[บทความประชาสัมพันธ์พิเศษ] “พร้อมพงษ์” ยังคงเป็นหนึ่งทำเลบนถนนสุขุมวิทที่ได้รับความนิยมจากผู้อยู่อาศัยและกลุ่มนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณนี้อย่างครบครัน โดยกลุ่มผู้อยู่อาศัยในตลาดคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่นิยมอาศัยอยู่ย่านพร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย แต่จุดเด่นสำคัญของย่านพร้อมพงษ์ นั่นคือ การมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนอยู่อาศัยย่านนี้
ขณะที่กลุ่มเดอะมอลล์กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการศูนย์การค้าทั้งสองแห่ง มีเป้าหมายที่จะพัฒนาย่านพร้อมพงษ์ให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งช้อปปิ้งสำคัญถนนสายสุขุมวิท ภายใต้ชื่อ “ดิ เอ็ม ดิสทริค” ที่ประกอบด้วย 3 ศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์ ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์ และดิ เอ็ม สเฟียร์ ซึ่งในส่วนของดิ เอ็ม สเฟียร์ ที่ยังไม่ได้เริ่มพัฒนานั้น ทำเลที่ตั้งอยู่ฝั่งเดียวกับดิ เอ็มโพเรียม (บริเวณที่เคยเปิด Dinosaur Planet สวนสนุกไดโนเสาร์) ล่าสุดได้ประกาศแผนพัฒนาที่ชัดเจนแล้วว่า กลุ่มเดอะมอลล์กรุ๊ปได้ร่วมทุนกับกลุ่ม AEG ยักษ์แห่งธุรกิจบันเทิงและกีฬาระดับโลกจากอเมริกา มาสร้าง World Class Arena ในพื้นที่ของโครงการดิ เอ็ม สเฟียร์ ภายใต้ชื่อ EM Live มีความจุ 6,000 ที่นั่ง
การดึงกลุ่ม AEG เข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับศูนย์แต่ละแห่งในดิ เอ็ม ดิสทริค และบูมพื้นที่บริเวณนี้ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยเพราะต้องการให้กลุ่ม AEG เข้ามาส่งเสริมให้ย่านพร้อมพงษ์เป็นศูนย์กลางของอีเวนท์ด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ บันเทิง ดนตรี กีฬา ศิลปวัฒธรรม การประชุมสำคัญของประเทศไทยที่จะดึงดูดกลุ่มผู้จัดงานอีเวนท์มืออาชีพทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามา รวมถึง คนที่จะเข้ามาใน EM Live ที่จะเป็นกลุ่มคนระดับไฮเอนด์
เป้าหมายการลงทุนในลักษณะนี้ของกลุ่มเดอะมอลล์กรุ๊ป จะทำให้ย่านพร้อมพงษ์ถูกยกระดับรอบใหม่ จากแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ สู่ศูนย์กลางพื้นที่การจัดงานระดับโลก และนี่จะเป็นแม่เหล็กใหม่ของย่านพร้อมพงษ์ที่ดึงฐานคนใหม่ ๆ เข้าสู่พื้นที่ และแน่นอนว่าจะส่งผลบวกกับความต้องการที่อยู่อาศัยในย่านนี้เพิ่มขึ้นอีก เพราะหากดูโมเดลศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ในต่างประเทศ พื้นที่รอบศูนย์ประชุมแห่งนั้น ความต้องการขยับขึ้น อัตราการเช่า (Occupancy Rate) มีสัดส่วนที่สูงมาก ราคาอสังหาริมทรัพย์โดยรอบก็ปรับขึ้นตามไปด้วย (คำนวณค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยทั้งวงเงินกู้สูงสุดและการผ่อนชำระรายเดือน)
จะเห็นว่า แนวทางในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ แม้ผู้ประกอบการไทยจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดนั้น ๆ อยู่ก่อนแล้ว แต่การมีพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง มีเครือข่ายระดับโลก จะเข้ามาส่งเสริมให้โครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นมีจุดเด่นที่ชัดเจน มีแม่เหล็กใหม่ ๆ ที่แตกต่างที่เดิมที่เคยมีในตลาด อาศัยเครือข่ายระดับโลกที่มีดึงฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เข้าสู่ตลาดไทย ทำให้ผู้พัฒนาโครงการมั่นใจได้ว่า มีฐานลูกค้าที่แน่นอน
