Home care เทรนด์ใหม่รับสังคมผู้สูงอายุ

22 May 2017

Home care

จากข้อมูลของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ระบุว่าปัจจุบันไทยมีจำนวนผู้สูงอายุราว 11 ล้านคน หรือประมาณ 16% ของประชากรทั้งประเทศ และคาดว่าภายในปี 2574 จะเพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้านคน หรือประมาณ 28% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ

จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) พบว่า ผู้สูงอายุกว่า 90% ต้องการอาศัยอยู่ในบ้านของตนเองหลังจากที่เกษียณอายุ แต่ด้วยขนาดครัวเรือนที่มีขนาดเล็กลงเหลือเพียง 3 คน เมื่อลูกหลานต้องออกไปทำงานจึงไม่มีเวลาดูแลผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเพียงลำพัง โดยเฉพาะผู้สูงอายุติดบ้านและติดเตียงซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการการดูแลมากที่สุด

โดยในปี 2560 ไทยมีผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงประมาณ 371,978 คน ค่าใช้จ่ายในการดูแล 59,519 ล้านบาท/ปี และอีก 20 ปีข้างหน้า คือในปี 2580 จะเพิ่มเป็น 837,484 คน และค่าใช้จ่ายจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 199,717 ล้านบาท/ปี ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

Thailand's Aging Society_infographic

 

Home care ถูกกว่า-ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ

Home care เป็นธุรกิจที่เข้ามาดูแลผู้สูงอายุที่บ้านตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุในสังคมไทยที่นิยมอยู่บ้านมากกว่าเนื่องจากได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ไม่ต้องปรับตัวมากเมื่อเทียบกับสถานบริบาลผู้สูงอายุ (Nursing home) หรือโรงพยาบาล ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า โดยมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเฉลี่ยราว 3 เท่า และมีค่าบริการต่ำกว่า Nursing home ราว 10%

ธุรกิจ Home care มีแนวโน้มพัฒนารูปแบบการให้บริการที่ครอบคลุมมากกว่าแค่การดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ ธุรกิจ Home care ของสหรัฐอเมริกาที่ให้บริการตั้งแต่ให้ความช่วยเหลือในกิจวัตรประจำวัน การนัดพบแพทย์ การจัดเตรียมยา การบริการที่ใช้ทักษะพยาบาลและการทำกายภาพบำบัด เพื่อป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพ รวมไปถึงการทำงานบ้าน การเตรียมอาหาร และการให้บริการที่ดูแลในด้านจิตใจด้วย โดยจะเป็นในลักษณะของการเป็นเพื่อนผู้สูงอายุ

แม้ว่าตลาด Home care ในไทยจะยังมีขนาดเล็ก โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพียงราว 20% ของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ รองจาก Nursing home แต่ปัจจุบันธุรกิจ Home care เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นและมีแนวโน้มเติบโต สะท้อนได้จากการเติบโตของรายได้ราว 7% ต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ต่างจาก Nursing home ที่มีอัตราการเติบโตลดลง

ทั้งนี้ การเติบโตของ Home care ยังมีส่วนทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเติบโตไปด้วย อาทิ ธุรกิจโรงพยาบาล ธุรกิจอุปกรณ์ทางการแพทย์ ธุรกิจปรับปรุงที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ และธุรกิจวัสดุก่อสร้าง

Home care_03

 

Home care กับอสังหาฯ ไทย ไปด้วยกันได้

กลุ่มผู้สูงอายุแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มที่อยู่ได้อย่างอิสระ ไม่ต้องพึ่งพา สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ และไม่ต้องจำกัดพื้นที่ 2.กลุ่มที่ต้องพึ่งพาผู้อื่นในการทำกิจวัตรประจำวัน และต้องจำกัดพื้นที่การอยู่อาศัย โดยกลุ่มใหญ่ที่สุดจะเป็นกลุ่มที่อยู่ได้อย่างอิสระ ไม่ต้องพึ่งพา ซึ่งรูปแบบของอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนามาเพื่อรองรับคนกลุ่มนี้คือ กลุ่มที่ปรับปรุงที่อยู่อาศัยเดิมให้รองรับกับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ กลุ่มที่ให้บริการดูแลระยะสั้นหรือระหว่างวัน และกลุ่มที่สร้างที่อยู่อาศัยเป็นชุมชนผู้สูงอายุ ซึ่งมีความต้องการสูงถึงประมาณ 85-95% ของตลาดรวม

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายเข้ามาให้ความสำคัญกับสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ทั้งการพัฒนาฟังก์ชั่นบ้านให้เหมาะกับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ และการสร้างชุมชนสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ซึ่งผนวกรวมการดูแลสุขภาพเข้าไปด้วย อาทิ ณุศาศิริ, บิวเดอสมาร์ท, ธารารมณ์, เอสซี แอสเสท และแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

นอกจากนี้ ด้วยนโยบายของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้าน Medical and Wellness Tourism จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะกลายเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติในวัยเกษียณด้วย จากสถิติการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว ประเภทใช้ชีวิตบั้นปลาย (ผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป) ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือที่เรียกว่า Long Stay Visa พบว่า มีชาวต่างชาติที่ขอวีซ่าประเภทนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 36,253 ราย ในปี 2554 เป็น 46,642 ราย ในปี 2556 หรือเพิ่มขึ้น 30% โดยจังหวัดที่กลุ่มผู้สูงอายุชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาพัก ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา นครราชสีมา (เขาใหญ่) และหัวหิน ชะอำ ประกอบกับเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทย สำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว Long Stay Visa จาก 1 ปี เป็น 10 ปี ให้กับชาวอังกฤษ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย นอร์เวย์ จีน สวีเดน เนเธอร์แลนด์ อินเดีย อิตาลี แคนาดา และไต้หวัน ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีเงินฝากในบัญชี 3 ล้านบาทขึ้นไป ยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้กับ Home care ในไทยมีโอกาสเติบโตขึ้นได้อีกมาก

จะเห็นได้ว่า Home care คือสิ่งจำเป็นสำหรับไทยในการดูแลผู้สูงอายุที่มีมากขึ้นในแต่ละปี เป็นทั้งการลดค่าใช้จ่ายและการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุ รวมทั้งยังเป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้อีกด้วย

 

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

POST COMMENT

You may also like these articles

“เมื่อคิดต้องทำ…เมื่อคันต้องเกา” นโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ

พูดกันถึงประเด็น ที่ทางรัฐบาลหยิบหยกขึ้นมาพิจารณาในช่วงสงกรานต์ หรือ

Continue Reading16 Apr 2017