ไฮไลท์…
– “Home Service” ยุค 4.0 ให้บริการหลังการขายครบวงจร นอกเหนือจากเรื่องบ้านด้วย
– กลยุทธ์ Home Service จะเป็นรูปธรรมมากขึ้นในปี 61
– ผลพลอยได้ของผู้อยู่อาศัย ได้ทั้งความสะดวกสบายในการบริการต่างๆ รวมไปถึงป้องกันปัญหาหลังการขาย
[ สกู๊ปพิเศษ] ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดอสังหาฯ ที่นับวันต่างดุเดือดขึ้นไปทุกที ผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายราย จึงพยายามหากลยุทธ์แปลกใหม่ มามัดใจกลุ่มผู้อยู่อาศัย เฉกเช่นเดียวกับนวัตกรรมการบริการหลังการขายอย่าง “Home Service” ยุค 4.0 ที่ผู้ประกอบการหลายรายได้เสิร์ฟความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัย โดยอยู่บนพื้นฐานของความทันสมัย และสอดคล้องกับสังคมไทยในยุค Thailand 4.0
ผู้ประกอบการอสังหาฯ ลงสนามแข่ง จัดเต็มบริการหลังการขาย
ภายหลังจากรัฐบาลได้ประกาศเดินหน้านโยบาย Thailand 4.0 รองรับโลกยุคใหม่ ที่อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีและความทันสมัย เพื่อเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาประเทศ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้อนขึ้น เหตุนี้เองจึงทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ช่วง Q4 ของปี 59 จนถึงปัจจุบัน เริ่มเห็นการงัดกลยุทธ์ของเหล่าผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเน้นนำเสนอบริการหลังการขายผ่านแอปพลิเคชันที่ถูกดีไซน์ขึ้นให้รองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย
Home service ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
แสนสิริ VS อนันดา ดูเหมือนสองดีเวลลอปเปอร์ยักษ์ใหญ่นี้ จะเป็นคู่สูสี ที่ผลัดกันใส่กลยุทธ์ด้าน Prop Tech เริ่มจากบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ผันตัวเข้าสู่ Tech Company ด้วยการเปิดตัว Siri Venture ซึ่งเป็นการถือหุ้นระหว่างแสนสิริและธนาคารไทยพาณิชย์ โดยเน้นทำวิจัยและการลงทุน เพื่อยกระดับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อการอยู่อาศัยเป็นหลัก ประเดิมผลงานชิ้นโบว์แดงด้วยการยกระดับศักยภาพ Home Service (บริการหลังการขาย) ให้กลายเป็น Smart Home Integration โดยเปิดตัวใช้ที่โครงการ 98 Wireless และโครงการ The XXXIX เป็นครั้งแรก
Haupcar ระบบ Car-Sharing ของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับฝั่งบริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ไม่น้อยหน้า ประกาศศักดาเป็นองค์กรรายแรกในรูปแบบ Urban Tech Company ตั้งแต่โครงสร้างของบริษัท ไปจนถึงการพัฒนาบริการหลังการขาย ด้วยการจับมือกับ Haupcar ระบบ Car-Sharing ให้บริการรถเช่าในรูปแบบการบริการตนเองผ่านทางสมาร์ทโฟน ที่อนุญาตให้ผู้ใช้บริการสามารถขับรถหรือแบ่งปันรถยนต์ใช้ระหว่างกันได้ตลอดเวลา ประเดิมใช้ที่โครงการ IDEO Q จุฬา-สามย่าน และ IDEO Mobi Sukhumvit อีสท์เกสต์ของ Ananda
แอพพลิเคชัน Sena 360 Service ของ เสนาดีเวลลอปเม้นท์
ส่วนผู้ประกอบการอสังหาฯ รายอื่น ใช่ว่าจะนิ่งเฉย ต่างงัดกลเม็ดเด็ด ต่อยอดความเป็น Prop Tech ส่งเสริมกลยุทธ์สร้างนวัตกรรมบริการหลังการขาย ขอร่วมลงศึกแย้งชิงการตลาดนี้เฉกเช่นเดียวกัน เริ่มจากบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำแอปพลิเคชัน Sena 360 Service อำนวยความสะดวกบริการแจ้งซ่อมออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงการนัดหมาย แจ้งเตือนลูกบ้านของเสนา ในการตรวจรับบ้านก่อนโอนด้วย ขณะเดียวกัน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้ส่งกลยุทธ์ Pruksa 4.0 ผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน อย่าง Smart-Home Application พร้อมพัฒนา Home Service Application ที่รวบรวมบริการต่างๆแบบครบวงจร นอกเหนือจากบริการเรื่องบ้านด้วย
