จับตาตลาดอสังหาฯ ท่ามกลางปัจจัยลบ สต็อกล้นรอระบาย ราคาที่ดิน แนวโน้มตลาดบ้านหรู และมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ DDproperty รวบรวมมาอัปเดตให้ที่นี่
1. สต็อกอสังหาฯ รอระบายกว่า 2 แสนหน่วย คาด 5 ปีหมด
เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) เผยผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่า อัตราการขายค่อนข้างชะลอตัว อัตราการขายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 2.6%
ครึ่งหลังปี 2564 มีหน่วยเหลือขายอยู่ที่ 213,728 หน่วย (ลดลงกว่าสถิติสิ้นปี 2563 ที่มีอยู่ 226,645 หน่วย) แบ่งออกเป็นห้องชุด 86,734 หน่วย สัดส่วน 41% ทาวน์เฮ้าส์ 68,982 หน่วย สัดส่วน 33% และบ้านเดี่ยว 34,145 หน่วย สัดส่วน 16%
ในจำนวนนี้ มี 5 กลุ่มราคาที่มีหน่วยรอขายรวมกัน 56% ได้แก่
1. ทาวน์เฮ้าส์ ราคา 2-3 ล้านบาท หน่วยรอขาย 33,753 หน่วย สัดส่วน 16%
2. ห้องชุด ราคา 2-3 ล้านบาท หน่วยรอขาย 26,757 หน่วย สัดส่วน 13%
3. ห้องชุด ราคา 1-2 ล้านบาท หน่วยรอขาย 24,537 หน่วย สัดส่วน 11%
4. ทาวน์เฮ้าส์ ราคา 1-2 ล้านบาท หน่วยรอขาย 19,245 หน่วย สัดส่วน 9%
5. บ้านเดี่ยว ราคา 5-10 ล้านบาท หน่วยรอขาย 15,683 หน่วย สัดส่วน 7%
ทั้งนี้ คาดว่า ณ สิ้นปี 2564 จะมีหน่วยเหลือไม่เกิน 200,000 หน่วย และคาดว่าต้องใช้ระยะเวลา 5 ปี ในการระบายสต็อก โดยห้องชุด ขายได้หมดในเวลา 32 เดือน ทาวน์เฮ้าส์ 46 เดือน และบ้านเดี่ยว 62 เดือน
อ่านข่าวเพิ่มเติม : ส่องตลาดบ้าน-คอนโดครึ่งปีหลัง กทม.-ปริมณฑลสต๊อกท่วม 213,728 หน่วย
2. กรมที่ดินหนุน ขยายเพดานต่างชาติซื้ออสังหาฯ
หลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เตรียมออกมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขยายเพดานให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดในไทยได้เกิน 49% ตลอดจนให้สิทธิ์เพิ่มที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว เพื่อให้สิทธิ์นักลงทุนต่างชาติ เข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยและนำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
เปิดช่องคนต่างชาติซื้อบ้าน-คอนโด 3 นโยบายรัฐช่วยกระตุ้นอสังหาฯ ไทย
มาตรการดังกล่าวได้รับความสนใจจากภาคเอกชน เพราะนอกจากจะระบายสะต๊อกคอนโดมิเนียมได้มากขึ้นแล้ว ยังขยายในเรื่องของการขายบ้านหรูให้ต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมากกว่าคนไทย จากเดิมที่กฎหมายไทยไม่เปิดให้ต่างชาติซื้อที่ดินพร้อมที่อยู่อาศัยได้
คืบหน้าอยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมาย นำเข้าที่ประชุม ศบศ. และเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อยกร่างเป็นพระราชกำหนดต่อไป
ล่าสุด กรมที่ดินสนับสนุนมาตรการขยายเพดานการถือครองกรรมสิทธิ์ในห้องชุดที่เพิ่มขึ้น รวมถึงบ้านแนวราบของ ศบศ. ที่เตรียมเสนอเข้า ครม.พิจารณา โดยมองว่า สามารถช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้
พร้อมกันนี้ได้มีเงื่อนไขเพิ่มเติมในบางประเด็น โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมจะต้องเป็นโครงการใหม่มีขนาดพื้นที่ภายในโครงการไม่น้อยกว่า 5 ไร่ เป็นต้น และเนื่องจากต้องการขายให้กับกลุ่มต่างชาติ สินค้าต้องมีคุณภาพที่ดี และกำหนดระดับราคาขายที่สอดคล้อง
อ่านข่าวเพิ่มเติม : กรมที่ดินหนุนขยายเพดาน ต่างชาติซื้ออสังหาฯไทย
3. ตลาดบ้านหรู 10 ล้านขึ้นไป ยังเติบโต แม้เผชิญโควิด-19
ไนท์แฟรงค์ เปิดเผยภาพรวมตลาดบ้านระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ในช่วงครึ่งแรกปี 2564 ยังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจ บางโครงการปิดการขายได้ภายในระยะเวลาไม่นาน ผู้ประกอบการจึงมีการลงทุนพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
แม้ทิศทางของตลาดบ้านหรูจะมียอดขายดี แต่การที่มีอุปทานใหม่เข้ามาเพิ่มเกินความต้องการอาจจะทำให้ตลาดชะลอตัวได้ เนื่องจากตลาดบ้านหรูยังเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเล็กและอุปสงค์ของตลาดกลุ่มนี้ยังคงมีเพียงจำกัด
โดยครึ่งแรกปี 2564 โครงการบ้านระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวนหน่วยเหลือขาย 224 โครงการ หน่วยสะสม 20,018 หน่วย และขายได้ 13,276 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ 66% โดยอัตราการขายเพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งมีอัตราการขายอยู่ที่ 30%
ส่วนจำนวนหน่วยขายได้ใหม่พบว่า มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 1,610 หน่วย ซึ่งมีจำนวนค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่เฉลี่ยประมาณ 2,500 หน่วยต่อปีเท่านั้น และคาดว่าในครึ่งหลัง 2564 จำนวนหน่วยขายได้ใหม่จะเพิ่มสูงขึ้นเกือบประมาณ 3,000 หน่วย
ทั้งนี้ บ้านราคา 10-20 ล้านบาท มีอุปสงค์สูงสุดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7,218 หน่วย รองลงมาคือ บ้านราคา 21-30 ล้านบาท และ 31-40 ล้านบาท มีอุปสงค์อยู่ที่ 2,612 หน่วย และ 1,871 หน่วยตามลำดับ
ในส่วนของอัตราการขายที่สูงสุด คือ บ้านที่มีราคาสูงกว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากอุปทานที่มีอยู่จำกัด มีอัตราการขายที่ 83% รองลงมาได้แก่ บ้านราคา 21-30 ล้านบาท และ 51-60 ล้านบาท มีอัตราการขายที่ 77% และ 74% ตามลำดับ ส่วนบ้านราคา 61-70 ล้านบาท เป็นระดับราคาที่มีอุปสงค์ต่ำที่สุดและอัตราการขายต่ำที่สุด
อย่างไรก็ดี แนวโน้มครึ่งหลังปี 2564 ยังคงมีสัญญาณที่ดีเมื่อเทียบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อบ้านในกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่มีความมั่งคั่งทางการเงินที่ยังสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ตามปกติ และส่วนใหญ่จะซื้อด้วยเงินสดมากกว่าการขอสินเชื่อ แม้ในช่วงนี้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงก็ตาม
อ่านเพิ่มเติมข่าวเพิ่มเติม : ภาพรวมตลาดบ้านระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า