5 การเปลี่ยนแปลงสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่วงการอสังหาฯ

24 Feb 2017

ไฮไลท์:
– ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัจจัยลบหลายด้านมีผลต่อความเชื่อมั่นของคนไทยทำให้การใช้จ่ายลดลง และมีผลต่อเนื่องไปถึงเศรษฐกิจโดยรวม

– ช่วงเวลาที่ผ่านมาผู้ประกอบการรายใหญ่ครองความเป็นเจ้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทยิ่งมีความชัดเจนขึ้นทุกขณะเมื่อมีการควบรวมกิจการ


[สกู๊ปพิเศษ]
ในช่วง 1 – 2 ที่ผ่านมา มีหลายอย่างหลายปัจจัยที่ส่งผลใหผู้ประกอบการหลายรายเริ่มหาทางออก หรือปรับรูปแบบการดำเนินกิจการไปจนถึงการปรับสัดส่วนของรูปแบบโครงการที่พัฒนาเพราะปัจจัยลบต่าง ๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สอดรับกับกำลังซื้อในปัจจุบันตามสภาวะเศรษฐกิจ
และนี่คือ 5 การเปลี่ยนแปลงที่จะสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่วงการอสังหาฯที่จะเกิดขึ้นใน 2017 นี้

1.การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นผลมาจากดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ ปรับโครงสร้างองค์กรมาตั้งแต่ปี 2016 และมีความชัดเจนมากขึ้นในปี 2017 พร้อมทั้งขยายแนวรบธุรกิจ ด้วยการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งแนวราบ และแนวสูง ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ทั้งตลาดบน – กลาง – ล่าง เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตมากขึ้นและกระจายความเสี่ยง ที่ผ่านมาหลายบริษัทที่เคยโฟกัสอยู่แต่ตลาดบน ก็ขยับขยายลงมาเล่นตลาดแมสมากขึ้น ขณะที่บริษัทไหนเคยเน้นตลาดแมส ก็ขยายมาทำตลาดบนมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น ค่ายพฤกษาที่มีการปรับโครงสร้าง จาก “พฤกษา เรียลเอสเตท” เป็น “พฤกษา โฮลดิ้ง” เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจมากกว่านี้ โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1. กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริหารเซ็กเมนต์ Value คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 60%
2. กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท – พรีเมี่ยม บริหารเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 30%
3. กลุ่มธุรกิจใหม่ (New Business) รองรับธุรกิจที่ไม่ใช่โครงการซื้อมาขายไปเหมือนกับการทำโครงการที่อยู่อาศัยอย่างที่ผ่านๆ มา โดยคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 10%

>>อ่านรีวิวโครงการบ้านใหม่ คอนโดใหม่ของพฤกษา<<
2. นาทีทองของผู้ประกอบการรายใหญ่ ปัจจุบันจะเห็นการควบรวมกิจการ ร่วมมือกันของรายใหญ่ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับบริษัทไทยด้วยกัน หรือจะร่วมมือกับนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งการควบรวมกิจการของบริษัทรายใหญ่เองนั้น ยังเป็นการช่องทางในการระดมทุน หรือออกหุ้นกู้ รวมถึงมีเครดิตสูงกว่าในการขอสินเชื่อ สวนทางกับรายกลาง – เล็กที่การหาแหล่งเงินทุนเป็นได้ยากขึ้น อีกทั้ง การให้สินเชื่อจากแบงก์เพื่อนำมาพัฒนาโครงการ (Project Loan) ค่อนข้างยากขึ้น เนื่องจากธนาคารมีความระมัดระวังมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อด้วย

เฉกเช่น ล่าสุด บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เข้าถือหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท ลุมพินี โปรเจค มาเนจเมนท์ เซอร์วิส จำกัด (“LPS”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มบริษัท แอล.พี.เอ็น. ที่ประกอบธุรกิจให้บริการด้านการบริหารงานก่อสร้าง ซึ่งการเข้าถือหุ้นในครั้งนี้ นับว่าเป็นการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ในปัจจุบันและช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงาน รวมทั้งเป็นการขยายธุรกิจให้กว้างขวางขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มในอนาคตด้วย

Artboard 1 copy 2

3.การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ปัจจุบันความต้องการในอสังหาริมทรัพย์ เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และซื้อเพื่อการลงทุนในกลุ่มคนไทย แต่วันนี้มี Demand จากต่างประเทศ เช่น กลุ่มผู้ซื้อชาวจีนเข้ามาซื้อ Property Sector ในไทย ส่งผลให้ Demand Landscape ในไทยเปลี่ยนแปลงไป

