ในรอบสัปดาห์นี้มีหลายประเด็นที่ต้องตามติด ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย ทิศทางและแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง รวมถึงกระแสคริปโทเคอร์เรนซี DDproperty รวบรวมมาอัปเดตให้ที่นี่
1. ลุ้นบ้านล้านหลัง คาดปรับดอกเบี้ยคงที่นานขึ้นเป็น 7 ปี
คืบหน้าโครงการบ้านล้านหลัง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อรองรับกับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หลังจากที่ได้มีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับเงื่อนไข ขยายกรอบวงเงินจากเดิม 5 หมื่นล้านบาท เป็นปีละ 1.2 หมื่นล้านบาท ขยายระยะเวลาโครงการอีก 3 ปี (2565-2567) จากเดิมที่จะสิ้นสุดปีนี้ และลดดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำกว่า 3% คงที่ 3 ปี
โดยวงเงินให้กู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 1,200,000 บาท ระยะเวลาผ่อนไม่น้อยกว่า 7 ปี และไม่เกิน 40 ปี อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี
ล่าสุด ธอส. จะมีการนำเสนอโครงการบ้านล้านหลังเข้า ครม. ประมาณสัปดาห์หน้า เพื่อช่วยกลุ่มเปราะบางให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ด้วยเงื่อนไขผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ยคงที่นานถึง 7 ปี ผู้กู้ไม่ต้องกังวลต่อภาระที่จะปรับเพิ่ม เพราะสามารถจะกำหนดค่าใช้จ่ายล่วงหน้าได้นาน
อย่างไรก็ดี ความต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือหลังจากนี้ไปอีก 4 เดือน เริ่มเห็นสัญญาณบวก จากการที่คนเริ่มตื่นตัว ไม่กลัวโควิด-19 และปรับตัวให้อยู่กับโควิด-19 รวมทั้งจำนวนวัคซีนที่จะเข้ามามากขึ้น
ขณะเดียวกันนโยบายรัฐเริ่มเห็นผล ทำให้ความเชื่อมั่นกลับมา โดยเฉพาะกำลังซื้อบ้านระดับราคา 3-7 ล้านบาท และ 3-10 ล้านบาท แต่ระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ยังได้รับผลกระทบ ด้วยคุณภาพของกำลังซื้อที่เข้ามาน้อย ทำให้ยอดการปฏิเสธสินเชื่อน้อยลงตามไปด้วย
อ่านเพิ่มเติม: คุณสมบัติ/เอกสารที่ใช้สมัคร โครงการบ้านล้านหลัง ธอส.
2. 3 ตัวแปรกำหนดทิศทางอสังหาฯ 4 เดือนสุดท้าย
สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเเผยว่า แม้การคลายล็อกดาวน์จะเป็นสัญญาณบวกของภาคธุรกิจ แต่มีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะยุติลงอย่างไร กระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว กำลังซื้อผู้บริโภคซบเซา สถาบันการเงินยังเข้มงวดในการให้สินเชื่อ มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูง
ขณะที่ตัวเลขลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ (Walk-in) ยังไม่ดีขึ้น แม้จะมีการใช้ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง (Digital Marketing) มากขึ้น แต่ช่วยได้ระดับหนึ่ง เพราะลูกค้าที่จะตัดสินใจซื้อบ้าน-คอนโด ยังต้องการมาดูโครงการด้วยตนเอง ไม่ได้ดูผ่านออนไลน์แล้วตัดสินใจซื้อ 100% ทันที โดยคาดว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยปี 2564 น่าจะติดลบประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปี 2563
ทั้งนี้ ยังมีต้องจับตา 3 ตัวแปรหลักที่อาจส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะซบเซา
1) เศรษฐกิจ ภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีและไม่มีความชัดเจนว่าจะดีขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
2) โรคระบาด ปัญหาโควิด-19 ยังไม่รู้ว่าจะไปอย่างไรต่อ จะวนกลับมาระลอก 5 ระลอก 6 หรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ ส่งผลต่อความไม่เชื่อมั่นที่สะสมตัวอยู่ ทำให้คนกลัวไม่กล้าจับจ่ายเพราะไม่อยากสร้างหนี้ ชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งสินค้าต่าง ๆ
3) การเมือง ความไม่สงบทางการเมือง คนรู้สึกไม่มั่นใจ ทำให้ชะลอการซื้อเพื่อลงทุน รอดูสถานการณ์ (wait and see)
ทั้งหมดเป็นตัวแปรต่อการปรับตัวของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี ทั้งการจัดโปรโมชั่น ปรับแผนการลงทุนใหม่ และระมัดระวังการขยายธุรกิจ เน้นระบายสต็อกเก่า แทนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีน้อยลงจนถึงไม่มี
อ่านข่าวเพิ่มเติม: อสังหาฯ ปีนี้ทรุดหนัก ติดลบ 15% ลุ้น 4 เดือนสุดท้ายโควิดคลี่คลาย
3. ตลาดบ้านมือสองบูม เกิดนักลงทุนใหม่
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยทิศทางตลาดบ้านมือสองว่า ท่ามกลางซัพพลายที่อยู่อาศัยหลักมีภาวะความเสี่ยงล้นตลาด แต่กลับเห็นสัญญาณเร่งตัวในตลาดบ้านมือสองเพิ่มขึ้นมา ซึ่งอาจแย้งกับคาดการณ์ของหลายฝ่าย ที่มองภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยไม่ครบมิติ ต่างจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป
โดยไทยอ้างอิงภาพจากผู้ประกอบการนักพัฒนาที่ดินที่มีเงินทุนในการโฆษณา และพิจารณาจากหนี้เสีย NPA และ NPL ที่อยู่ในสถาบันการเงินเป็นหลัก ขณะสหรัฐอเมริกาและยุโรปมองภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์จากบ้านมือสองเป็นหลัก และเป็นตัวชี้นำเศรษฐกิจอีกตัวหนึ่ง โดยจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา เติบโตขึ้นมากในรอบ 20 ปี ในช่วงยุคของโควิด-19
