ราคาที่ดินเฉลี่ยของกรุงเทพฯ ปรับตัวสูงขึ้นที่ประมาณ 5-7% และแน่นอนในทำเลที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคาสูงสุดคงหนีไม่พ้นทำเลที่ติดรถไฟฟ้า ซึ่งนอกจากสายสีม่วง ซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคมนี้ อีกหนึ่งทำเลที่มีความร้อนแรงกว่า นั่นคือ แนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินที่ราคาที่ดินมีการปรับตัวอย่างร้อนแรงที่สุดเมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งกรุงเทพฯ (เพิ่มขึ้นประมาณ 15%) โดยพื้นที่ที่ติดกับสถานีอินเตอร์เชนจ์อย่างท่าพระ และเป็นที่หมายปองของบรรดาดีเวลลอปเปอร์คือ ถนนรัชดา-ท่าพระ
ลักษณะการวิ่งของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะเป็นลักษณะวงแหวนวิ่งวนในกรุงเทพฯชั้นในผ่านย่านสำคัญต่างๆ
ไม่ใช่แค่ความสะดวกด้านการคมนาคมแต่ย่านรัชดา-ท่าพระ ยังสามารถเข้าถึงพื้นที่ริมน้ำได้โดยง่ายนั่นคือถนนเจริญนครและเจริญกรุง ซึ่งถนนสองฝั่งนี้ประกอบไปด้วยช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่และคอมมูนิตี้มอลล์เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างรวมถึงรองรับศักยภาพทางเศรษฐกิจของคนฝั่งธนฯที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าจำนวนการเกิดขึ้นของโครงการในถนนเส้นรัชดา-ท่าพระเพิ่มขึ้น โดยในช่วงหลังจะเป็นโครงการที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ ที่เข้าซื้อที่ดินเพื่อขึ้นโครงการในย่านนี้ในช่วง 2 ปีหลัง
โครงการที่เข้ามาและสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก่อนเพื่อนเลยคือ ไอดีโอ สาทร-ท่าพระ จากค่าย อนันดาฯ ซึ่งอยู่ตรงเยื้องๆ แยก รัชดา-ท่าพระ ต่อมาเป็นคิวของอีกยักษ์ใหญ่อย่างค่าย ศุภาลัย ที่ขึ้นโครงการเจาะกลุ่มเป้าหมายในระดับกลาง-ล่าง กับโครงการ ศุภาลัย ลอฟต์ ตลาดพลู และในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แมกโนเลียฯ ได้เปิดขายโครงการ วิสซ์ดอม รัชดา-ท่าพระ และ sold out เป็นที่เรียบร้อยด้วยทำเลฝั่งตรงข้ามกับ เดอะมอลล์ ท่าพระ และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนสถานีตลาดพลูเพียง 100 เมตร
ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการจากดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ที่เข้ามาชิงเค้กย่านท่าพระ
วิสซ์ดอม รัชดา-ท่าพระ
ไอดีโอ สาทร-ท่าพระ
ศุภาลัย ลอฟต์ ตลาดพลู
เนื่องจากราคาที่ดินต่อตารางวาในการซื้อขายนั้นค่อนข้างสูงส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์พัฒนาโครงการในรูปแบบไฮไรส์เพื่อรักษาจุดคุ้มทุน
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
บทความนี้เขียนโดย ชัยสิทธิ์ บุนนาค content writer ประจำ DDproperty หากมีข้อสงสัยหรือคำถามสามารถติดต่อได้ที่ chaiyasit@ddproperty.com
