5 ข้อดีของการทำงานใน Co-working Space

7 Nov 2018

Co-working Space พื้นที่ทำงานยุคใหม่ ที่ฉีกกฎไปจากออฟฟิศรูปแบบเดิม ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ทั้งกลุ่ม Freelancer นักธุรกิจ และผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการพื้นที่อิสระ ไม่ซ้ำซากจำเจ สร้างสรรค์ไอเดียได้แบบไร้ขีดจำกัด และสามารถจัดการระบบการทำงานด้วยตนเองได้อย่างเต็มที่ ทำให้ปัจจุบันเห็นภาพ Co-working space เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก มีทั้งที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่ ส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าหรือทำเลที่เข้าถึงได้อย่างสะดวก ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยสามารถสรุปข้อดีของการทำงานใน Co-working Space ได้ 5 ข้อ ดังนี้

1. Creativity

Co-working space ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างไอเดียใหม่ ๆ จากการทำงานที่มีอิสระ ไร้ซึ่งความกดดัน บรรยากาศรอบตัวสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียด สามารถเปิดเพลงคลอเบา ๆ ขณะทำงาน หรือหากทำงานแล้วเกิดอาการเครียด ก็สามารถผ่อนคลายได้ด้วยการหยุดพัก งีบหลับสักครู่ กินขนม ดื่มกาแฟ หรือจะพักดูซีรีย์ก็ได้ อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ผ่านการพูดคุย แลกเปลี่ยนไอเดียร่วมกับเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้า ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่เป็นทางการและไม่มีความกดดัน ซึ่งจะช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

2. Low price High quality

แน่นอนว่าระดับราคาค่าเช่า Co-working space ถูกกว่าการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานหลายเท่าตัว โดยผู้มาใช้พื้นที่ Co-working space ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลทั่วไปที่พร้อมจะจ่ายค่าเช่าแบบรายชั่วโมงหรือรายวัน ซึ่งโดยปกติแล้วอัตราค่าบริการเช่าพื้นที่ทำงานจะเริ่มต้นที่ 200-300 บาท/วัน/คน หรือหากเป็นรายชั่วโมงจะเริ่มต้นที่ 80-90 บาท

นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจแบบรายสัปดาห์และรายเดือน ซึ่งระดับราคาค่าเช่าอยู่ที่หลัก 1,000 บาทเท่านั้น ในขณะที่บริการที่ได้รับนั้นถือว่าคุ้มค่า เพราะ Co-working space ส่วนใหญ่มักจะมีบริการขนม เครื่องดื่ม อีกทั้งยังมีเครื่องปริ้นท์ เครื่องถ่ายเอกสาร รวมถึงอุปกรณ์สำนักงานอื่น ๆ ที่จำเป็นเตรียมไว้ให้ใช้ด้วย

3. Flexible hours

รูปแบบการทำงานของคนรุ่นใหม่ต้องการความยืดหยุ่นสูง ซึ่งตอบรับกับรูปแบบของ Co-working space ที่ถูกออกแบบมาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การทำงานของกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวเป็นอย่างดี เช่น เวลาเปิด-ปิด เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงดึก หรือบางแห่งเปิดให้บริการถึง 24 ชั่วโมง ดังนั้น การกำหนดเวลาต่าง ๆ จึงขึ้นอยู่กับตัวผู้เข้ามาใช้บริการเอง

4. Connection

Co-working space ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนและสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่เข้ามาใช้บริการด้วยกันเอง ซึ่งบางครั้งต่างคนต่างทำธุรกิจ หรือทำงานที่แตกต่างกัน แต่เมื่อมีโอกาสพบปะ พูดคุย และเห็นผลงานของกันและกันบนพื้นที่เล็ก ๆ อย่าง Co-working space ย่อมนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้ เป็นผลดีต่อการทำงานในระยะยาว ช่วยขยายเครือข่ายการทำงานให้กว้างขวางขึ้น เหมือนเป็นการสร้างชุมชนเล็ก ๆ ของคนทำงานรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพ

5. Adaptability

พื้นที่ของ Co-working space ส่วนใหญ่มักออกแบบให้มีหลายโซน ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่การใช้งานได้ตามความต้องการ รวมถึงสร้างห้องทำงานที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย เช่น ห้องประชุม ห้องนำเสนองาน หรือมุมพักผ่อน

placeholder_imagegallery_1

ตัวอย่างการพัฒนา Co-working space ที่น่าสนใจโดยผู้พัฒนา Spaces Chamchuri Square กับการสร้างสรรค์พื้นที่ทำงานรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ “Spaces” บนอาคารจามจุรีสแควร์ >>>รวมโครงการที่อยู่อาศัยใกล้จามจุรีสแควร์

โดดเด่นด้วยการออกแบบทางกายภาพและบรรยากาศภายในที่เหมาะสม เหมาะทั้งสำหรับการนัดพบปะพูดคุยทางธุรกิจอย่างมืออาชีพ และพื้นที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ การันตีผ่านรางวัล Best Co Working Space Development จากงาน PropertyGuru Thailand Property Awards 2018 ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงเทรนด์สถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ที่คาดว่าในอนาคตจะได้รับความนิยมมากขึ้น

>>>เจาะลึกแนวโน้มที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ จากรายงาน DDproperty Property Index

เพิ่มเติมความรู้ คู่มือซื้อ ขาย เช่าบ้าน-คอนโดฯ พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ และสามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

POST COMMENT

You may also like these articles

ส่องทำเลวิภาวดีรังสิต ถนนธุรกิจสายใหม่ใจกลางเมือง

เมื่อที่ดินที่มีศักยภาพมีจำกัด โดยเฉพาะในเขตเมือง ทำให้เกิดการขยับขย

Continue Reading9 Oct 2018