อย่างปรากฏการณ์ที่น่าจับตามองเมื่อบิ๊กแบรนด์อย่าง แสนสิริ บุกหนักในปี 2017 นี้ เตรียมไล่ล่าหาผู้ซื้อต่างประเทศเข้ามาเติมเต็มตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ผ่านมาได้กลุ่มผู้ซื้อจากประเทศฮ่องกงเป็นหลัก โดยสถิติเมื่อปี 2559 มียอดขายจากฮ่องกง 2,200 ล้านบาท รองมาเป็นประเทศจีน 1,600 ล้านบาท ตามด้วยสิงคโปร์ 700 ล้านบาท ไต้หวัน 600 ล้านบาท ญี่ปุ่น 200 ล้านบาท และ อื่น ๆ เช่นยุโรปอเมริกัน 100 ล้านบาท

ขณะที่ในปี 2017 แสนสิริพุ่งตรงที่ประเทศจีน วางเป้ายอดขายที่ 3,000 ล้านบาทเนื่องจากจีนมีประชากรจำนวนมาก และยังมีอีกหลายเมืองใหญ่ให้ขยายตลาดจึงมองว่ามีโอกาสสูงมาก แถมสกุลเงินหยวนมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ทำให้ชาวจีนต้องการถ่ายเทเงินหยวนออกมาลงทุนนอกประเทศเป็นผลดีกับอสังหาฯ ไทยอย่างแน่นอน

4.การเปลี่ยนแปลงด้านจุดขาย และรูปแบบการพัฒนาโครงการ เป็นผลพวงมาจากราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในโซน CBD (Central Business District) ใจกลางกรุงเทพฯ ทำให้การพัฒนาที่ดินและโครงการ เป็นรูปแบบสิทธิการเช่าระยาวมากขึ้น

จากราคาที่ดินใจกลางเมืองนับวันก็จะมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นที่ดินที่มีการซื้อขายสูงที่สุดในประเทศก็มีตารางวาละเกือบ 2 ล้านบาทแล้ว แปลงใหญ่ๆ ก็หายาก หรือได้มาก็ต้องพัฒนาสินค้าที่มีราคาแพง เพื่อให้คุ้มกับต้นทุนที่ดิน แต่ก็ใช่ว่าจะหมดหนทางในการพัฒนาเสมอไป เพราะยังพอมีทางออกในแง่การเช่าที่ดินระยะยาวเพื่อการลงทุนพัฒนา ด้วยเหตุนี้ที่ดินที่มีลักษณะลีสโฮลด์ (Leasehold) หรือแบบเช่าระยะยาวย่านใจกลางเมือง จึงเป็นที่จับตามองของเหล่านักพัฒนาที่ดิน

5. การเปลี่ยนแปลงด้านอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ย่อมส่งผลต่อ Demand ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะการปรับดอกเบี้ยทุก 1% จะมีผลต่อ Demand ลดลง 5 – 8% ทั้งยังทำให้ภาวะหนี้ครัวเรือนของผู้บริโภคระดับกลาง – ล่าง ที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่แล้ว จะมีภาระสูงขึ้นจากการปรับอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ สถานการณ์ภาวะหนี้ครัวเรือนในไทย ยังอยู่ในระดับสูงอยู่

แต่อย่างไรดี ในปีนี้ นับว่าเป็นโอกาสทองของผู้บริโภค เพราะจะมีสินค้าออกมาสู่ตลาดให้เลือกมากมายกายกอง ครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว – ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม เพิ่มช่อง“ทางเลือก” ให้มากขึ้นในการพิจารณาตัดสินใจเลือกโครงการ ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่จริง หรือซื้อเพื่อการลงทุน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึง คือ นกน้อยทำรังแต่พอตัว เลือกซื้อให้เหมาะ ให้สมกับฐานะและความสามารถในผ่อน เพราะจะได้ไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

POST COMMENT

You may also like these articles

บิ๊กบอสอนันดาฯ ขยายไลน์ทำเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์

“อนันดา” แจงปี59รายได้โตก้าวกระโดดยอดโอนเติบโต 65% หรือมีรายได้จากการโอน

Continue Reading23 Feb 2017

ไซมิสฯ บุกตลาดตปท. ดูดนักลงทุนซื้อคอนโดในไทย

&nbsp; ไซมิสฯ เดินหน้าขยายพอร์ต บุกนักลงทุนต่างประเทศ เล็งเปิด 5 โครงการ มู

Continue Reading23 Feb 2017