เมื่อโฟกัสตลาดบ้านมือสองในไทย พบว่า ตลาดเติบโตขึ้นอย่างมาก มีทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัย และซื้อเพื่อลงทุน ขณะเดียวกันพบบริษัทประเภท AMC (Asset Management Corporation) มีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งตลาดตราสารหนี้ของอสังหาริมทรัพย์ด้วย โดยสิ่งที่น่าจับตามอง คือ กลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ ๆ ที่เข้ามาในตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น รวมถึงกลุ่มบ้านมือสองด้วย
ทั้งนี้ ข้อมูลอ้างอิงจากผู้ลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นไทย ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ลงทุนรายย่อยเพิ่มถึง 800,000 คน ขยายตัวถึง 45% จากเดิม 1.8 ล้านคน เป็น 2.6 ล้านคน สูงสุดในรอบหลายสิบปี โดยเป็นนักลงทุนรายย่อยอายุ 20-30 ปี ส่วนในตลาดบ้านมือสองมีคนอายุ 20-30 ปี ซื้อบ้านมากขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม: โควิดบูม ตลาดบ้านมือสอง เปิด 6 ปัจจัยเร่งอสังหาฯ ไทย
4. อสังหาฯ ติดท็อปลิสต์ ธุรกิจกำลังฟื้นตัว
จากบทวิเคราะห์ “เจาะลึกการปรับตัวธุรกิจไทยท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 และการฟื้นตัวระยะปานกลางแบบ K-Shape” ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจค่อนข้างมาก ซึ่งแต่ละธุรกิจมีการปรับตัวที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของธุรกิจที่สามารถดำเนินการได้ สะท้อนตามลักษณะการฟื้นตัวของรายได้
1) ธุรกิจฟื้นแล้ว (ดัชนีรายได้ > 100) ฟื้นตัวเนื่องจากได้รับอานิสงส์จากตลาดส่งออกและตลาดในประเทศดีขึ้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยางพารา พลังงาน เหล็กและโลหะ อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อาหารและเครื่องดื่ม
2) ธุรกิจกำลังฟื้น (ดัชนีรายได้อยู่ระหว่าง 60 ถึง 100) กำลังฟื้นตัวตามกำลังซื้อในประเทศที่เริ่มกลับมา ได้แก่ ค้าปลีก รับเหมาก่อสร้าง เกษตรแปรรูป ไอทีและเทเลคอม ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การแพทย์ เครื่องจักรและชิ้นส่วน สินค้าอุปโภคและบริโภค เฟอร์นิเจอร์
3) ธุรกิจยังไม่ฟื้น (ดัชนีรายได้ < 60) ส่วนใหญ่เป็นภาคบริการ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ขนส่งและโลจิสติกส์ (ขนส่งทางน้ำ และทางอากาศ) ท่องเที่ยว (โรงแรมและร้านอาหาร) และการบริการส่วนบุคคล
อย่างไรก็ดี การเร่งฉีดวัคซีนของภาครัฐที่ช่วยให้สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จะทำให้แต่ละธุรกิจทยอยฟื้นตัวนับตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 เป็นต้นไป โดยประเมินว่า รูปแบบการฟื้นตัวจะเป็นไปในลักษณะการทยอยฟื้นตัว และไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก
อ่านข่าวเพิ่มเติม: ttb เจาะลึกการปรับตัวธุรกิจไทยในวิกฤตโควิด-19
5. คริปโทฯ ซื้ออสังหาฯ-จ่ายค่าส่วนกลาง
ปัจจุบันสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มองหาการออมหรือการเก็งกำไรในสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามเทรนด์ เปิดซื้อขายบ้านและคอนโดผ่านสกุลเงินดิจิทัลแทนเงินสด รวมทั้งชำระค่าส่วนกลาง
บริษัท บ้านราชประสงค์ จำกัด (มหาชน) เปิดบริการรับแลกเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อให้ผู้สนใจสามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ บ้านพักตากอากาศริมทะเลหัวหิน ชะอำ ผ่าน Wallet ของ Bitkub ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักลงทุนยุคใหม่
ด้วยขั้นตอนที่สะดวกกว่าและใช้เวลารวดเร็วกว่าการโอนเงินแบบเดิม ๆ สามารถใช้ได้ทั้งจองทำสัญญาหรือเต็มจำนวน ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ หรือนักลงทุนจากตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้มีโอกาสเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ บ้านพักตากอากาศ และการลงทุนในระยะยาว
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดรับชำระค่าส่วนกลางในโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โดยลูกบ้านสามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลในพอร์ตการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีออกมาใช้จ่าย ชำระค่าส่วนกลาง เพื่อเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ในการชำระเงิน
โดยสามารถเลือกใช้ได้ถึง 4 เหรียญ ได้แก่ บิตคอยน์ , อีเทอเรียม, เทเทอร์ และ USD Coin-USDC ทำธุรกรรมได้จากทุกวอลเล็ท ฝ่ายจัดการนิติบุคคลจะเป็นผู้แจ้ง Crypto Rate และ QR Code สำหรับสแกนจ่ายและออกใบเสร็จการชำระเงิน นอกจากนี้ลูกบ้านยังสามารถจัดสรรค่าใช้จ่าย แบ่งชำระเงินสดร่วมกับคริปโทฯ ได้ และแบ่งจ่ายเหรียญคนละสกุลได้
Cryptocurrency กับการซื้อ-ขายบ้านในยุคสังคมไร้เงินสด
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า