ใกล้สิ้นปี 2564 แต่หนี้ครัวเรือนยังสูง ธปท.เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือ พร้อมจับตาเทรนด์เศรษฐกิจ และธุรกิจอสังหาฯ ยังติดโผธุรกิจดาวรุ่ง DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่
1. ราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู เพิ่มขึ้นกว่า 218%
รถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งพาดผ่านพื้นที่ 6 เขตในกรุงเทพฯ และ 2 อำเภอ ในจังหวัดนนทบุรี คาดว่าจะเปิดให้บริการตั้งแต่กลางปี 2565 แบ่งเป็น 3 เฟส ได้แก่
– เฟส 1 ช่วงมีนบุรี-ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ระยะทาง 21 กิโลเมตร วางแผนเปิดบริการเดือนมิถุนายน 2565
– เฟส 2 ขยายเส้นทางไปถึงกรมชลประทาน รวมเป็นระยะทาง 29 กิโลเมตร กำหนดเปิดบริการเดือนสิงหาคม 2565
– เฟส 3 เปิดบริการเต็มรูปแบบตลอดเส้นทางจนถึงศูนย์ราชการนนทบุรี-สี่แยกแคราย เดือนกรกฎาคม 2566
จากรายงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่า ราคาที่ดินตามเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถิติตั้งแต่ปี 2555-ไตรมาส 3 ปี 2564 เพิ่มขึ้น 218.8% หากจำแนกเป็นแต่ละสถานีมีดังนี้
– สถานีวงแหวนตะวันออก ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 103,220 บาท/ตารางวา
– สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 93,625 บาท/ตารางวา
– สถานีรามอินทรา 83 ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 87,313 บาท/ตารางวา
– สถานีบางชัน ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 79,810 บาท/ตารางวา
– สถานีแคราย ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 77,896 บาท/ตารางวา
– สถานีลาดปลาเค้า ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 74,056 บาท/ตารางวา
– สถานีแจ้งวัฒนะ 14 ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 72,574 บาท/ตารางวา
– สถานีทีโอที ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 71,655 บาท/ตารางวา
– สถานีแยกปากเกร็ด ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 70,967 บาท/ตารางวา
– สถานีศรีรัช ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 63,489 บาท/ตารางวา
– สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 62,900 บาท/ตารางวา
– สถานีสามัคคี ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 60,000 บาท/ตารางวา
– สถานีแจ้งวัฒนะปากเกร็ด 28 ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 45,536 บาท/ตารางวา
การเปลี่ยนแปลงของราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง 2561 ถึงไตรมาส 4 ปี 2564 เหตุผลเพราะเป็นช่วงเวลาที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูมีความชัดเจนที่จะเริ่มพัฒนา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์รถไฟฟ้าสายสีชมพูมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินอย่างมีนัยสำคัญ
2. หนี้ครัวเรือนยังสูง ธปท. เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน ห่วงผลกระทบจากโควิด-19 ยังมีต่อเนื่อง หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง จำเป็นต้องออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมระยะยาวให้มีความยั่งยืน สำหรับการเตรียมเครื่องมือรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะปานกลาง 2-3 ปี
หลังจากในช่วงที่ผ่านมาได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม เช่น มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระยะยาวอย่างยั่งยืน มาตรการรวมสินเชื่อบ้านและสินเชื่อรายย่อยอื่นๆ ข้ามธนาคาร (debt consolidation) มาตรการผ่อนเกณฑ์วงเงิน ระยะเวลากู้ และลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ เป็นต้น
ที่ประชุมให้น้ำหนักกับการดูแลความเสี่ยงสำคัญที่มีนัยต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทยในอีก 2 ประเด็น ดังนี้
1) หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ควรเร่งผลักดันมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้สูงอย่างต่อเนื่อง พร้อมมาตรการชะลอการก่อหนี้ใหม่ รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ทำควบคู่กับการฟื้นฟูรายได้และให้ความรู้ทางด้านการเงินแก่ประชาชน เพื่อให้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนปรับตัวดีขึ้น ภาคครัวเรือนหลุดพ้นจากกับดักหนี้ได้ในที่สุด
