[PR News] บมจ.ไซมิส แอสเสท เข้าร่วมโครงการ Care the Bear พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการลดโลกร้อน ขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เดินหน้าลดการปล่อย CO₂ เพื่อการพัฒนาอาคารอย่างยั่งยืน
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด “Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการ Care the Bear ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
โดยมีวัตถุประสงค์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อน พร้อมขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้ เพราะการปรับตัวคือปัจจัยสำคัญสู่ความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ “ธุรกิจสีเขียว” หรือ Green project
มีเป้าหมายการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุด โดยส่งมอบ “Asset of life ” ให้กับลูกค้า รวมถึงสร้างความท้าทายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในทุกด้านของการพัฒนา และกลายเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทฯ ได้คำนึงถึงสิ่งนี้มาตลอด
หลายคนอาจสงสัยว่าโครงการอสังหาฯ จะช่วยลดโลกร้อนได้อย่างไร เริ่มจากในช่วงการก่อสร้าง จะช่วยลดพลังงานการปล่อย CO₂ ในสิ่งแวดล้อม จากการเลือกใช้วัสดุที่ประหยัดพลังงานในการผลิต เลือกใช้วัสดุในท้องถิ่นเพื่อลดการขนส่ง และเน้นที่การออกแบบอาคาร ให้แสงแดดเข้าถึงแต่ไม่ให้ความร้อนเข้าสู่อาคาร ลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำได้มากกว่าร้อยละ 40 เพื่อช่วยให้เจ้าของประหยัดค่าสาธารณูปโภค
อีกทั้งมีการเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ไฟฟ้าและสุขภัณฑ์ ที่ประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้อาคาร และเป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนาอาคารอย่างยั่งยืน อีกทั้งเป็นแนวคิดที่สำคัญในการพัฒนาอาคารในปัจจุบันและอนาคตอีกด้วย
ทั้งนี้ ในภาคส่วนของพนักงาน บริษัทฯ รณรงค์ให้พนักงานมีส่วนร่วมในโครงการด้วยหลักการ 6 Cares ประกอบด้วย
1. รณรงค์ให้เดินทางโดยรถสาธารณะหรือเดินทางด้วยกัน
2. ลดการใช้กระดาษและพลาสติก
3. งดใช้โฟม
4. ลดการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน
5. เลือกใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
6. ลดการเกิดขยะ
นอกจากนี้ เรื่องราวของ ไซมิส แอสเสท เพื่อโลกสีเขียวอย่างยั่งยืนยังมีรางวัล Green Certificate การันตีมากมาย อาทิ EDGE Champion มาตรฐานการรับรองอาคารระดับโลก จากสถาบัน IFC (International Finance Corporation: IFC) สถาบันการเงินในเครือของธนาคารโลก (The World Bank Group) และประกาศนียบัตร “ESG100 Company ปี 2566” จากสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมมือกันรักษาสภาพแวดล้อม ก่อนจะสายเกินไป เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต
