สรุปข่าวเด่นอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 29 พ.ย.-3 ธ.ค. 64

4 Dec 2021

3 สมาคมอสังหาฯ เสนอมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ระยะสั้น-ยาว

เกาะติดแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ปี 65 จับตาทำเลราชดำริ เตรียมผุดมิกซ์ยูสแห่งใหม่ คืบหน้ารถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน พื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่

Subscription Banner for Article

1. 3 สมาคมอสังหาฯ เสนอมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ระยะสั้น-ยาว

สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า ในปี 2565 แม้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีสัญญาณที่ดี แต่ยังมีปัจจัยลบจำนวนมาก อาทิ ปัญหาหนี้ครัวเรือน การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องมีมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมกับสมาคมอาคารชุดไทยและสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร จึงเตรียมเสนอ 3 มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย

มาตรการที่ 1 ต่ออายุ ขยายมาตรการ ลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย และค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% ที่จะหมดอายุลงวันที่ 31 ธันวาคม 2564

มาตรการที่ 2 ขอเพิ่มมาตรการใหม่ ลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% เหลือ 0.01% เหมือนปี 2553 ซึ่งมองว่าได้ผล เพราะช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการนำมาลดแลกแจกแถมให้กับผู้ซื้ออีกต่อ

มาตรการที่ 3 มีมาตรการผ่อนผัน การปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการที่ลูกค้าชั้นดี เพราะแม้มีมาตรการคลายล็อก LTV แต่ในที่สุดแล้วสถาบันการเงินจะมองที่ขีดความสามารถในการผ่อนชำระเป็นเกณฑ์ โครงการใดมีลูกค้าผิดนัดชำระเงินกู้มากก็จะเป็นภาพลบสำหรับโครงการหรือบริษัทนั้น

ขณะเดียวกันมาตรการระยะยาว ต้องการให้รัฐบาลยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีนิติบุคคล ฯลฯ เพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าไปช่วยการเคหะแห่งชาติ (กคช.) พัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทเช่า โดยนำต้นทุนจากการยกเว้นภาษี มาจัดหาที่ดินทำเลในเมืองช่วยให้สะดวกมากขึ้น

ทั้งนี้ ประเมินว่าหากรัฐบาลออกมาตรการใหม่ ๆ ต่อเนื่อง จะช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2565 เติบโตขึ้นประมาณ 10-20% จากมูลค่าตลาดรวม 7 แสนล้านบาท

สรุปข่าวจากฐานเศรษฐกิจ: ปลุกอสังหา ดันเศรษฐกิจ ชงลดภาษีธุรกิจเฉพาะ ต่อเวลาลดค่าโอน-จดจำนอง

 

2. เตรียมผุดมิกซ์ยูสแห่งใหม่ ทำเลราชดำริ ศูนย์กลางธุรกิจกรุงเทพฯ

เจแอลแอล บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า วชิราวุธวิทยาลัยได้คัดเลือกให้บริษัท นันทวัน จำกัด (Thai Obayashi) เป็นผู้เช่าและพัฒนาโครงการบนที่ดินขนาด 6 ไร่บนถนนราชดำริ อายุสัญญาเช่า 50 ปี โดยมีแผนที่จะสร้างอาคารสำนักงานเกรดเอ โรงแรม และพื้นที่การค้า

โดยที่ดินแปลงดังกล่าวตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากทิวทัศน์สีเขียวของราชกรีฑาสโมสร โดยวชิราวุธวิทยาลัยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ได้แต่งตั้งให้เจแอลแอลเป็นตัวแทนจัดหาผู้เช่าด้วยวิธีเชิญผู้สนใจยื่นข้อเสนอตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ประกอบด้วยที่ดินสองแปลงติดกัน

โดยแปลงแรกมีบริษัท นันทวัน จำกัดเป็นผู้เช่าอยู่เดิม ประกอบด้วยที่ดินขนาด 3 ไร่ 70 ตารางวา พร้อมอาคารสำนักงาน ส่วนที่ดินอีกแปลงมีขนาด 2 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา พร้อมอาคารอพาร์ตเมนต์ ซึ่งทั้งสองอาคารจะถูกแทนที่โดยโครงการมิกซ์ยูสขนาดพื้นที่รวมกว่า 100,000 ตารางเมตร

ทั้งนี้ เงื่อนไขในการเสนอให้เช่าที่ดิน เปิดช่องให้ผู้เช่าสามารถเก็บอาคารที่มีอยู่เดิมเพื่อปรับปรุง แต่บริษัท นันทวัน จำกัด ในฐานะผู้เช่าใหม่ เลือกที่จะพัฒนาโครงการขึ้นมาใหม่ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่จากการที่ที่ดินอยู่ติดริมถนนราชดำริ จึงสามารถสร้างอาคารในอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน (Floor Area Ratio: FAR) ที่สูงถึง 10 ต่อ 1 ตามกฎหมายผังเมืองของกรุงเทพฯ

สรุปข่าวจากมติชน:“ไทยโอบายาชิ” คว้าที่ดินวชิราวุธวิทยาลัยย่านราชดำริ พท.กว่า 6 ไร่ เตรียมพัฒนามิกซ์ยูส

 

3. ประเมินโอมิครอนกระทบเศรษฐกิจไทย คาดยังเติบโต

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน แนวโน้มดีขึ้น จากการทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว โดยลดวันกักตัวลง การส่งออกขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการซื้อในต่างประเทศ

ขณะที่การใช้จ่ายในประเทศและการผลิตปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนในเดือนตุลาคมชะลอลง ธปท. ยังคงจับตาความเสี่ยงใน 3 เรื่อง

1) ความเร็วในการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลกระทบจากการใช้มาตรการดูแลการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยความเข้มข้นของมาตรการในแต่ละประเทศ ส่งผลต่อเศรษฐกิจในระยะต่อไป

แม้ในขณะนี้ทั่วโลกยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนถึงผลกระทบของโอมิครอน แต่มองว่าในปี 64 ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณ 1 เดือน จึงไม่กระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจทั้งปีมากนัก อัตราการขยายตัวที่ 0.7% ในปีนี้น่าจะทำได้ และภาพรวมอาจจะสูงขึ้นกว่านี้ได้เล็กน้อย

2) ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการขาดแคลนวัตถุดิบการผลิต โดยเฉพาะเซมิคอน ดักเตอร์ และฮาร์ดดิสก์ ไดรฟ์ ที่จะกระทบต่อการส่งออกในช่วงต่อไป

3) ราคาน้ำมันดิบโลกและวัตถุดิบบางประเภทที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า

โดยในการประชุมนโยบายการเงินธปท.ปลายเดือนธ.ค.นี้ จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจ ซึ่งจะประเมินผลกระทบจากโอมิครอนอีกครั้ง

สรุปข่าวจากไทยรัฐ: มองแง่ดีโต 0.7% ปีนี้ได้สบาย ธปท.จับตาโอมิครอน-วัตถุดิบขาด-น้ำมันแพง

อัปเดตรถไฟฟ้าสายสีเหลือง

ทดลองรถไฟฟ้าสายสีเหลือง via: การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

 

4. คืบหน้าทดสอบระบบเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เตรียมเปิดใช้ปี 65

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ทดสอบการเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง เป็นครั้งแรก ใช้เส้นทางศูนย์ซ่อมบำรุง (Depot) ผ่านไปยังสถานีศรีเอี่ยม สถานีศรีอุดม สถานีสวนหลวง ร.9 สถานีศรีนครินทร์ 38 และสถานีศรีนุช รวมระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร จากระยะทางทั้งหมด 30.4 กิโลเมตร เพื่อตรวจสอบความเข้ากันได้ของโครงสร้างงานโยธากับขบวนรถไฟฟ้า และระบบจ่ายไฟฟ้า ด้วยความเร็วไม่เกิน 25 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้งนี้ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สามารถทำความเร็วได้ถึง 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง

การทดสอบครั้งนี้ ใช้ขบวนรถที่จะเปิดให้บริการจริง ภายในห้องโดยสารกระจกกว้างสามารถชมทัศนียภาพภาพนอกได้อย่างชัดเจน มีจำนวน 4 ตู้ต่อขบวน ตัวรถกว้าง 3.16 เมตร น้ำหนัก 14,500-15,000 กก./ตู้ โดยระยะแรกจะเปิดให้บริการ 4 ตู้/ขบวน รองรับผู้โดยสารได้ 17,000 คน/ชั่วโมง/ทิศทาง และสามารถเพิ่มตู้โดยสารได้สูงสุด 7 ตู้/ขบวน จะรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 28,000 คนต่อขบวนต่อทิศทาง

ทั้งนี้ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง จะมีทั้งหมด 30 ขบวน ปัจจุบันเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว 22 ขบวน คาดว่าจะครบถ้วนประมาณไตรมาสแรกของปี 2565 และจะพร้อมเปิดให้บริการประมาณกลางปี 2565

