เกาะติดภาพรวมเศรษฐกิจไทย กูรูมีมุมองอย่างไร ปัจจัยบวกและสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2565 การพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับผู้สูงวัย และรถไฟฟ้าสายใหม่ DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่
1. ราคาที่อยู่อาศัยปี 2565 เตรียมปรับราคาขึ้น
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ แนะจับตาการปรับราคาของที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ เมื่อต้นทุนก่อสร้างขยับตัวไปรอแล้วในช่วงก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ปูน วัสดุที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมีและค่าขนส่งที่กำลังจะขยับตาม รวมไปถึงราคาที่ดิน
แนวโน้มราคาบ้านจึงน่าจะปรับขึ้นในปี 2565 ผู้ประกอบการจะเริ่มตัดโปรโมชั่น การลดราคา และแจกของแถมลง ดังนั้นการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงปลายปี 2564 จึงถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด
จากสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 3/2564 และแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาสที่ 4/2564 และ 2565 ในส่วนของการเปิดตัวโครงการใหม่ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา พบว่า จำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 23,001 หน่วย โดยไตรมาสที่ 3/2564 มีจำนวนโครงการเปิดใหม่เพียง 4,288 หน่วย
โดยผลจากการเปิดประเทศ การผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) และมาตรการต่าง ๆ ที่นำมากระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้กำลังซื้อภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว ในไตรมาสที่ 4/2564 จำนวนการเปิดโครงการใหม่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 20,050 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นถึง 39% เมื่อเทียบกับกับไตรมาสที่ 4/2563
ตลอดทั้งปีจะมีโครงการเปิดใหม่รวม 43,051 หน่วย ลดลง 35% เมื่อเทียบกับปี 2563 ส่วนในปี 2565 คาดว่าจะมีโครงการเปิดใหม่รวม 85,912 หน่วย เติบโตเกือบ 100%
อัปเดตมาตรการรัฐ ช่วยคนซื้อบ้าน-คอนโด
2. ที่พักอาศัยผู้สูงอายุมาแรง รองรับสังคมสูงวัย
กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาที่พักอาศัย ผู้สูงอายุรามา-ธนารักษ์ ซึ่งเป็นการนำพื้นที่ราชพัสดุมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ปัจจุบันมีห้องคงเหลือ 407 ห้อง จากทั้งหมด 921 ห้อง หลังจากเปิดจองสิทธิรอบใหม่เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ใน 3 ระดับราคา คือ
- ราคา 1.82 ล้านบาท มีห้องคงเหลือ 60 ห้อง
- ราคา 1.99 ล้านบาท มีห้องคงเหลือ 207 ห้อง
- ราคา 2.10 ล้านบาท จำนวน 23 ห้อง จองเต็มทุกยูนิต
แสดงให้เห็นว่าเป็นที่นิยมสำหรับผู้สูงอายุ และประชาชนที่มีรายได้น้อย ด้วยทำเลที่ตั้งโครงการ อยู่ในทำเลปลายสายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ถือเป็นโครงการต้นแบบ ซึ่งถ้าหากมีประชาชนต้องการเพิ่ม กรมธนารักษ์ ยังสามารถจัดสรรที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในลักษณะได้อีก
ปัจจุบันที่ดินราชพัสดุประมาณ 12 ล้านไร่ กระจายอยู่ทั่วภูมิภาค รัฐมีนโยบายในการนำที่ดินของภาครัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประชาชน ทั้งการจัดสรรที่ดินเพื่อทำกินและสร้างเป็นที่อยู่อาศัย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน นับเป็นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากจากโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนที่ราชพัสดุให้มีศักยภาพ และยังเป็นโครงการนำร่องในการรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศ
สรุปข่าวจาก แนวหน้า: ธนารักษ์ลุยที่พักอาศัยผู้สูงอายุ เล็งจัดสรรที่ดินราชพัสดุทำโปรเจกท์ต่อ
3. คืบหน้ารถไฟฟ้าสายสีเทา นำร่องวัชรพล-ทองหล่อ
คืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว “โมโนเรลสายสีเทา” (Monorail) ซึ่งได้ข้อสรุปการดำเนินโครงการในช่วงแรกแล้ว โครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว โมโนเรลสายสีเทาจะใช้ช่วงสถานี วัชรพล-ทองหล่อ เป็นเส้นทางนำร่องในช่วงแรก ระยะทางรวม 16.3 กิโลเมตร วงเงินการก่อสร้าง 27,500 ล้านบาท มีสถานีทั้งหมด 15 สถานี ใช้ระยะเวลาในการเดินทางไป–กลับ ประมาณ 62 นาที
คาดว่าจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 8,000-30,000 คน/ชั่วโมง/ทิศทาง ใช้ระบบควบคุมการเดินรถอัตโนมัติ (Automatic Train Control: ATC) และมีระบบการเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (Automatic Fare Collection System)
ทั้งนี้ เส้นทางการเดินรถไฟมีทั้งสิ้น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ ระยะที่ 2 ช่วงพระโขนง-พระราม 3 และระยะที่ 3 ช่วงพระราม 3-ท่าพระ รวมระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าทั้งหมด 3 ระยะนี้จะเปิดให้บริการได้ในปี 2573
ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือโมโนเรล เป็นการดำเนินงานตามแผนพัฒนาโครงการในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐ (PPP) สอดคล้องตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 มีการศึกษาวิเคราะห์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะร่วมกันทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกับภาครัฐได้อย่างยั่งยืนและครอบคลุมในระยะยาว สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วนได้ผ่านระบบขนส่งสาธารณะซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานภายในประเทศ และต่อยอดไปสู่การเชื่อมโยงระบบขนส่งในภูมิภาค
4. ปัจจัยบวกดันจีดีพีขยายตัว ฟื้นกำลังซื้อผู้บริโภค
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb analytics) เปิดเผยว่า การเปิดประเทศได้เร็ว อัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น และแรงกระตุ้นต่อเนื่องจากมาตรการภาครัฐ เป็นปัจจัยบวกหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายของปี ทำให้อัตราขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2564 ขยายตัว 1.0% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 0.3%
ในส่วนของการบริโภคมีแนวโน้มดีขึ้นในทุกหมวดสินค้า ทำให้ภาพรวมการบริโภคฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ได้เร็ว และยังคงมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในส่วนของสินค้าคงทน หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มมีทิศทางดีขึ้น (pent up demand) สอดรับการเปิดประเทศที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ฟื้นคืนกลับมา
ด้านการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ตามอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัว และการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัว สอดคล้องดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจมีทิศทางดีขึ้น รวมทั้งได้รับผลเชื่อมโยงจากการปรับแผนโครงการลงทุนใน โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ระยะสอง (ปี 2565-2569) วงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท จากระยะแรก 1.7 ล้านล้านบาท
มุ่งเน้นการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม วิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ โดยมีมูลค่าการลงทุน 500,000 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมทั้งส่วนของการลงทุนทั้งในโครงสร้างพื้นฐาน ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และในอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve)
สรุปข่าวจากประชาชาติ: ทีทีบี ประเมินเศรษฐกิจปีหน้าโต 3.6% ชี้มีแรงหนุนจากทุกเครื่องยนต์
5. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 65 ยังคงเปราะบาง
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในปี 2565 แนวโน้มค่อนข้างเปราะบางเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 กระทบตลาดแรงงานค่อนข้างรุนแรง ปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยมาจากคนไม่มีงาน แต่ต้องการเงินจึงทำให้ต้องกู้ยืม
โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นแบบ K-shape ภาคอุตสาหกรรมกับการส่งออกฟื้นตัวได้ดี ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มด้อยกว่า มีทั้งผู้ประกอบการที่ไปได้ดี และไปได้ไม่ดีนักคละเคล้ากันไป ทำให้การประเมินทิศทางเศรษฐกิจปีหน้าจึงต้องให้น้ำหนักกับความไม่แน่นอนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยมาจาก 3 เรื่อง คือ การควบคุมโควิดในประเทศ มาตรการภาครัฐ และภาคต่างประเทศ พร้อมเผย 4 ประเด็นสำคัญเศรษฐกิจไทย ดังนี้
1) จากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แบงก์ชาติเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3/2564
2) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพิ่งเริ่มต้น ยังไม่มั่นคงนัก ความไม่แน่นอนมีสูงพอสมควร
3) อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจากราคาพลังงาน น้ำมัน พืชผักผลไม้ แต่แบงก์ชาติเชื่อว่าเป็นการเร่งตัวชั่วคราว สุดท้ายอัตราเงินเฟ้อจะกลับมาอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ความจำเป็นขึ้นดอกเบี้ยจึงไม่มี ดังนั้น คาดว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำจะคงอยู่ไปถึงสิ้นปี 2565
4) ปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ระดับยุคก่อนโควิด-19 ในปี 2562 ซึ่งสถานการณ์โควิดปี 2563-2564-2565 ถือว่าเป็นปีที่ยากลำบากของประเทศไทยที่กินเวลายาวนานกว่าประเทศอื่นในโลก
สรุปข่าวจากประชาชาติ: 4 เสาหลักฟื้นอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 รัฐบาล-ธปท.-ดีเวลอปเปอร์-สถาบันการเงิน
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า