สรุปข่าวเด่นอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 2-6 ส.ค. 64

7 Aug 2021

ในรอบสัปดาห์นี้ เศรษฐกิจ อสังหาฯ และการลงทุน มีหลากลายประเด็นที่ต้องจับตา รวมถึงแนวโน้มในอนาคต DDproperty รวบรวมมาอัปเดตให้ที่นี่

Subscription Banner for Article

1. หนุนต่างชาติซื้ออสังหาฯ ไทยเป็นบ้านหลังที่สอง

จากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบร่างแก้ไขกฎหมาย ขยายเพดานให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ในไทยได้มากขึ้น เพื่อดึงต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงให้นำเม็ดเงินมาลงทุน ใน 3 แนวทาง คือ

  1. ขยายเพดานสัดส่วนกรรมสิทธิ์ซื้อห้องชุด เป็น 70-80% (จากปัจจุบัน 49%)
  2. ปลดล็อกต่างชาติซื้อบ้านพร้อมที่ดิน ระดับราคา 10-15 ล้านบาทขึ้นไป
  3. กำหนดให้นักลงทุนต่างชาติทำสัญญาเช่าได้สูงสุด 30 ปี จะมีการขยายเพิ่มเป็น 50 ปี และต่อได้อีก 40 ปี

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ มองว่า เป็นนโยบายการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็น “บ้านหลังที่สอง” ที่มุ่งเน้นดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อ-เช่าอสังหาฯ ไทยมากขึ้น ทั้งกลุ่มที่เกษียณอายุแล้วให้มาพำนักระยะยาวในประเทศไทย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังในการใช้จ่ายเงินสูงจากเงินบำนาญเงินเก็บออม และประกันสุขภาพจากรัฐสวัสดิการ รวมถึงกลุ่มที่ต้องการเข้ามาซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สินกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในประเทศ

เปิดช่องคนต่างชาติซื้อบ้าน-คอนโด 3 นโยบายรัฐช่วยกระตุ้นอสังหาฯ ไทย

 

2. เศรษฐกิจไทยแตะภาวะถดถอย คาดฟื้นปลายไตรมาส 4/64

วิจัยกรุงศรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไตรมาส 2/2564 อ่อนแอลงจากไตรมาสแรก ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน โดยคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 2 อาจหดตัวจากไตรมาสแรกที่ -0.6% (QoQ) แต่หากเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อนอาจขยายตัวได้ 7% (YoY)

ไตรมาส 3/2564 เศรษฐกิจยังเผชิญกับการระบาดที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกทม.และปริมณฑล มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวด ทำให้หลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก และการระบาดในภาคการผลิตอาจกระทบอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกได้ จึงมีความเสี่ยงสูงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และติดลบกว่าเดิม

ทั้งนี้ คาดการณ์ GDP ปี 2564 จะขยายตัว 1.2% (เดิมคาด 2.0%) ผลจากโควิด-19 ที่รุนแรงและยาวนาน จากแบบจำลองชี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันจะลดลงต่ำกว่า 1,000 ราย ในเดือนพฤศจิกายน สะท้อนมาตรการควบคุมยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเดือนตุลาคม กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศจึงยังคงซบเซา

อย่างไรก็ดี คาดว่าเศรษฐกิจจะค่อย ๆ ฟื้นในช่วงปลายไตรมาส 4/2564 ตามเศรษฐกิจโลกที่ปรับดีขึ้น การฉีดวัคซีนจำนวนมาก และการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดในประเทศ

อ่านเพิ่มเติม: บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทย วิจัยกรุงศรี

 

3. จับตาก่อสร้างระบบสำเร็จรูป (พรีคาสท์) หลังอสังหาฯ ฟื้นตัว 

สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เผยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งแรกปี 2564 ยอดการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลง 40-50% ผู้ประกอบการคาดหวังว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 จะไม่รุนแรง และทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ออกมาในช่วงไตรมาส 3-4 แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดรุนแรงในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอารมณ์ซื้อและกำลังซื้อหดตัวหนักกว่าเดิม

ประกอบกับมาตรการเข้มงวดต่าง ๆ ยังคงอยู่ ทั้งการเว้นระยะห่างทางสังคม การจำกัดการเดินทางในประเทศและระหว่างประเทศ ทำให้ปี 2564 เป็นปีที่การเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต่ำที่สุดในรอบ17 ปี นับตั้งแต่ปี 2547 โดยมีจำนวนไม่เกิน 40,000 ยูนิต ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร

ขณะที่ยอดโอนรับรู้รายได้อาจจะลดลงไม่ถึง 50% เพราะมีการล็อกดาวน์ ยอดโอนในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมลดลง โดยคาดว่าภาพรวมทั้งปีจะลดลง 10-15% ต่ำกว่าปี 2563

ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2564 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงมีการโอน เพราะมีสต็อกมีบ้านที่รอส่งมอบ แต่ในเดือนสิงหาคม-กันยายน คงถูกเลื่อนไป เนื่องจากในช่วงล็อกดาวน์ ไม่มีงานประกอบติดตั้งใหม่

ใน 6 เดือนข้างหน้า คาดว่าภาพรวมผู้ประกอบการยังคงระมัดระวังการก่อสร้าง จาก 2 ปัจจัย ทั้งเศรษฐกิจชะลอตัวและแรงงานก่อสร้างที่กระจัดกระจายไป การเร่งก่อสร้างทำได้ยาก วิธีแก้ปัญหาคงต้องใช้ระบบสำเร็จรูป หรือพรีคาสท์ในการติดตั้งแทน

อ่านข่าวเพิ่มเติม: พิษล็อกดาวน์ทุบอสังหาฯ อ่วมเปิดโครงการต่ำสุดรอบ 17 ปี ไม่เกิน 4 หมื่นยูนิต

อสังหา EEC

4. EEC ลงทุนเพิ่ม 3 แสนล้าน ตั้ง 7 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ

คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ด EEC เปิดเผยถึงการพิจารณาจัดตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพิ่มเติม 7 แห่ง ในจังหวัดชลุบรี 4 แห่ง และจังหวัดระยอง 3 แห่ง ภายในปี 10 ปี (2564-2573) เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย คาดใช้เงินลงทุน 3 แสนล้านบาท

EEC โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก พลิกโฉมตลาดอสังหาริมทรัพย์

โดยเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการอุตสาหกรรม รูปแบบนิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มเติม 5 แห่ง ในจังหวัดชลบุรี 3 แห่ง ได้แก่ นิคมโรจนะแหลมฉบัง นิคมโรจนะหนองใหญ่ และนิคมเอเชียคลีน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบินและโลจิสติกส์ เกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ

ในจังหวัดระยอง 2 แห่ง ได้แก่ นิคมเอ็กโก และนิคมดับบลิวเอชเออินดัสเตรียลเอสเตทระยอง รองรับยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ โดยมีจำนวนพื้นที่โครงการรวม 6,884.42 ไร่ เป็นพื้นที่รองรับประกอบกิจการ 5,098.56 ไร่ เงินลงทุน 280,772.23 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการพิเศษ จำนวน 1 แห่ง ได้แก่ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง จังหวัดระยอง พื้นที่โครงการ 519 ไร่ รองรับงานวิจัยพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล และกิจการที่เกี่ยวข้อง พื้นที่ประกอบกิจการ 360 ไร่ เงินลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท

ตลอดจนเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการพิเศษ ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ (พัทยา) หรือ EECmd โดยขยายพื้นที่เพิ่ม 18.68 ไร่ จากเดิมมีพื้นที่ 566 ไร่ เป็นพื้นที่รวมประมาณ 585 ไร่ เงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท

อ่านเพิ่มเติม: EEC เพิ่มเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ 7 แห่ง พื้นที่ 8 พันไร่ ดึงเงินลงทุน 3 แสนล้าน

 

5. ดัชนีความเชื่อมั่นอสังหาฯ ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (REPORT ON BUSINESS SENTIMENT INDEX) เดือนกรกฎาคม 2564 ดัชนีฯ ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 41.4 จาก 46.5 ในเดือนก่อน ตามการปรับลดลงในเกือบทุกธุรกิจ

โดยกลุ่มผลิตเหล็ก ความเชื่อมั่นปรับลดลงต่อเนื่องมาอยู่ในระดับต่ำ จากคำสั่งซื้อที่ชะลอลงตามราคาเหล็กที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ความเชื่อมั่นของกลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ปรับลดลงมากและอยู่ในระดับต่ำ จากองค์ประกอบด้านต้นทุน เนื่องจากราคาวัตถุดิบ อาทิ เหล็ก อลูมิเนียมและพลาสติกยังอยู่ในระดับสูง

สำหรับภาคที่มิใช่การผลิต ความเชื่อมั่นของธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง และความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดที่ยืดเยื้อและรุนแรง ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ

อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นด้านสภาพคล่องทั้งในปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้าที่ ปรับลดลงอีกครั้ง และอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 สะท้อนว่าธุรกิจที่เผชิญกับภาวะสภาพคล่อง ตึงตัว มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ตามราคาปัจจัยการผลิตหลายรายการที่ยังอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการจากตลาดในประเทศต่ำ กลับมาเป็นข้อจำกัดหลักสำหรับการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตสูง จากทั้งราคาเหล็กในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง และต้นทุนด้านสาธารณสุขที่สูงขึ้นตามมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดขึ้น นอกจากนั้นราคาน้ำมันที่เริ่มลดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.7%

อ่านเพิ่มเติม: รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือนกรกฎาคม 2564

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

POST COMMENT

You may also like these articles