“Home Service” ยุค 4.0 จัดเต็มเรื่องความ Smart
ดูเหมือนศึกของผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่ต่างออกแบบกลยุทธ์ “Home Service” ยุค 4.0 เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยจะมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีความ Smart มากขึ้นเข้าไปอีก พร้อมรองรับตลาดอสังหาฯ ในปี 61 ที่มีการคาดการณ์ว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ถึงแม้ในตลาดกรุงเทพฯ จะมี Supply ค่อนข้างสูงก็ตาม โดยกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นในรูปแบบของการ Join Venture กับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีด้านนั้นๆ
เฉกเช่นเดียวกับแสนสิริ ล่าสุดประกาศจับมือ Amazon และ Dalitech เพื่อนำร่องพัฒนาระบบสั่งงานต่างๆ ภายในที่อยู่อาศัยด้วยเสียงภาษาไทย กับเทคโนโลยี Artificial Intelligence อีกทั้งยังจับมือกับ 7 แบรนด์ดังระดับโลก อย่าง Standard International, One Night, Hostmaker, JustCo, Farmshelf และ Monocle มาต่อยอดรูปแบบการให้บริการ Home Service ที่จะเกิดขึ้นในปี 61 นี้ เฉกเช่นเดียวกับ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้จับมือกับฮันคิวเรียลตี้ พัฒนาที่อยู่อาศัยและบริการหลังการขาย Geo Fit โดยเน้นตอบสนองความต้องการผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง พร้อมรองรับสังคมผู้สูงอายุในยุค 4.0
ความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัย เมื่อได้สัมผัสนวัตกรรม “Home Service”
ผลพลอยได้ของผู้อยู่อาศัย เมื่อได้สัมผัส “Home Service” ยุค 4.0
แน่นอนว่าศึกการแย้งชิงส่วนการแบ่งการตลาดอสังหาฯ ด้วยการจัดเต็มกลยุทธ์ Home Service ที่มีความทันสมัย ตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบันและอนาคตนั้น แน่นอนว่าในด้านของผู้ประกอบการ เป็นการเพิ่มช่องทางในการขายทั้งกลุ่มลูกค้าในไทยและต่างประเทศ อันเป็นการแสดงออกถึงความพร้อมของผู้ประกอบการอสังหาฯ ส่วนผลพลอยได้ของผู้อยู่อาศัย นอกจากจะได้ความสะดวกสบายในการบริการต่างๆ แล้ว รวมไปถึงป้องกันสารพัดปัญหาหลังการขาย ที่มักพบบ่อยกับการบริหารจัดการของนิติบุคคลแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำรูปแบบของการอยู่อาศัยของคนเมือง อันเอื้อต่อนโยบาย Thailand 4.0 ที่รัฐบาลกำลังผลักดันอยู่ ณ ขณะนี้
แน่นอนว่า เทรนด์การตลาดอสังหาฯ ที่ส่งเสริมการบริการหลังการขาย หรือ Home Service ยุค 4.0 นั้น อาจจะต้องจับตาดูกันต่อไปว่าในปีหน้า ผลลัพธ์ของแต่ละโปรเจกต์ ที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต่างดึงนวัตกรรม ลูกเล่นต่างๆ มามัดใจผู้อยู่อาศัยนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ และจะเป็นไปในทิศทางใด รวมไปถึงความเสถียรของระบบต่างๆ จะสามารถสอดคล้องกับความต้องการผู้อยู่อาศัยในระดับที่เป็นน่าพอใจหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ต้องติดตามกันต่อไป
เรื่องข้างต้นเขียนโดย อารยา ศิริพยัคฆ์ Content Writer ประจำเว็บไซต์ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ araya@ddproperty.com
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
