายตามความคืบหน้าจริงของงาน โดยธนาคารจะมาตรวจงานแล้วจึงอนุมัติจ่ายเงินให้ผู้รับเหมาในแต่ละงวด ซึ่งเป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้รับเหมาไม่ทิ้งงาน

คุณสมบัติของผู้กู้ และเงื่อนไขอื่น ๆ

คุณสมบัติของผู้กู้สินเชื่อ เพื่อสร้างหอพัก อพาร์ทเมนท์ให้เช่าเป็นสิ่งที่ธนาคารกำหนดขึ้น มีความแตกต่างกันไปในรายละเอียดตามแต่ละธนาคาร จึงควรศึกษาเงื่อนไขของทางธนาคารอีกครั้ง
  • ผู้กู้สามารถกู้ในนามบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจอพาร์ทเมนต์หรือโรงแรมก็ได้
  • ผู้กู้เป็นผู้ที่มีประวัติการเงินดี และยินยอมให้ธนาคารตรวจสอบเครดิตบูโร
  • กรณีกู้สร้างหอพัก อพาร์ทเมนท์ และโรงแรม กรรมสิทธิ์ในที่ดินต้องเป็นของผู้กู้ หรือผู้เกี่ยวข้องทางตรง เช่น บิดา มารดา คู่สมรส บุตร เป็นต้น โดยจะต้องสามารถตรวจสอบสถานภาพได้ตามนิตินัย
  • พิจารณาถึงรายได้รายเดือนขึ้นต่ำของธุรกิจตามที่ธนาคารกำหนด
  • พิจารณาที่ตั้งของธุรกิจโดยจะต้องอยู่ในเขตพื้นที่ที่ธนาคารกำหนด
  • พิจารณาสาธารณูปโภคที่พื้นที่ที่โครงการตั้งอยู่ ได้แก่ ประปา ไฟฟ้า ถนน
  • พิจารณาประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจของผู้กู้
  • พิจารณารายได้ประจำ หรือรายได้จากธุรกิจอื่น หรือธุรกิจเดียวกันของผู้กู้

เอกสารประกอบการพิจารณาสินเชื่อเพื่อสร้างหอพัก อพาร์ทเมนท์และโรงแรม

กรณีบุคคลธรรมดา

  • สำเนาบัตรประชาชนของผู้กู้
  • สำเนาบัตรประชาชนของคู่สมรส (ถ้ามี)
  • รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนของผู้กู้
  • ประวัติผู้กู้ และประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ

กรณีนิติบุคคล

  • สำเนาหนังสือรับรองบริษัท (อายุไม่เกิน 3 เดือนนับแต่วันที่ออกเอกสาร)
  • สำเนารายชื่อผู้ถือหุ้น
  • สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ
  • สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม
  • สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีอำนาจลงนาม
  • งบการเงินย้อนหลัง 3 ปี
  • รายการเดินบัญชีนิติบุคคลย้อนหลัง 6 เดือน
  • รายการเดินบัญชีของกรรมการนิติบุคคลย้อนหลัง 6 เดือน
  • ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • สำเนาโฉนดที่ดินซึ่งเป็นหลักประกัน
  • รายละเอียดการก่อสร้าง ใบอนุญาตก่อนสร้าง และแผนผังสิ่งปลูกสร้าง
ข้อมูลอ้างอิง: ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยเครดิต
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย เชษฐพล มานิตย์ นักเขียนออนไลน์ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kittikom@ddproperty.com
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

คำถามยอดนิยม

ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อกำหนดของธนาคาร บางธนาคารกู้ได้มากถึง 100% ของมูลค่างานก่อสร้าง บางธนาคารให้กู้ 80%

ส่วนใหญ่ธนาคารจะกำหนดระยะเวลากู้เอาไว้ 7-10 ปี แต่ก็มีธนาคารหรือสถาบันการเงินบางแห่งที่ให้กู้นานถึง 15 ปี