สรุปข่าวจากประชาชาติธุรกิจ: รฟม.วิ่งทดสอบระบบ “รถไฟฟ้าสายสีเหลือง” ก่อนเปิดบริการกลางปี’65

 

5. จับตาวาระแห่งชาติ โครงการนำสายไฟฟ้าลงดิน ช้ากว่าแผน

การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มีแผนดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ระยะทางรวม 236.1 กิโลเมตร กรอบระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2527-2567 รวม 8 แผน ดำเนินการแล้วเสร็จเพียง 48.6 กิโลเมตร ได้แก่ โครงการถนนสีลม ปทุมวัน และจิตรลดา 16.2 กิโลเมตร, โครงการพหลโยธิน พญาไท และสุขุมวิท 24.4 กิโลเมตร, โครงการปทุมวัน จิตรลดา พญาไท (เพิ่มเติม) และบางส่วนของโครงการนนทรี 8 กิโลเมตร ทั้ง 3 แผน ล่าช้ากว่าแผน 187.5 กิโลเมตร

สำหรับแผนงาน/โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ระยะทาง 187.5 กิโลเมตร ประกอบด้วย แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ปี 2551-2556 (ฉบับปรับปรุง) รวมระยะทาง 25.2 กิโลเมตร อยู่ระหว่างดำเนินการ 17.2 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จ ปี 2565 ได้แก่ โครงการนนทรี 6.3 กิโลเมตร โครงการพระราม 3 เป้าหมายระยะทาง 10.9 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คิดเป็น 64.51% (จากแผนงานฯ 68.38%) ช้ากว่าแผน 3.87%

แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินรัชดาภิเษก รวมระยะทาง 22.5 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จ ปี 2565 ประกอบด้วยโครงการรัชดาภิเษก-อโศก 8.2 กิโลเมตร โครงการรัชดาภิเษกพระราม 9 เป้าหมายระยะทาง 14.3 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คิดเป็น 26.28% (จากแผนงานฯ 29.46%) ช้ากว่าแผน 3.18%

แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน รวมระยะทาง 127.3 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จปี 2565 อยู่ระหว่างจัดหาผู้รับจ้างและการก่อสร้าง คิดเป็น 26.03% (จากแผนงานฯ 33.57%) ช้ากว่าแผน 7.54% ได้แก่ โครงการพื้นที่เมืองชั้นใน ถนนวิทยุ ถนนพระราม 4 และถนนอังรีดูนังต์ 12.6 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการในพื้นที่เชื่อมโยงระบบส่งระหว่างสถานีไฟฟ้าต้นทาง เช่น ถนนเจริญราษฎร์ ถนนเพชรบุรี 7.4 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ส่วนโครงการในพื้นที่ก่อสร้างร่วมกับหน่วยงานสาธารณูปโภคอื่น ได้แก่ โครงการในพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้า โครงการในพื้นที่ร่วมกรุงเทพมหานคร และโครงการในพื้นที่การประปานครหลวง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 86.8 กิโลเมตร จัดหาผู้รับจ้าง 20.5 กิโลเมตร

แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินฉบับปฏิบัติการเร่งรัด รวมระยะทาง 20.5 กิโลเมตร มีกำหนดการแล้วเสร็จ ปี 2566 ได้แก่ โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงถนนรัตนาธิเบศร์ (ถนนราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก) 4.4 กิโลเมตร โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ถึงถนนติวานนท์ 10.6 กิโลเมตร โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวถนนสุขุมวิท (ซอยสุขุมวิท 81-ซอยสุขุมวิท 107) 5.5 กิโลเมตร ทั้งหมดอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

จากปัญหาความล่าช้า รัฐบาลนำปัญหาดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อหาทางออก และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาทรรศนะอุจาด (Visual pollution) สายไฟฟ้า เสาไฟฟ้า สายสื่อสาร และเสาโทรคมนาคม

สรุปข่าวจากฐานเศรษฐกิจ: นายกฯ เร่งสายไฟลงดิน หลังช้ากว่าแผน “เจริญชัย” ชูหม้อแปลงอัจฉริยะตอบโจทย์

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

POST COMMENT

You may also like these articles

สรุปข่าวเด่นอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 15-19 พ.ย. 64

เกาะติดภาพรวมเศรษฐกิจไทย กูรูมีมุมองอย่างไร ปัจจัยบวกและสถานการณ์โคว

Continue Reading20 Nov 2021