หนาว ๆ ร้อน ๆ หนี้เสียสิ้นปีนี้พุ่งสูงสุด

15 Aug 2017

สิ่งที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่งในปีนี้คือปัญหา “หนี้เสีย” ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีที่ผ่านมา บ่งบอกถึงสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยธุรกิจที่ประสบปัญหาหนักจนก่อให้เกิดหนี้เสียส่วนใหญ่คือ SME ขนาดเล็ก ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. คาดว่า หนี้เสียปีนี้จะพุ่งสูงสุดในไตรมาส 4

หนี้เสียจากธุรกิจเหมืองแร่และ SME ขนาดเล็ก
ครึ่งหลังปี 2560 แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อเกิดรายได้ (Non-Performing Loan) หรือเอ็นพีแอล ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและจะขึ้นสูงสุดในไตรมาส 4 หลังจากในช่วงไตรมาส 2/2560 เอ็นพีแอลอยู่ที่ 2.95% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 2.94% ของสินเชื่อรวม หนี้เสียส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ในภาคเหมืองแร่และบางอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และสินเชื่อธุรกิจ SME ขนาดเล็ก ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในภาคพาณิชย์และบางอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์เช่นกัน ขณะที่เอ็นพีแอลของสินเชื่อธุรกิจ SME ในภาพรวมเริ่มปรับลดลงจากธุรกิจขนาดกลาง คุณภาพสินเชื่ออุปโภคบริโภคปรับดีขึ้นในสินเชื่อทุกประเภท ยกเว้นสินเชื่อรถยนต์

ภาพรวมสินเชื่อ ธ.พาณิชย์ ยังไปได้ดี
ภาพรวมสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ยังขยายตัวได้ดี โดยคาดว่าจะยังขยายตัวได้ในระดับ 4-6% หลังจากไตรมาส 2/2560 ที่ผ่านมา สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 3.3% และไตรมาส 1/2560 อยู่ที่ 2.8% สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่องมากขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน รวมถึงมาตรการภาครัฐที่สนับสนุนการปล่อยสินเชื่อ เช่น มาตรการของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่ช่วยให้ภาคธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น

ผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ในไตรมาส 2/2560 ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิ 49,000 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 51,000 ล้านบาท จากการกันสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอย่างต่อเนื่อง แต่ระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีความมั่นคง มีเงินสำรองและเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง สามารถรองรับการขยายตัว ของสินเชื่อและสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย

คุณภาพสินเชื่ออุปโภคบริโภคปรับดีขึ้นในสินเชื่อทุกประเภท ยกเว้นสินเชื่อรถยนต์

คุณภาพสินเชื่ออุปโภคบริโภคปรับดีขึ้นในสินเชื่อทุกประเภท ยกเว้นสินเชื่อรถยนต์

สินเชื่อธุรกิจขยายตัว-อุปโภคบริโภค ทรงตัว
ด้านสินเชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อธุรกิจ ซึ่งคิดเป็น 67.5% ของสินเชื่อรวม โดยมีการขยายตัว 2.7% สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ หากไม่รวมธุรกิจการเงิน จะขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7% จากภาคอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจในบางภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก (เช่น อิเล็กทรอนิกส์) ก่อสร้างถนน และภาคบริการ สำหรับสินเชื่อธุรกิจ SME ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากธุรกิจที่พักแรมและอาคารสำนักงาน มาอยู่ที่ 3.2% จากสิ้นปี 2559

สินเชื่ออุปโภคบริโภค ซึ่งคิดเป็น 32.5% ของสินเชื่อรวม ทรงตัวอยู่ที่ 4.4% โดยขยายตัวต่อเนื่องในสินเชื่อรถยนต์หลังจากสิ้นสุดเงื่อนไขระยะเวลา 5 ปี ในการถือครองรถยนต์ตามมาตรการรถยนต์คันแรก ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยและบัตรเครดิตขยายตัวชะลอลงต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ธปท. ระบุว่า หากไม่นับรวมเอ็นพีแอลของธุรกิจรายใหญ่ จะทำให้ภาพรวมของหนี้เสียทั้งระบบลดลงมาอยู่ที่ 2.86% ของสินเชื่อรวม ถือว่าลดลงจากไตรมาสแรกที่มีสัดส่วน 2.94% ของสินเชื่อรวม ส่วนช่วงที่เหลือปีนี้ เอ็นพีแอลจะเพิ่มขึ้นมาจากกลุ่มธุรกิจ SME ขนาดเล็ก ซึ่งในระยะข้างหน้า หากพิจารณาจากเอ็นพีแอลใหม่มีอัตราการขยายตัวชะลอลง และธนาคารมีการบริหารจัดการหนี้ เช่น การขายหนี้ และการตัดหนี้สูญ หากเศรษฐกิจฟื้นตัวก็จะช่วยให้เอ็นพีแอลลดลงในอนาคต โดยคาดว่าเอ็นพีแอลจะทรงตัวและปรับลดลงในต้นปี 2561

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

POST COMMENT

You may also like these articles