เช่นเดียวกับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ จะเห็นว่า แนวโน้มการร่วมทุนมาแรงมาก และเป็นการร่วมทุนระหว่าง “กลุ่มทุนใหญ่ของไทย” กับ “กลุ่มทุนใหญ่ต่างประเทศ” อย่างกลุ่มไรมอน แลนด์ และกลุ่มโตเกียว ทาเทโมโนะ (Tokyo Tatemono) เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ และอาคารสำนักงานในญี่ปุ่นกว่า 100 ปี โดยจะเห็นว่า ทั้งสองกลุ่มต่างมีความแข็งแกร่งในตลาดของตัวเองอยู่แล้ว เมื่อมาผนึกรวมกัน ย่อมทำให้โครงการคอนโดมิเนียมที่จะเกิดใหม่สร้างอิมแพ็คให้กับตลาดมาก
เป้าหมายในการร่วมมือครั้งนี้ระหว่าง กลุ่มไรมอน แลนด์ และกลุ่มโตเกียว ทาเทโมโนะ (Tokyo Tatemono) เป็นมากกว่าแค่เพียงใส่เม็ดเงินลงทุนร่วมกัน แต่เป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนแนวคิดในการทำธุรกิจ การทำงาน การทำตลาดที่อยู่อาศัยที่เป็นดีเอ็นเอเฉพาะตัวของกันและกัน เช่น วิธีสร้าง Sales Gallery หรือสำนักงานขายโครงการที่อยู่อาศัยที่น่าสนใจ หรือแม้แต่การทำตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ในญี่ปุ่นที่ให้คนซื้อที่อยู่อาศัยเลือกปรับแต่งในยูนิตของตัวเองได้ตามความต้องการ รวมถึง ความเข้าใจแบบเจาะลึกในความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติอื่น ๆ ของกลุ่มโตเกียว ทาเทโมโนะ (Tokyo Tatemono) ที่จะช่วยให้การทำตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ของไรมอน แลนด์ก้าวไปสู่อีกขั้นหนึ่ง
ในการร่วมทุนกันของกลุ่มไรมอน แลนด์ และกลุ่มโตเกียว ทาเทโมโนะ (Tokyo Tatemono) เริ่มต้นด้วย 2 โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซัวรี่ คิดเป็นมูลค่ารวม 9,100 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ The Estelle Phrom Phong (ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์) บนทำเลศักยภาพใจกลางสุขุมวิท ในซอยสุขุมวิท 26 มูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท และโครงการ TAIT 12 (เทตต์ ทเวลฟ์) บนย่าน CBD สำคัญอย่างสาทร 12 มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท และยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ๆ ร่วมกันอีกในอนาคต โดยโครงการที่เริ่มต้นลงทุนด้วยกันนั้น ล้วนเป็นทำเลศักยภาพทั้ง 2 แห่ง เป็นที่รู้จักของกลุ่มเป้าหมายที่ชาวต่างชาติทั้งญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์
โดยเฉพาะทำเลพร้อมพงษ์ ที่มีฐานลูกค้าทั้งผู้อยู่อาศัยชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก และกลุ่มนักลงทุนไทยและต่างชาติที่สนใจลงทุนในคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ย่านใจกลางเมือง และศักยภาพที่จะเพิ่มมากขึ้นบนทำเลพร้อมพงษ์จากการมี EM Live ในดิ เอ็มสเฟียร์ จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้กับตลาดคอนโดมิเนียม