2) ความเสี่ยงที่ส่งผ่านระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ในระบบการเงิน โดยเตรียมความพร้อมมาตรการและเครื่องมือรองรับและยกระดับเกณฑ์การกำกับดูแลในช่วงเวลาที่สอดรับกัน เช่น มาตรการดูแลความเสี่ยงของบริษัทขนาดใหญ่ที่ระดมทุนผ่านทั้งช่องทางสินเชื่อและการออกตราสารหนี้ พร้อมกับการมีเกณฑ์กำกับดูแลเพื่อลดการกระจุกตัวของการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์ รวมถึงการมีเกณฑ์เพื่อดูแลความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของกองทุนรวมที่เข้มงวดขึ้น เป็นต้น
สรุปข่าวจากผู้จัดการออนไลน์: ธปท.ห่วงผลกระทบโควิด-19 ยังเสี่ยง เตรียมออกมาตรการช่วยลูกหนี้เพิ่มเติม
3. จับตา 5 เทรนด์เศรษฐกิจ ธุรกิจ ลงทุน ในอนาคต
ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นจากปีก่อน แต่ก็เป็นการเติบโตหลังจากที่เศรษฐกิจต้องสะดุดลงจากการแพร่ระบาดใหญ่ มีความเปราะบางทั้งจากการฟื้นตัวที่ไม่พร้อมเพรียงกัน (K-Shaped Recovery) และปริมาณหนี้ในระดับสูง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เศรษฐกิจไทยจะยังไม่กลับเข้าสู่ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 และยังต้องอาศัยการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลังเพื่อช่วยสร้างโมเมนตัม แต่จีดีพีก็มีโอกาสอัพไซส์ ถ้าภาคธุรกิจปรับตัวรับแนวคิด GROWTH ได้แก่
1) เน้นการลงทุนที่สอดคล้องกับโลก Green Economy ทั้งเป้าหมายลดโลกร้อน ลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเมืองไทยชูยุทธศาสตร์ BCG ขับเคลื่อนประเทศ ธุรกิจที่เป็นโอกาสทั้งกรผลิต จำหน่ายพลังงานแสงอาทิตย์ ธุรกิจแพลนต์เบส
2) การส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวมูลค่าสูงและยั่งยืนรองรับการเปิดประเทศเน้นนักท่องเที่ยวที่มีมูลค่าการใช้จ่าย 1,528 ดอลลาร์ต่อทริป ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 53%
3) เทรนด์การทำงาน เน้นการยกระดับ Productivity ด้วยการปรับกลยุทธ์การบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ท่ามกลางกระแสการแย่งชิง Talent โลกที่เข้มข้นขึ้น
4) การลงทุนต่อยอดจากเทคโนโลยีแห่งอนาคต
5) เทรนด์การดูแลสุขภาพจากที่บ้าน ธุรกิจ In-house Healthcare
สรุปข่าวจากฐานเศรษฐกิจ: Krungthai COMPASS ลุ้นอัพไซส์เศรษฐกิจไทยปี 65
4. เผยอสังหาฯ ยังรุ่ง ติดโผ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง ปี 65
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ หอการค้าไทย เปิดผลสำรวจ ธุรกิจดาวรุ่ง-ธุรกิจดาวร่วง ประจำปี 2565 ดังนี้
10 ธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงในปี 2565
1) ธุรกิจการแพทย์และความงาม ธุรกิจ e-commerce (ธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่าน อิเล็กทรอนิกส์)
2) ธุรกิจแพลตฟอร์ม (ธุรกิจตัวกลางหรือตลาดกลางด้าน อิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจโลจิสติกส์ delivery และคลังสินค้า
3) ธุรกิจด้าน fintech และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต
4) ธุรกิจเวชภัณฑ์ยา ธุรกิจการขายส่งสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และ ทางการแพทย์ ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์
5) ธุรกิจอาหารเสริมและสุขภาพ ธุรกิจขายตรง
6) ธุรกิจแปรรูปยาง เช่น ถุงมือยาง ถุงยาง เป็นต้น ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป
7) ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจ youtuber และการรีวิว สินค้า ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ เช่น อาหารสัตว์สำเร็จรูป การดูแล สุขภาพสัตว์
8) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจ Modern Trade/ร้านค้าปลีกสมัยใหม่
9) ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน
10) ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ธุรกิจท่องเที่ยว และบริการต่อเนื่อง
10 ธุรกิจดาวร่วงปี 2565
1) ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร
2) ธุรกิจฟอกย้อม ธุรกิจหัตถกรรมที่ไม่มีการออกแบบและราคาถูก
3) ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ และวารสาร ธุรกิจรับส่งสื่อสิ่งพิมพ์ตามบ้านและสถานที่ทำงาน
4) ธุรกิจโรงพิมพ์/การพิมพ์ เช่น หนังสือ แผ่นพับ ธุรกิจคนกลาง
5) ธุรกิจผลิตและขายต้นไม้/ดอกไม้ประดิษฐ์ ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ไร้ฝีมือ หรือเสื้อผ้าโหล
6) ธุรกิจเครื่องปั้นดินเผา และเซรามิก
7) ธุรกิจร้านถ่ายรูป
8) ธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ
9) ธุรกิจของเล่นเด็ก
10) ธุรกิจ Call Center
สรุปข่าวจากฐานเศรษฐกิจ: เปิด10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วงปี 65 อาชีพไหนมาแรง-เสี่ยงตกงาน
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า