สำหรับโครงการ The Estelle Phrom Phong เป็นคอนโดมิเนียมระดับลักซัวรี่บนทำเลสุขุมวิท 26 ย่านพร้อมพงษ์ มีจุดเด่นพิเศษด้วยรูปแบบเลย์เอาท์สไตล์เซนของญี่ปุ่นที่ปรับแต่งได้ตามไลฟ์สไตล์ เดินทางสะดวก ห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีพร้อมพงษ์เพียง 200 เมตร เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งคนไทยและต่างชาติที่ต้องการที่อยู่อาศัยย่านใจกลางเมือง กลุ่มเจ้าของกิจการ กลุ่มผู้บริหาร และกลุ่มนักลงทุนคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ที่ต้องการลงทุนระยะยาว เน้นคอนโดมิเนียมปล่อยเช่าที่มีฐานผู้เช่าชัดเจน
โครงการ The Estelle Phrom Phong เป็นโครงการร่วมทุนของกลุ่มไรมอน แลนด์ และกลุ่มโตเกียว ทาเทโมโนะ (Tokyo Tatemono) ที่พัฒนาในนาม บริษัท ไรมอน แลนด์ ทเวนตี้ ซิกซ์ จำกัด เป็นอาคารคอนโดมิเนียมแบบฟรีโฮลด์ (ถือครองกรรมสิทธิ์ได้) บนพื้นที่รวมกว่า 1 ไร่ ความสูง 37 ชั้น จำนวนห้องชุด 157 ยูนิต รูปแบบห้องมีทั้งแบบ 1 ห้องนอน แบบ 2 ห้องนอน แบบ 2 ห้องนอน+อีก 1 ห้องอเนกประสงค์ แบบ 3 ห้องนอน และแบบ 4 ห้องนอน ส่วนความเป็นส่วนตัวด้วยลิฟต์โดยสารแบบเอ็กซ์คลูซีพให้แต่ละยูนิต พิเศษด้วยความสูงจากพื้นจรดเพดานมากถึง 3.15 เมตรในแบบ Simplex และมากถึง 6 เมตรในแบบ Duplex
สิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมตอบโจทย์การอยู่อาศัย เช่น ตกแต่งล้อบบี้สไตล์เซนของญี่ปุ่น, ออกแบบพื้นที่จอดรถที่มีสวนปิดกั้นเพื่อความร่มรื่น, สกายยิม, พื้นที่โยคะที่ผ่อนคลายด้วยมุมมองเมืองแบบพาโนรามา, สวนหย่อมสไตล์ญี่ปุ่นที่ชั้น 8, สระว่ายน้ำสระเด็ก (พร้อมระบบปราศจากคลอรีน), ห้องอาบน้ำแบบญี่ปุ่นและอ่างแช่เย็น, สระว่ายน้ำน้ำเกลือและซาวน่า, ห้องรับประทานอาหารและพื้นที่จัดงานส่วนตัว, ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงด้วย กล้องวงจรปิด (CCTV) ที่ลานจอดรถล็อบบี้ลิฟท์และห้องโถงใหญ่, ทางเดินเชื่อม Wi-Fi ที่ล็อบบี้และสระว่ายน้ำ
ฉีกกฎการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมด้วยการมีพื้นที่ให้กับสัตว์เลี้ยง, ตัวเลือกระดับไฮเอนด์ด้วยเฟอร์นิเจอร์ครัวจากยุโรป สิ่งอำนวยความสะดวกเฉพาะยูนิตที่เลือกได้ เช่น สุขภัณฑ์ ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และห้องนอน ที่จอดรถ 125% ของจำนวนยูนิต ที่จอดรถซุปเปอร์คาร์ และที่จอดรถพร้อมที่ชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมบริการแบบ Concierge ดูแลให้ความช่วยเหลือ เติมเต็มการอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์ให้กับลูกบ้าน ในราคาเริ่มต้นเพียง 15.5 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างประมาณไตรมาส 2 ของปี 2562 และคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 1 ปี 2565 ทั้งนี้ The Estelle Phrom Phong เปิด Pre-Sales 28 ต.ค.นี้ ณ โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท 24 สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ www.theestelle.com/phromphong
ติดตามทุกเรื่องราวเกี่ยวกับอสังหาฯ โดยสามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน หรือดาวน์โหลดรายงานดัชนีอสังหาริมทรัพย์และรายงานภาพรวมตลาดอสังหาฯ จากเรา เพื่อช่วยเพิ่มมุมมองในทุกมิติของการซื้อ – ขาย – เช่า